ทางอเมริกา ราชวิทยาลัยของเขาได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร annals of Internal Medicine เมื่อ พย. 58 เรื่อง โอกาสพัฒนาการใช้ยาสามัญ โดยคณะกรรมการของเขาเอง ผมอ่านแล้วน่าสนใจดี จึงแบ่งเนื้อหาออกเป็นสองวัน เพราะมันค่อนข้างเยอะ ให้แฟนๆได้อ่านและช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์ เทียบเคียงกับบ้านเราได้ครับ เป็นการรวบรวมการศึกษาจาด google scholar เอาเฉพาะการศึกษาที่ใช้ผลการรักษาทางคลินิก ไม่ใช่ในหลอดทดลองถึงการใช้ยาสามัญ (generic) เทียบกับ ยาต้นฉบับ (brand name)
ตอบคำถาม 5 คำถาม
1. ถ้ามียา generic แล้วหมอจะสั่งยาgeneric แทนยาbrand name หรือไม่ ? คำตอบคือยังไม่มากจนที่ความแตกต่าง ยาในหลายๆกลุ่มใช้แทนแค่ 40-50% เท่านัั้น ทั้งๆที่มีการศึกษาว่าประโยชน์ของยาทั้งสองแบบนี้ไม่ต่างกัน และถ้าทำตามแนวทางที่ใช้ยา generic ที่มีคุณภาพแทนจะลดความสิ้นเปลืองได้มาก เขายกตัวอย่างในการใช้ยา(น่าจะบังคับใช้) ในกลุ่มทหาร --ซึ่งคงทำในบ้านเราไม่ได้--ที่ชดเชยใช้ยาgenericแทน จะลดค่าใช้จ่ายได้ 5900 ล้านดอลล่าร์ ..รบกวนดูหน่วยอีกทีนะ ล้านดอลล์ นะครับ หรือยาความดันถ้าจ่ายตามแนวทางการรักษาที่ใช้ยาราคาถูกนั้นจะเซฟเงินได้ 1200 ล้านดอลล์ เอาตรงที่ลดได้เนี่ยเขาคิดว่าเอาไปเพิ่มเงินที่จะจ่ายต่อหัวประชากรได้อีกมาก ดูแลคนได้อีกมากโดยที่มาตรฐานการรักษาไม่ตกไป ยกเว้นแต่มียาบางตัวที่พิสูจน์แล้วว่ามันไม่มีตัวทดแทนจริงๆ ในการศึกษานี้เขายกตัวอย่างมาสองตัวคือ plavix และ spiriva ที่ถ้าเอาตัว generic จะไม่มีตัวใดเหมือน และถ้าดันทุรังใช้generic ผลเสียที่เกิดอาจมีราคาสูงกว่า การใช้ยาแบรนด์เนม
2. การใช้ยาgeneric ทำให้คนไข้รักษาได้ต่อเนื่องมากกว่าใช้ยาแบรนด์เนมราคาแพงหรือไม่ ? คำตอบคือมากกว่าเพราะราคาที่ถูกกว่าจะทำให้คนไข้ติดตามการรักษาได้มากขึ้น พอติดตามการรักษาสม่ำเสมอ โรคเรื้อรังทั้งหลายก็สงบ ไม่กำเริบหรือลุกลามซึ่งถ้ามันลุกลามก็จะเสียค่ารักษามากขึ้น แต่พอมาดูการศึกษาที่เปรียบเทียบดีๆ ปริมาณข้อมูลมากๆ (ผมอ่านfull paper เขาไม่ได้) ดูว่าคนไข้ที่เริ่มใช้ยาลดไขมันstatin ชนิดgeneric กับชนิดbrand name นั้น มีความแตกต่างกันที่ว่าgeneric ที่ถูกกว่า มีการติดตามการรักษาสูงกว่ากลุ่มที่ใช้แบรนด์เนมแค่ 6% เท่านั้น –การศึกษาแบบนี้คงทำแบบสุ่มได้ยาก ข้อมูลที่มีแม้ไม่ได้เป็นการทดลองแบบสุ่มก็น่าเชื่อถือครับ—
3. แล้วมีข้อมูลใดๆไหมที่จะบอกว่าผลการรักษาของยาgeneric มันเท่ากับยาแบรนด์เนม ? ต้องยอมรับข้อเท็จจริงอันหนึ่งก่อนคือการจดทะเบียนยาgeneric นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ผลการทดลองกับคนเหมือนอย่างที่เราอ่านวารสารซึ่งใช้ยาแบรนด์ เขาแค่ทดสอบว่าสารออกฤทธิ์หลักของยาออกฤทธิ์ได้ มีระดับยาในเลือดและระยะเวลาในการออกฤทธิ์ไม่ต่างกัน..เท่านั้น --ความเห็นส่วนตัวตรงนี้คิดว่าพอไม่ต้องทำลงทุนวิจัยเอง ราคาต้นทุนจึงไม่แพง แต่ก็จะไม่ลึกถึงแก่นของยาอย่างแท้จริงเหมือนยาแบรนด์--- มีการยกตัวอย่างว่ามีรายงานผลการรักษาที่ไม่เหมือนกันของยาแบรนด์และยา generic เช่นยาฮอร์โมนไทรอยด์ ยาโรคซึมเศร้าbupropion แต่ก็มีรายงานว่าใช้แทนกันได้ไม่ต่างกันเช่นกัน ได้แก่ ยากันเลือดแข็งwarfarin ยาลดกรดproton-pump inhibitor หรือบางทีผลการรักษาไม่ต่างกันแต่ผลข้างเคียงอาจต่างกันได้ ทำให้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกยา คำตอบข้อนี้ผมให้ยาแบรนด์ชนะเล็กน้อยครับแต่ก็เพราะว่าข้อกำหนดของ อย. เอง ที่บอกว่าไม่ต้องทดลองผลทางคลินิก ใครจะไปลงทุนทดลองให้เมื่อยตุ้ม ดีไม่ดี ผลการศึกษาออกมาแย่จะต้องปิดบริษัท ืข้อมูลยาgeneric จึงน้อยกว่าครับ
4. แล้วอะไรที่เป็นอุปสรรค ทำให้ไม่ค่อยมีการใช้ยา generic ? อุปสรรคที่สำคัญคือความเชื่อถือ คนอมริกายังเชื่อว่าของดีราคาแพง ของไม่ดีราคาถูก --ผมเองก็เชื่อนะ-- ประเด็นของตัวคนไข้เองนั้นถ้าเลือกได้มีแค่ 36%เท่านั้นที่จะเลือก generic และมีการสำรวจว่าถึงแม้หมอจะเชื่อใจและสั่งยาgeneric แต่ก็มีคนไข้ไม่น้อยที่ขอ request เป็นยาแบรนด์เนม ส่วนประเด็นเรื่องตัวหมอเองนั้นพบว่า 25% ของหมอบอกว่า ฉันคงไม่สั่งยาgeneric ให้ตัวเองแหงมๆ หรือก็ไม่สั่งให้พ่อแม่ฉันด้วย เพราะกลัวเรื่องผลการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจแตกต่างกันถึงแม้ว่ามีการศึกษาว่ามันไม่ต่างกันแล้วก็ตาม เมื่อลงลึกไปดูก็จะเห็นว่านโยบายของรัฐและของบริษัทเองที่ก่อให้เกิดปัญหานี้
รัฐเองก็ดันไปกำหนดว่ายาgeneric ไม่ต้องมีขั้นตอนการพิสูจน์มากมายอย่างที่กล่าวไปแล้ว ข้อมูลแห่งความเชื่อมั่นก็เลยน้อย และบางทีถึงแม้บังคับใช้ยาgeneric แต่ก็ยังมีข้อนกเว้นให้ อาทิเช่น ถ้าหมอระบุต้องแบรนด์เท่านั้น ก็ต้องจ่ายยาแบรนด์เนม หรือบอกมาหลวมๆว่าถ้าเภสัชกรเห็นควรก็เปลี่ยน แต่ไม่เปลี่ยนก็ไม่ผิด คราวนี้ปรากฎว่ารพ. ใดบังคับใช้ยาgeneric อย่างเคร่งครัด ยอดสั่งยาตัวนั้นลดลงเลย
ส่วนบริษัทยาก็เขี้ยวไม่แพ้กัน กระจายข้อมูลซึ่งตัวเองมีมากกว่า ผ่านทางผู้แทนยาแบบกองทัพมด ทั้งหมอและคนไข้เป็นเป้าการโจมตี ผลิตเม็ดยาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ พอมีการเปลี่ยนเมื่อไรคนไข้รู้ทันที หรือที่เจ๋งที่สุด บริษัทแบรนด์เนมนั่นเองที่ผลิตยาgeneric ในอีกชื่อหนึ่งใช้บริษัทลูกเป็นคนทำ แล้วออกมาจำหน่ายดูว่าเป็นทางเลือกที่ถูกกว่า แต่จริงๆก็คือไม่ว่าจะเลือกยาแบรนด์เนมหรือยาgeneric หรือถูกกฏหมายบังคับให้ใช้ยาgeneric อย่างไรมันก็คือ..ของฉัน..
5. แล้วจะทำยังไง ? ลองดูแนวทางของเขาดูนะ
- ใช้การสั่งยาแบบอิเล็กทรอนิกส์ แล้วบีบให้มีแต่ไอเท็มยาgeneric
- ฝึกอบรมหมอให้ใช้ยาgeneric
- แจกบัตรสมนาคุณเมื่อคนไข้ยอมเปลี่ยนมาใช้ยา generic
- ห้ามรับของกำนัลจากผู้แทนยา
- มีตัวอย่างยาgeneric ให้ลองใช้
-ให้ความรู้กับคนไข้เกี่ยวกับยาgeneric --อันนี้นี่เครียดเลย ตัวเองข้อมูลยังสรุปไม่ได้เลย--
- ใช้มาตรการแบบบ้านเราจ่ายยาแพง จ่ายยาแบรนด์ ทางกองทุนไม่จ่ายเงินคืนให้
- ยกย่องว่าเป็นคนดีถ้าจ่ายยาgeneric
- ใช้มาตรการทางกฎหมาย
แล้วคุณล่ะคิดอย่างไร มีเรื่องเกี่ยวกับผู้แทนยา แฟนเพจที่เป็นผู้แทนยาเข้ามาวิจารณ์ได้นะครับ ไม่มีผลต่อยอดสั่งยาหรือพิจารณายาแต่ละไตรมาส และ เรื่องนี้ไม่ถึง manager ของคุณๆแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น