ความรู้พื้นฐานเรื่องไข้
ไข้...ปัญหาหลักที่พาผู้ป่วยมาพบแพทย์ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องไข้ให้ฟังครับ
ไข้ คือ ความรู้สึก ย้ำ.ความรู้สึกนะครับ ว่าร่างกายผิดปกติต้องการความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งจริงๆก็เป็นแบบนั้นครับ ร่างกายต้องการความร้อนเพิ่มเพื่อไปต่อสู้กับสิ่งผิดปกติในร่างกาย ที่เรียกว่า การอักเสบนั่นเองครับ ผู้ป่วยบางคนรับรู้ถึงความร้อนที่ร่างกายผลิตได้ ก็จะบอกหมอว่า ฉันตัวร้อนนะ แต่ผู้ป่วยบางรายรับรู้ว่า ฉันหนาวสั่น ไม่ตัวร้อนซักหน่อย คืออาการหนาวสั่น ขนลุก เป็นสิ่งที่ร่างกายทำขึ้นเพื่อผลิตความร้อนนั่นเองครับ อาการไข้ แต่ละคนจึงรู้สึกต่างกัน มากบ้างน้อยบ้าง เราจึงต้องใช้เครื่องมือวัดครับ
เครื่องมือนั้นคือ เทอร์โมมิเตอร์ หรือ ปรอทวัดไข้นี่แหละครับ วัดให้ถูกวิธีคือให้ส่วนโลหะ แนบรักแร้ หรือ อมใต้ลิ้นสัก 5 นาที แล้วเอามาอ่านค่าอุณหภูมิกาย ใครที่ใช้ปรอทดิจิตอลก็ง่ายหน่อย แต่ว่าต้องระวังดีๆครับ ถ้าไปวางตำแหน่งไม่ถูกเช่น ไม่แนบเนื้อพอ ค่าที่อ่านอาจต่ำกว่าของจริงได ถึงแม้มันจะร้องปิ๊บๆ แล้วก็ตาม (ปิ๊บๆ คือ จับเวลาเมื่อค่าอุณหภูมิ นิ่งๆ คงที่) หาซื้อได้ทั่วไปและควรมีติดบ้านครับ หรือใครจะใช้แบบเสียบหู แบบอินฟราเรด ก็ได้ครับ
ไข้ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไรนะครับ ร่างกายเร่งอุณหภูมิเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม ถ้าอุณหภูมิไม่ถึงที่เหมาะสมบางครั้งภูมิคุ้มกันก็ทำงานไม่ดี สารเคมีต่างๆที่ใช้ทำลายสิ่งแปลกปลอมก็ทำให้เกิดไข้ เปรียบง่ายๆ ผู้บุกรุกคือเชื้อโรค ทหารคือภูมิคุ้มกัน ไข้คือ เสียงปืนครับ การได้ยินเสียงปืนแสดงว่าทหารเราดีนะ เรารำคาญเสียงปืนก็แค่อุดหู เปรียบเหมือนการกินยาลดไข้ เราคงไม่ต้องการเสียงปืนจนถึงขั้น เอาทหารออกไป เชื้อโรคก็คงจะชนะเรา เปรียบเหมือนถ้าเราไปใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่เหมาะสม เราอาจสบาย ไม่มีไข้ ไม่รำคาญปืน แต่เราก็จะแพ้สงครามครับ เปรียบง่ายๆแบบนี้แล้วกัน
การลดไข้จึงไม่ได้เป็นการรักษาหลัก แค่ลดความไม่สบายตัวเท่านั้น จึงควรใช้วิธีที่ผลข้างเคียงต่ำๆ ที่ดีๆเลยก็เช็ดตัวลดไข้ครับ ทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ การใช้ยาลดไข้ พาราเซตามอล 1 เม็ดทุกสี่ชั่วโมงถ้ามีไข้ ส่วนการใช้ยาแอสไพรินหรือยากลุ่ม NSAIDs นั้น อาจลดไข้ได้ดี แต่แต่ ลดการอักเสบ คือ ลดกำลังอาวุธของทหารของเราด้วยครับ ดังนั้นควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ครับ
หวังว่าท่านคงเข้าใจ "ไข้" มากขึ้นนะครับ
ไข้...ปัญหาหลักที่พาผู้ป่วยมาพบแพทย์ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องไข้ให้ฟังครับ
ไข้ คือ ความรู้สึก ย้ำ.ความรู้สึกนะครับ ว่าร่างกายผิดปกติต้องการความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งจริงๆก็เป็นแบบนั้นครับ ร่างกายต้องการความร้อนเพิ่มเพื่อไปต่อสู้กับสิ่งผิดปกติในร่างกาย ที่เรียกว่า การอักเสบนั่นเองครับ ผู้ป่วยบางคนรับรู้ถึงความร้อนที่ร่างกายผลิตได้ ก็จะบอกหมอว่า ฉันตัวร้อนนะ แต่ผู้ป่วยบางรายรับรู้ว่า ฉันหนาวสั่น ไม่ตัวร้อนซักหน่อย คืออาการหนาวสั่น ขนลุก เป็นสิ่งที่ร่างกายทำขึ้นเพื่อผลิตความร้อนนั่นเองครับ อาการไข้ แต่ละคนจึงรู้สึกต่างกัน มากบ้างน้อยบ้าง เราจึงต้องใช้เครื่องมือวัดครับ
เครื่องมือนั้นคือ เทอร์โมมิเตอร์ หรือ ปรอทวัดไข้นี่แหละครับ วัดให้ถูกวิธีคือให้ส่วนโลหะ แนบรักแร้ หรือ อมใต้ลิ้นสัก 5 นาที แล้วเอามาอ่านค่าอุณหภูมิกาย ใครที่ใช้ปรอทดิจิตอลก็ง่ายหน่อย แต่ว่าต้องระวังดีๆครับ ถ้าไปวางตำแหน่งไม่ถูกเช่น ไม่แนบเนื้อพอ ค่าที่อ่านอาจต่ำกว่าของจริงได ถึงแม้มันจะร้องปิ๊บๆ แล้วก็ตาม (ปิ๊บๆ คือ จับเวลาเมื่อค่าอุณหภูมิ นิ่งๆ คงที่) หาซื้อได้ทั่วไปและควรมีติดบ้านครับ หรือใครจะใช้แบบเสียบหู แบบอินฟราเรด ก็ได้ครับ
ไข้ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไรนะครับ ร่างกายเร่งอุณหภูมิเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม ถ้าอุณหภูมิไม่ถึงที่เหมาะสมบางครั้งภูมิคุ้มกันก็ทำงานไม่ดี สารเคมีต่างๆที่ใช้ทำลายสิ่งแปลกปลอมก็ทำให้เกิดไข้ เปรียบง่ายๆ ผู้บุกรุกคือเชื้อโรค ทหารคือภูมิคุ้มกัน ไข้คือ เสียงปืนครับ การได้ยินเสียงปืนแสดงว่าทหารเราดีนะ เรารำคาญเสียงปืนก็แค่อุดหู เปรียบเหมือนการกินยาลดไข้ เราคงไม่ต้องการเสียงปืนจนถึงขั้น เอาทหารออกไป เชื้อโรคก็คงจะชนะเรา เปรียบเหมือนถ้าเราไปใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่เหมาะสม เราอาจสบาย ไม่มีไข้ ไม่รำคาญปืน แต่เราก็จะแพ้สงครามครับ เปรียบง่ายๆแบบนี้แล้วกัน
การลดไข้จึงไม่ได้เป็นการรักษาหลัก แค่ลดความไม่สบายตัวเท่านั้น จึงควรใช้วิธีที่ผลข้างเคียงต่ำๆ ที่ดีๆเลยก็เช็ดตัวลดไข้ครับ ทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ การใช้ยาลดไข้ พาราเซตามอล 1 เม็ดทุกสี่ชั่วโมงถ้ามีไข้ ส่วนการใช้ยาแอสไพรินหรือยากลุ่ม NSAIDs นั้น อาจลดไข้ได้ดี แต่แต่ ลดการอักเสบ คือ ลดกำลังอาวุธของทหารของเราด้วยครับ ดังนั้นควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ครับ
หวังว่าท่านคงเข้าใจ "ไข้" มากขึ้นนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น