08 มิถุนายน 2559

ยาลดน้ำหนัก

ยาลดน้ำหนัก (ที่ได้รับคำรับรอง) ในปัจจุบัน

การลดน้ำหนัก เป็นการวางแผนในระยะยาวไม่มีคำแนะนำให้ระเบิดพุงหรือระเบิดไขมันในช่วงสั้นๆนะครับ นอกจากจะมีผลเสียแล้ว น้ำหนักก็จะเด้งขึ้นด้วย การกำหนดอาหารและพลังงานรวมถึงการออกกำลังกายยังเป็นการรักษาหลักนับตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต
ส่วนยาลดน้ำหนักนั้น เป็นแค่ตัวช่วยเท่านั้นนะครับหรือเป็นเพียงสะพานนำพาไปสู่ตัวเลขน้ำหนักที่ลดลงได้แต่ไม่ถาวร ต้องวางแผนระยะยาวอย่างที่กล่าวไปแล้วนอกจากนี้ยังไม่นับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นอีก การศึกษาทดลองยาลดน้ำหนักทุกตัวนั้นเขาทำการทดลองกับผู้ป่วยอ้วน อย่างน้อยๆดัชนีมวลกายก็ 35 (ดัชนีมวลกาย เอาน้ำหนักเป็นกิโลกรัมตั้ง หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรที่ยกกำลังสองแล้ว) ดังนั้นใครที่ผอมๆหรือยังอ้วนไม่มากก็อาจไม่ได้ประโยชน์ตรงนี้เลย

  การศึกษาทดลองเขาให้ยาหลังจากควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างเข้มงวดแล้ว เช่นลดพลังงานลง 500 กิโลแคลลอรี่ต่อวันทุกๆเดือนหรือสองเดือน และออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์บวกกับเล่นเวทด้วย หลังจากนั้นจึงเสริมยาเข้าไปและยังปฏิบัติตัวเคร่งครัดต่อเนื่อง ดังนั้นใครที่คิดว่ากินยาอย่างเดียวแล้วจะลดได้..คิดผิดนะครับ

อย่างสุดท้าย ยาลดน้ำหนักจะแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มที่ใช้ได้ในระยะสั้นและใช้ได้ในระยะยาว ตามการศึกษาทดลองที่ออกมาส่วนมากใช้ยา 24-48 สัปดาห์ครับ ...ใช่ครับดูตัวเลขไม่ผิดหรอก 1ปี ครับ หลายๆคนคิดว่าจะใช้ยาเพราะอยากผอมกัดฟันทุบกระปุก 20000 บาท-30000 บาท ครั้งเดียวสองสามเดือน ไม่ได้ผลอีกเช่นกันครับ
  ที่บอกว่ามีผลเสียคือยา ณ ปัจจุบันเป็นยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเป็นหลัก ควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติที่อยู่ที่ศูนย์หิวศูนย์อิ่มของสมอง บางตัวเป็นยากันชัก ทำให้ย่อมเกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ได้ครับ การศึกษาจะต้องควบคุมประเด็นนี้อย่างเคร่งครัด ถ้าใช้ยาผิดหรือเกินไปก็จะเกิดปัญหาได้ครับ

   ยาหลายตัวเช่น sibutramine ก็ถูกถอดจากตลาดเนื่องจากผลเสียต่อระบบหัวใจ (SCOUT trials) ส่วนamphetamine ถ้าท่านลดน้ำหนักได้เสร็จก็อาจผิดกฎหมาย พรบ.ยาเสพติด ไปอดอาหารต่อในเรือนจำครับ
   ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดคือ การใช้ยาลดน้ำหนักต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น ถ้าจะให้ดีต้องเป็นทีมที่มีหลายสาขาวิชาชีพด้วยเพื่อการรักษาโรคอ้วนเท่านั้น อย่าใช้ยาเอง ยาซื้อยากิน อย่าหลงเชื่อโฆษณาครับ ระยะสั้นอาจน้ำหนักลดแต่ต่อมาอาจเป็นโรคทางจิตประสาท ฆ่าตัวตายได้ครับ
เอาล่ะยาที่ยังรับรองและมีใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งยุโรปและอเมริกา

1.topiramate and phentermine, using 23/46 and 92 mg of topiramate and 3.75/7.5 and 15 mg of phentermine

2.Lorcaserin is a selective serotonin 5-HT2C agonist

3.Naltrexone 8-32 mg and bupropion 90-360 mg in combination ข้อสามนี่ เป็นยาเลิกเหล้าและเลิกบุหรี่ด้วยนะครับ ในฐานะที่ผมศึกษาและทำงานด้านนี้มาตลอด อยากได้มากๆๆๆ
สามตัวนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางนะครับลดน้ำหนักได้ประมาณ 5-8 กิโลกรัม และต้องใช้ในรูปยาเม็ดผสมที่เป็นชนิดออกฤทธิ์นานตามที่บริษัทจดทะเบียนเอาไว้เท่านั้นครับ

4.Orlistat is a gastrointestinal lipase inhibitor ตัวนี้การศึกษามากสุด ปลอดภัยสุด แต่มีผลข้างเคียงอันไม่น่าปรารถนาคือ ตดเหม็นมากและลักษณะอุจจาระจะเยิ้มเหมือนน้ำมัน บางครั้งไหลออกมาตลอดครับ

5.centrally acting noradrenergic agents --phentermine, diethylpropion,phendimetrazine, benzphetamine— ยากลุ่มนี้เป็นตัวกระตุ้นประสาทส่วนกลาง ใช้ได้ในระยะสั้นไม่เกิน 12 สัปดาห์ครับ ใช้เพื่อเร่งตัวเลข ใช้นานกว่านี้ไม่รับรองความปลอดภัยครับ

ส่วนยาตัวล่าสุด GLP-1 receptor agonist ที่เราใช้รักษาเบาหวาน (ยาฉีดที่ชื่อ Liraglutide) ก็ได้รับคำรับรองในการลดน้ำหนักครับ ที่ยาตัวนี้น่าสนใจคือ การประชุม American Diabetes Association ปีนี้ ในแง่โรคเบาหวาน การคุมน้ำหนัก และความปลอดภัยต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด LEADER trials น่าจะออกมาในเดือนนี้ครับ พร้อมๆกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2016

****ดังนั้นผมอาจจะอัปเดตเรื่องนี้ช้าหน่อยนะครับ เพราะฟุตบอลยูโร มันมี impact factor สูงมากจนละสายตาไม่ได้****

สำหรับยา liraglutide และ SCALE trials ผมว่าจะพูดถึงในตอนต่อไปครับ

ที่มา Diabetes Metab J 2012;36:13-25
JAMA. 2014;311(1):74-86
Obes Facts 2015;8:166-174


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น