26 พฤษภาคม 2559

ยา empagliflozin

ยา empagliflozin

มารู้จักยาที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้กันนะครับ ข่าวแรงพอๆกับมูรินโญ่มาคุมแมนยูเลยครับ เพราะยาตัวนี้เป็นยาเบาหวานน้องใหม่ที่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ จากการศึกษา EMPAREG-OUTCOME และล่าสุดทางสมาคมแพทย์โรคหัวใจยุโรปประกาศใช้เป็นหนึ่งในยาเบาหวานที่ลดอัตราการตาย อัตราการนอนรพ. จากหัวใจวาย คือยา empagliflozin เป็นยาในกลุ่ม SGLT2 ยาใหม่ที่ใช้รักษาเบาหวานที่เข้ามาในบ้านเราแล้ว เรามาฟังเรื่องราวของเจ้ายาใหม่นี้กันครับ

ร่างกายคนเรามีกลไกการควบคุมกลูโคสที่ไตอย่างหนึ่งคือเลือดเมื่อผ่านมาที่หน่วยกรองของไตก็จะถูกกรองออกมาอย่างอิสระ แต่เมื่อผ่านหน่วยกรองไปที่หน่วยดูดกลับ..ไตจะมีหน่วยดูดกลับเอาไว้ดูดสารต่างๆที่จำเป็นคืนสู่ร่างกาย..ก็จะมีเครื่องจักรคอยดูดกลูโคสกลับเข้ามาในกระแสเลือด ชื่อว่า SGLT2 (sodium glucose cotransporter 2) ในคนที่เป็นเบาหวานนั้นระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากๆก็จะถูกกรองมากๆ เจ้าเครื่องจักรอันนี้ดูดกลับไม่ไหวเกินกำลังจึงเป็นที่มาของการตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ เราจึงมีแนวคิดว่าถ้าเราไปปิดสวิตช์เครื่องจักรตัวนี้ ไม่ให้มันดูดน้ำตาลกลับมา น้ำตาลก็จะไหลออกทางปัสสาวะมากขึ้น น้ำตาลในเลือดก็จะลดลง จึงก่อกำเนิด SGLT2 inhibitors ขึ้นมา ปัจจุบันมียาอยู่ 3 ชนิดที่ได้รับการรับรองคือ cangliflozin, dagagliflozin และ empagliflozin
นอกจากลดน้ำตาลลงได้ โดยเฉลี่ยจะลดระดับน้ำตาลเฉลี่ย (hemoglobin A1c) ลงได้ประมาณ 0.5-1.0% และยังมีผลทำให้น้ำหนักตัวลดลงเนื่องจากปัสสาวะมากขึ้น (น้ำตาลออกมามาก น้ำก็ตามออกมามาก) และมีผลทำให้ความดันโลหิตลดลงด้วย อันนี้กลไกยังไม่ชัดแต่ก็เชื่อว่ามาจากผลของการขับปัสสาวะนี่เอง

แนวทางการรักษาเบาหวานของสมาคมเบาหวานอเมริกาและสมาคมแพทย์ต่อมไร้ท่ออเมริกาได้แนะนำยาตัวนี้เป็นตัวเลือกที่สามารถเลือกใช้ได้หลังจากการรักษาด้วยยาหลักของเบาหวาน (type2 DM) คือยา metformin แล้วไม่ได้ผล
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดคือ ในภาวะที่ร่างกายขาดน้ำเช่นช็อก หรือถ่ายเหลวอาเจียน ยาอาจทำให้ขาดน้ำมากขึ้นเพราะยังปัสสาวะมากอยู่นะ มีรายงานการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะและบริเวณอวัยวะเพศมากขึ้น คิดว่าจากการที่น้ำตาลที่เป็นอาหารของเชื้อออกมาในปัสสาวะมากขึ้น แต่การพบการติดเชื้อนี้ไม่มากและไม่ได้มีอันตรายรุนแรง ส่วนมากจะเป็นการติดเชื้อรา ส่วนข้อต้องระวังอีกสองอย่างคือ ถ้าการทำงานของไตไม่ดี (GFR 30-45 ) ต้องระมัดระวังการใช้และควรลดขนาดยาลง และถ้าเริ่มมีอาการของเลือดเป็นกรด(ketoacidosis) ให้รีบหยุดยาครับ

ที่บอกว่าดังพลิกโลกเพราะว่าปัจจุบันการศึกษาการใช้ยาเบาหวานต้องศึกษาถึงผลของเบาหวานและยาต่อการเกิดโรคหัวใจด้วย ยุคหลังจากยา metformin ในการศึกษา UKPDS ก็แทบไม่มียาเบาหวานใดๆมาลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้ (โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักๆของผู้ป่วยเบาหวาน) จนมีการศึกษาของยา empagliflozin ชื่อ EMPAREG-OUTCOME ตีพิมพ์ปีที่แล้ว ทำการศึกษาการใช้ยานี้ในผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นโรคหัวใจเรียบร้อยแล้ว พบว่านอกจากลดน้ำตาลได้แล้วยังสามารถลดอัตราตาย อัตราการนอนโรงพยาบาลจากโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งมีผลดีในผู้ป่วยหัวใจวายอีกด้วย เป็นที่มาของคำแนะนำของสมาคมแพทย์โรคหัวใจยุโรปที่ออกคำแนะนำใช้ empagliflozin ในผู้ป่วยเบาหวานที่หัวใจวาย ส่วน SGLT2 ตัวอื่นต้องรอผลการศึกษาต่อไป (CANVAS และ DECLARE TIMI58)
แต่การศึกษา EMPAREG นี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก อาทิเช่น ส่วนมากทดลองในผิวขาว และไม่ทราบว่าถ้ายังไม่เป็นโรคหัวใจหรือหลอดเลือด การให้ยาจะยังป้องกันอยู่หรือไม่ และอัตราการเกิดอัมพาตไม่ลดอย่างที่คิด แสดงว่า หัวใจดีขึ้นอาจเป็นกลไกอื่นๆที่ไม่ใช่การลดน้ำตาลอย่างเดียว ตรงนี้ยังต้องทำการศึกษาต่อไปนะครับ รายละเอียดลึกๆ ไปหาอ่านเองนะครับน้องๆหมอที่รัก ผมไม่ได้ลงลึกมาก

ที่มา http://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMe1512602
review article : Eva Y Wong, Pharm Pharmalocol Int J 2016, 4(2)
ADA 2016

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น