14 ธันวาคม 2559

อะไรอยู่ในน้ำเกลือ

เคยไหม คิดว่าน้ำเกลือจะช่วยให้แข็งแรงสดชื่น อ่อนเพลียๆให้น้ำเกลือน่าจะดีขึ้น วันนี้มาดูกันหน่อยว่า อะไรอยู่ใน..น้ำเกลือ

  ชื่ออย่างเป็นทางการของน้ำเกลือคือสารน้ำทางหลอดเลือดดำครับ สารน้ำนี้มีมากมายหลายสูตร หลายส่วนผสม ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ป่วยแต่ละภาวะที่แตกต่างกัน เพราะออกแบบมาให้ผู้ป่วยไม่ใช่คนปกติ ผู้ป่วยจะมีสมดุลของน้ำและเกลือแร่ที่อาจผิดปกติไป แต่คนปกตินั้นสมดุลอยู่ดีๆ ถ้าไปใส่สารน้ำที่ทำให้สมดุลผิดปกติไป ร่างกายก็จะมีกระบวนการเพื่อรักษาสมดุลให้ดี เจ้ากระบวนการนี้อาจทำให้เกิดผลเสีย หรือถ้ารักษาสมดุลไม่ได้ก็อาจส่งผลเสียครับ

   น้ำเกลือนอร์มัล normal saline สร้างขึ้นตั้งแต่ 1831 เป็นสารน้ำที่มีเกลือแร่โซเดียมคลอไรด์ คือ เกลือแกง นั่นเองครับ ไม่มีสารอย่างอื่น ด้วยความที่ความเข้นข้นของโซเดียมใกล้เคียงกับความเข้นข้นของเลือด จึงถูกเรียกว่าสารละลาย normal ซึ่งจริงๆความข้นก็ไม่ได้เป๊ะๆกับเลือดและน้ำที่อยู่นอกเซลต่างๅนัก ใช้มากในการชดเชยการสูญเสียน้ำเช่น ถ่ายเหลวรุนแรง คือ กำเนิดน้ำเกลือนี้ทำมาเพื่อต่อสู้โรคอหิวาตกโรคนะครับ อาเจียนรุนแรง หรือภาวะบาดเจ็บอักเสบติดเชื้อ ที่สารน้ำในหลอดเลือดมันไหลออกไปอยู่นอกหลอดเลือด เลือดในระบบไหลเวียนจึงไม่พอ ต้องให้สารละลายไปช่วยชีวิต
  ถ้าเราให้มากเกินไปน้ำในหลอดเลือดก็จะมากทำให้หัวใจรับไม่ไหวเกิดหัวใจวายได้เช่นกัน  รวมทั้งอย่าลืมว่าเมื่อเข้าสู่ภาวะปกติร่างกายก็ต้องหันมาควบคุมเกลือแร่จากน้ำเกลือที่เราใส่เข้าไปด้วย ก่อนจะให้น้ำเกลือทุกครั้งจึงต้องพิจารณาดูดีๆว่าจะให้เพื่ออะไร คุ้มค่าพอไหม

   จนในปี 1880 Sidney Ringer ได้คิดค้นสูตรน้ำเกลือที่ไม่ได้มีแต่โซเดียมและคลอไรด์ แต่ผสมเกลือโปตัสเซียม แคลเซียม เกลือแลคเตตที่ช่วยปรับสมดุลกรดด่าง ความข้นก็ใกล้เคียงกับเลือดมาก น้ำเกลือนอร์มัลความข้น 308 น้ำเกลือ ringer ความข้น 280  ส่วนเลือดจะข้น 280 ทำให้ชดเชยสารน้ำได้ดีและสมบูรณ์กว่าน้ำเกลือนอร์มัล แต่ก็มีข้อเสียที่จะให้กู้ชีวิตเร็วๆไม่ได้ เพราะเกลือแร่โปตัสเซียมที่ผสมอยู่จะเข้าเลือดเร็วเกินจนหัวใจหยุดเต้นได้
    ตัวอย่างสองอันที่ยกมาก็จะเห็นว่า การจะเลือกใช้สารน้ำใด ปริมาณเท่าไร เป็นเรื่องที่ต้องคิดคำนวณ ไม่สามารถใช้เหมือนๆกันกับผู้ป่วยทุกรายได้ ทั้งน้ำเกลือนอร์มัลและน้ำเกลือริงเกอร์

   ให้แล้วมีพลังงานพอไหม..จะเห็นว่าสารละลายบางชนิดมีน้ำตาลเด็กซโทรส ผสมอยู่ด้วย ในสัดส่วน 5% บ้าง 10% บ้าง  ตอนแรกๆเขาผสมน้ำตาลเพื่อให้ความเข้มข้นพอเหมาะพอดีกับเลือด ให้เข้าไปเม็ดเลือดจะได้ไม่แตก คือ สารละลายน้ำตาลเด็กซโทรส ในน้ำเปล่า ในผู้ป่วยที่ขาดน้ำเปล่า free water ..เห็นว่าวัตถุประสงค์ตอนแรกไม่ได้สร้างมาเพื่อให้พลังงาน
   ส่วนน้ำตาลเด็กซโทรส ที่ผสมมาในน้ำเกลือนอร์มัล จริงอยู่ว่าจะมีน้ำตาลช่วยให้พลังงาน แต่ความข้นของสารละลายก็จะมากมายขึ้นด้วย ยิ่งข้นหลอดเลือดจะยิ่งอักเสบ และถ้าน้ำตาลข้นเกิน 12.5 % หรือ ความข้นเกิน 900 มิลลิออสโมล จะต้องให้สารน้ำนั้นทางหลอดเลือดดำใหญ่แทนที่แขน
   น้ำตาลเด็กซ์โทรสขนาด 5% คือในน้ำเกลือหนึ่งลิตรจะมีน้ำตาล 50 กรัม ได้พลังงานจากน้ำตาลแต่ 180 กิโลแคลอรี่ต่อวัน เอ้า..ผมแถมสองขวดเลย ได้เป็น 360 กิโลแคลอรี่ต่อวัน เท่าน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องเท่านั้น แต่ได้ปริมาณน้ำเข้าไปสองลิตร  กว่าจะได้พลังงาน 2000 ต้องใช้น้ำเกือบสิบลิตร หัวใจวายตายพอดี

  ก็จะเห็นว่าสัดส่วนพลังงานไม่มากเลย จึงดูไม่สมเหตุผลว่ารู้สึกเพลีย กินอาหารไม่ได้ มาให้สารน้ำที่มีน้ำตาลแค่ 5% มันจะดีขึ้นได้ครับ
   ถ้าต้องการสารน้ำเท่ากับที่ขาดเล็กน้อย คือประมาณ 5% ของน้ำทั้งตัว ก็ต้องใช้เกือบลิตรครึ่ง ขาดเล็กน้อยนี่คือเริ่มปากแห้ง ปัสสาวะออกน้อยลง ส่วนที่รู้สึกเพลียๆ ทุกอย่างปรกติยังไม่ขาดน้ำขนาดนั้นนะครับ

   อย่าลืมผลเสียที่ต้องพบ เกลือโซเดียมที่เข้าไป เกลือคลอไรด์ ที่เข้าไป ยิ่งสูงอายุ ใส่น้ำทางหลอดเลือดทีละลิตรสองลิตร มองดูน้อยแต่นั่นคือ 20-30% ของปริมาณเลือดทั้งตัวนะครับ หัวใจจะรับได้ไหม  เป็นคนไข้เบาหวานน้ำตาลที่เพิ่มจะอันตรายไหม และยังมีอันตรายจากการใส่เข็มใส่สายอีก ติดเชื้อได้

   สรุป..น้ำเกลือ ให้เมื่อจำเป็นเท่านั้น...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น