07 มิถุนายน 2559

เรื่องราวเกี่ยวกับที่มาและแรงบันดาลใจของการทำเพจนี้ครับ

เรื่องราวเกี่ยวกับที่มาและแรงบันดาลใจของการทำเพจนี้ครับ

ไม่น่าเชื่อนะครับ ผมเขียนเพจมาครบหนึ่งปีเต็มโดยเขียนทุกวัน มีวันที่ไม่เขียนบ้างคือยุ่งมากหรือเหนื่อยจัด พยายามสรรหาเรื่องราว เทคนิคต่างๆมาทำให้น่าสนใจ ทุกคนเข้าถึง สร้างสรรค์การแลกเปลี่ยนและสังคมออนไลน์ที่ดี ผมจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาและแรงบันดาลใจของการทำเพจนี้ครับ

เริ่มต้นที่ว่าผมเริ่มเพิ่มงานป้องกันและพัฒนาการให้บริการมาพักหนึ่ง ก็เป็นที่ละเหี่ยใจอย่างยิ่งที่นับวันแพทย์กับคนไข้เริ่มกลายเป็นผู้ให้บริการกับผู้รับบริการมากขึ้นทุกที ผมเริ่มใช้ความง่ายๆบ้านๆกับคนไข้มาพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากมายนัก จนเมื่องานประชุมราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ประจำปี 2558 ถ้าท่านจำได้วันนั้นเป็นพายุฤดูร้อนถล่มกทม. หลายๆคนไม่ได้มาฟังผมเองแต่งตัวออกจากที่พักแต่เช้าเกือบล้มเลิกความตั้งใจแล้ว แต่ว่าฝนหยุดพอดี

วันนั้นเป็นหัวข้อการบรรยายภาคภาษาอังกฤษของศาสตราจารย์ เดวิด เฟลมมิ่ง ประธาน american colleges of physicians ของอเมริกาบินมาบรรยายสดๆที่ไทย โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ ผมเข้าฟังเรื่อง "medical literacy" ท่านกล่าวว่า การสื่อสารที่ดีนั้นเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดของการแพทย์ปัจจุบัน บ่อยครั้งที่คนไข้ออกจากห้องหมอไปแล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลย บางทีสับสนกว่าเดิมอีก
ท่านได้สอนให้ใช้วิธีการหยุดนิ่งเป็นพักๆ มองตา แล้วถามกลับ ให้คนไข้อธิบายหรือสอนเรากลับ teach back method ท่านสอนการพูดให้พูดภาษาชาวบ้าน ฟังแบบชาวบ้าน ท่านสอนให้เอากระดาษมาหนึ่งแผ่น แผ่นเดียวเท่านั้น ขณะอธิบายไปก็เขียนไดอะแกรมสรุปไปพร้อมกันให้คนไข้ดู ห้ามเกินหนึ่งแผ่น เมื่อเขียนเสร็จ ให้ทบทวนความเข้าใจของคนไข้และให้กระดาษแผ่นนั้นกลับบ้าน เพื่อคนไข้จะได้จำได้และสามารถกลับไปบอกคนที่บ้านได้ว่าวันนี้มาหาหมอแล้วได้ "อะไร" กลับไป

ครับ ผมนี่เรียกว่าตาสว่างขึ้นมาทันที พร้อมกับโปรแกรมใหม่ในหัวที่บรรจุพร้อมใช้ทันที และได้นำไปปฏิบัติใช้จนถึงทุกวันนี้ วันเวลาผ่านไปสองเดือนผมเริ่มรู้สึกว่าเราทำได้แค่วันละ 2-3 คนเท่านั้น มันยังไม่สามารถกระจายกว้างๆอย่างที่ต้องการได้เลย ...จนกระทั่ง..วันหนึ่งคนไข้ของผมเอง เอายาชุดมาให้ดูแล้วถามว่า กินยาตัวนี้ได้ไหมเขาดูจากเฟสบุ๊คแฟนเพจ แล้วเปิดไอแพดของเขาให้ดู (ตอนนั้นผมแอบซ่อน i-mobile Hitz โทรศัพท์คู่ใจเงียบๆ) ผมตกใจและคิดว่า เฟสบุ๊กมาร์เก็ตติ้งมันเข้าถึงคนไข้ของเราได้มากกว่าเราอีก แถมบทความที่เขาเขียนก็เข้าใจง่าย ชักจูงให้เห็นตาม วินาทีที่อ่านจบปั๊บเกิดคำถามขึ้นในใจ...ในใจคนที่อ่านเปเปอร์อย่างบ้าบอ..ว่าเฮ้ย..มันจริงหรือเนี่ยทำไมเราไม่เห็นรู้เลย

ตาสว่างกำลังสองครับ..เราต้องใช้ mass marketing นี่แหละ ใจจริงอยากทำบล็อก แต่ทำไม่เป็น อยากทำเว็บก็ทำไม่เป็น คิดถึงเจ้าเพจยาชุดนั้น คิดถึงเพจการแพทย์ต่างๆที่ฟอลโลว์อยู่ --- อยากบอกอาจารย์ 1412 ว่าผมก็รุ่นแรกๆนะครับ --- เอาล่ะทำเว็บเพจนี่แหละ ความรู้ที่ปลายนิ้ว ก็เริ่มเรียนรู้การทำเว็บเพจ โดยที่ความตั้งใจว่าจะไม่เขียนเรื่องยาก หรือเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเลย แต่จะอ่านแล้วย่อย ปรุงแต่งให้ง่าย ทันสมัย ให้กับคนทุกระดับได้อ่าน ส่วนเรื่องยากๆมีคนที่เก่งๆเขาเขียนแล้วครับ เราไม่ไปทำมาร์เก็ตติ้งตลาดซ้ำกัน จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้เขียนสักที จนกระทั่ง 7 มิถุนายน 2558....

ผมยอมรับว่าไฟแห่งการทำงานมันมอดไหม้ น้องๆที่ทำงานบอกว่าเป็น burn out, วิกฤติวัยกลางคน จึงมานอนเล่นอยู่ที่ "บ้านสวนน้อย" อำเภอสีคิ้ว หลายๆท่านอาจเคยได้ยินว่านี่คือ "บ้านฮอบบิท" ของเมืองไทย จำลองดินแดนแห่งไชร์ บ้านเล็กๆของโฟรโด แบ็กกินส์ และผองเพื่อนจาก Lord of the rings วันที่ผมไปเป็นวันธรรมดาลูกค้าไม่มาก และตอนนั้นเขายังไม่ดังเหมือนทุกวันนี้ ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับเจ้าของรีสอร์ท ตอนนั้นเขาใส่ชุดคนงานกำลังทำบ้านหลังใหม่กับคนงานสองสามคน ครับ..อาณาจักรทั้งหมดคุณโปรแกรมเมอร์ที่บ้าหนังเรื่องนี้เข้าไส้ ค่อยๆทำด้วยตัวเอง ค่อยๆสะสมทีละเล็กทีละน้อยจนยิ่งใหญ่ เคยมีอุปสรรคตลอดแม้กระทั่งทางบริษัทวอร์เนอร์ส่งคนมาเตือนเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ เขาก็ไม่ย่อท้อ ดัดแปลงให้ต่างออกไปเล็กน้อย จนกระทั่งหมดปัญหา
ทำมาเรื่อยๆด้วยใจ มินิบาร์ในห้องกินฟรี มีดีวีดีเรื่องฮอบบิทดูไม่อั้น คนงานรักใคร่กัน ใช้คนท้องถิ่น สั่งอาหารท้องถิ่น สร้างงานให้คนแถวนั้น พอเพียง พอใจ ความสุขของเขาคือ รอยยิ้มของแขกที่มาพัก เขาบอกผมว่า วันที่คิดจะทำเขาลงมือทำเลยเต็มที่ มันจะออกมาดีเอง .... กึ๊ก..มันแทงทะลุใจผมทันที ผมพักหนึ่งคืน คิดถึงคำสอนของอาจารย์ที่ผมเคารพมากท่านหนึ่ง ท่านอาจารย์บัญชา สุขอนันตชัย ท่านเคยสอนว่า ปัญหาหรือคำถามใดๆที่ยังตอบไม่ได้ เรามีเวลาแก้ไขจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นในวันรุ่งขึ้น ..ผมควรจะเริ่มเสียที ผมกลัวอะไรอยู่ (อยากบอกอาจารย์บัญชาว่า พระอาทิตย์ของผมขึ้นทุก 48 ชั่วโมงนะครับ) จนวันรุ่งขึ้น

ผมกลับมาที่บ้าน ที่ห้องทำงานที่ท่านเคยเห็น ที่คอมพิวเตอร์เก่าๆเครื่องนั้น ผมเปิดไฟ เปิดพัดลม นั่งนิ่งๆสักพัก เมื่อคอมพิวเตอร์พร้อม เซตค่าเว็บเพจ ตั้งชื่อเรียบร้อย หยิบ Harrison Principle of Internal Medicine 19th edition ขึ้นมา ชำเลืองมองภาพสมเด็จพระราชบิดา ภาพศาลา 100 ปีศิริราช แล้วก้มลงพิมพ์เรื่องราวเรื่องแรก ในคืนวันที่ 8 มิถุนายน 2558 ...

..และนี่คือ...จุดเริ่มต้นของ อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว...
Anniversary #medicine4layman# fanpage

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น