lemborexant สำหรับชาวนอนไม่หลับ
22 พฤศจิกายน 2568
lemborexant สำหรับชาวนอนไม่หลับ
ยา orexin inhibitors จะทำให้การกระตุ้นลดลง เราจึงง่วงนอน นับเป็นยาที่ทำงานกับวงจรการหลับตื่นโดยตรง
ไม่ไปกดการทำงานส่วนอื่น ทำให้ไม่เบลอไม่ซึม และไม่เสพติด
ตัวยาออกฤทธิ์เร็วและสั้น ขนาด 5 มิลลิกรัม ใช้ก่อนนอนประมาณไม่เกินหนึ่งชั่วโมง คืนละเม็ด ย้ำว่าในช่วงปรับพฤติกรรมการนอนให้ดี ยาเป็นแต่ตัวช่วย ไม่ใช้ตัวรักษา
ยาต้องใช้ภายใต้การควบคุมของคุณหมอ และต้องให้เภสัชกรทบทวนยาอื่น เนื่องจากมีปฏิกิริยากับยาอื่นด้วย
ในบางคนอาจยังติดง่วงมาตอนเช้าได้ แม้จะน้อยกว่ายารุ่นพี่ suvorexant แต่ก็อาจมีง่วงเช้า อันนี้อันตรายถ้าขับรถขับรา
ฤดูหนาวอย่าอาบน้ำเย็น เสี่ยงอัมพาตจริงไหม ?
ฤดูหนาวอย่าอาบน้ำเย็น เสี่ยงอัมพาตจริงไหม ?
เมื่อร่างกายสัมผัสน้ำเย็น หลอดเลือดจะหดตัวเพื่อลดการเสียความร้อน หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตขึ้น อัตราการหายใจเพิ่ม ทั้งหมดนี้ทำเพื่อรักษาอุณหภูมิกาย หลายคนอ้างว่าหัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตขึ้นสูงทันที อันนี้เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองตีบแตก
1.จริงครับ ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเป็นเช่นนั้น แต่ถามว่ามันส่งผลต่อหลอดเลือดสมองจริงไหม คำตอบคือน้อยมากครับ เพราะสมองมีกลไกที่ชื่อว่า autoregulation คอยปรับไม่ให้การไหลของเลือดสู่สมอง ถูกแปรปรวนจากค่าความดันและชีพจร ยกเว้นความดันดีดไปสูงมาก ๆ เช่นเกิน 220/120
2.อัตราการเต้นหัวใจเร็วขึ้นก็จริง แต่เร็วขึ้นแบบ sinus tachycardia เร็วตามธรรมชาติ แทบไม่ส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด หลอดเลือดผิวหนังตีบแต่ก็จะขยายในเวลาไม่นาน เพราะมีระบบป้องกันของเสียคั่ง ร่างกายคนเราไม่ยอมตายง่าย ๆ ครับ
3.มีการศึกษาความเปลี่ยนแปลงนี้จริง ทำในอาสาสมัครสุขภาพดี พบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจริงแต่ไม่เกิดอันตราย เลย “คาดว่า” ในคนสูงวัยหรือเป็นโรคหัวใจ อาจควบคุมปฏิกิริยานี้ไม่ได้จนอันตราย
4.ไม่มีการศึกษาโดยตรงว่าการอาบน้ำเย็นจะทำให้เกิดปฏิกิริยาแบบนี้ มีแต่การศึกษา “แช่น้ำแข็ง” คือ ต้องจุ่มทั้งตัวและต่อเนื่องกันนานพอสมควร ไม่ใช่อาบน้ำ และเรียกภาวะที่ผิดปกติจากการแช่น้ำเย็นจัดจนอันตรายต่อระบบไหลเวียนนี้ว่า cold shock
5.มีรายงานว่าเกิดหลอดเลือดสมองตีบหลังอาบน้ำมากกว่าเวลาปกติ แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่าน้ำอุ่น น้ำเย็นทำให้เกิดเหตุ และที่สำคัญการศึกษาที่มีน้อยมากเหล่านี้เกือบทั้งหมดเป็นรายงาน case report และ retrospective ความแปรปรวนข้อมูลเยอะมาก และจำนวนเคสน้อยมาก ยากที่จะมาสรุปว่าอาบน้ำเย็นทำให้อัมพาต
6.ถ้าว่ากันด้วย คนที่มีโรคหัวใจหรือโรคสมอง อาจจะมี autoregulation ที่บกพร่อง แบบนั้นก็ “อาจจะ” ต้องระวังการแช่น้ำเย็นหรือจมน้ำ ว่ายน้ำเย็น ไม่ใช่การอาบน้ำเย็นที่สัมผัสน้ำด้วยพื้นที่ผิวกายไม่มากในจุดเวลาหนึ่ง ไม่เหมือนแช่น้ำและเวลาที่อาบน้ำก็ไม่นานพอด้วย
7.และไม่สามารถแปลผลกลับด้วยว่า การอาบน้ำอุ่นจะปลอดภัย
8.สาเหตุสำคัญยังเป็นความเสี่ยง บุหรี่ เบาหวาน ความดัน ไขมัน ไม่ออกกำลังกาย ควบคุมโรคประจำตัวไม่ดี ไตเสื่อม อย่ากังวลมากนักกับการอาบน้ำเย็น
9.หลอดเลือดสมองแตก ส่วนมากจากหลอดเลือดแดงโป่งเป็นกะเปาะ หลอดเลือดจับตัวผิดปกติ และความดันโลหิตสูงที่คุมไม่ได้ (และไม่มีอาการเสียด้วย)
10.สรุป อาบน้ำได้ แต่อาบน้ำเย็นมันจะหนาว ก็อาบน้ำอุ่นเอาแล้วกัน ไม่ต้องไปกังวลเรื่องอัมพาตจากการอาบน้ำมากนักหรอกครับ
21 พฤศจิกายน 2568
rimegepant สำหรับชาวไมเกรน
gepant สำหรับชาวไมเกรน
อีกหนึ่งการรักษาไมเกรน ยา rimegepant เป็นยากลุ่ม CGRP antagonist พูดภาษาชาวบ้านคือออกฤทธิ์ยับยั้งจุดปวดไมเกรน เรียกว่าตรงจุดมากขึ้นกว่ายาในอดีต
รูปแบบยาเป็น ODT (oral disintegrating tablet) คือละลายในปากไม่ละลายในมือ ให้อม แต่อย่ากลืน
แก้ไมเกรนเฉียบพลัน : อมหนึ่งเม็ดตอนเริ่มปวด หรือเมื่อมีอาการนำว่าจะปวดก็อมเลย แก้ปวดได้ชะงัดนัก หรือไม่ก็คลายลงเยอะ ใช้ร่วมกับยาแก้ปวดไมเกรนอื่นได้
กันไมเกรน : ต้องคุยกับหมอก่อนว่ามีข้อบ่งชี้การป้องกัน สามารถเลือกยานี้เป็นทางเลือกหนึ่งได้ (ยาป้องกันมีหลายตัว) โดยให้อมวันเว้นวัน
ตับพัง ไตวาย ห้ามอม, คนท้องก็ไม่ให้อม และถ้าใช้ยาอื่นด้วยโดยเฉพาะยาต้านเชื้อรา ยาฆ่าเชื้อ ควรปรึกษาเภสัช กันยามาตีกัน
พกยาตัวเดียว อมได้ครอบจักรวาลไมเกรน ทั้งกันทั้งแก้ แต่ยายังราคาสูงมาก จะเลือกใช้วิธีอื่น ยาอื่นก็ได้ ไม่ผิดกติกาครับ
19 พฤศจิกายน 2568
MATISSE : การศึกษาฉีดวัคซีน RSV ในแม่เพื่อหวังผลปกป้องลูก
MATISSE : การศึกษาฉีดวัคซีน RSV ในแม่เพื่อหวังผลปกป้องลูก
ไวรัสอาร์เอสวี คือเป็นไวรัสที่ก่อปัญหาติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กแรกเกิดที่สำคัญมาก (อีกกลุ่มคือผู้สูงวัยเกิน 70 ปี) ยาที่ใช้ป้องกันคือ monoclonal antibody ที่ราคาแพงมาก เราจึงมีแนวคิดเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันในแม่แล้วส่งต่อมาปกป้องลูก โรคที่ทำได้คือ คอตีบไอกรนบาดทะยัก โรคโควิด-19 และตอนนี้เรามาดูอาร์เอสวีกัน
วัคซีนที่ใช้เรียกว่า bivalent prefusion F vaccine ที่มีเชื้ออาร์เอสวีทั้งสองสายพันธุ์และไม่ใช้สาร adjuvant (สารเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีน) ที่จะอันตรายต่อเด็กทารก ส่วนวัคซีนอีกชนิดจะทรงพลังในผู้สูงวัยเพราะใช้ระบบแอดจูแวนท์ที่ประสิทธิภาพสูงมาก แต่ข้อมูลในหญิงตั้งครรภ์ยังไม่แน่ชัด **บริษัทผู้ผลิตจึงทำวิจัย** ประสิทธิภาพและความปลอดภัยแบบ RCTs ลงตีพิมพ์ใน NEJM 20 เมษายน 2023 และได้รับคำแนะนำในแนวทางการฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์สำหรับประเทศไทยปี 2568
หญิงตั้งครรภ์อายุประมาณ 30 ปี จำนวน 7392 ราย แบ่งกลุ่มฉีดวัคซีน 3695 รายและฉีดยาหลอก 3676 ราย โดยฉีดวัคซีนที่อายุครรภ์ประมาณ 30 สัปดาห์แล้วติดตามผลเพื่อดูเป้าหมายหลักคือมีเด็กทารกต้องเข้ารับการรักษาเพราะ RSV ต่างกันหรือไม่ทั้งชนิดป่วยรุนแรงและภาพรวมการป่วยจากการติดเชื้อ RSV ในช่วงหกเดือนแรก รวมทั้งดูผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนทั้งในแม่และเด็กอีกด้วย
ผลปรากฏว่าการศึกษาต้องยุติการการวิเคราะห์ผลงวดแรกเพราะประโยชน์ดีเกินคาด ตัวเลขจริงที่ได้คือที่ 90 วันส่วนที่เหลือเป็นการประมาณค่าทางสถิติที่มีการตรวจสอบแล้วว่าใช้ได้ สำหรับการป่วยหนักที่ 90 วันนั้นการฉีดวัคซีนสามารถลดการป่วยได้ 81.8% มีนัยสำคัญทางสถิติและผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำอีกด้วย สำหรับการป่วยรวมหนักและไม่หนักที่ 90 วันนั้นพบว่าการฉีดวัคซีนลดการป่วยลงได้ 57.1% มีนัยสำคัญทางสถิติแต่แค่เกือบผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ และหากดูการประมาณค่าด้วยสถิติตามเป้าหมายเดิมคือที่ 180 วันจะพบว่าสการฉีดวัคซีนสามารถลดการป่วยได้ 50% ลดป่วยหนักได้ 69.4% ซึ่งมีนัยสำคัญและผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำทั้งสิ้น ส่วนตัวเลขการป้องกันโรคโดยรวมของการฉีด nirsevimab ในเด็กนั้นอยู่ที่ 74.5% ที่ 150 วัน
ผลข้างเคียงการฉีดยาที่พบคือปวดบวมจุดฉีดและอ่อนเพลียพบในกลุ่มฉีดวัคซีนมากกว่า แต่เป็นแบบไม่รุนแรงหายเอง ส่วนผลข้างเคียงต่อเด็กไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักแรกเกิดต่ำ คลอดก่อนกำหนด หรือผลตต่อการตั้งครรภ์ พบว่าไม่ต่างจากยาหลอกเลย
ดังนั้นการฉีดวัคซีน RSV ชนิด Pre F bivalent จึงมีประโยชน์ในการปกป้องเด็กแรกเกิดจากการป่วยหนักจาก RSV ได้ 81% โดยที่ผลข้างเคียงไม่ต่างจากยาหลอก จุดเด่นกว่า nirsevimab คือ ราคาถูกกว่าและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า ตอนนี้มีวัคซีนในประเทศนะครับใช้ได้ทั้งผู้สูงวัยและหญิงตั้งครรภ์ครับ
18 พฤศจิกายน 2568
ยาผง ... แก้ข้ออักเสบ ยาผงนั้นน่าจะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์
ยาผง ... แก้ข้ออักเสบ
ผู้ป่วยขาดนัดขาดยาไปสิบเดือน กลับมาอีกครั้งเพราะปวดข้อ
สิ่งที่อยากนำเสนอไม่ใช่ข้ออักเสบที่กลับมาเป็นซ้ำ แต่คือใบหน้าอ้วนกลม แก้มสีเลือดฝาดเพราะหลอดเลือดฝอยผิดปกติ น้ำหนักเพิ่ม ประวัติแบบนี้คลาสสิกมาครับ คือ ไปได้รับยาสเตียรอยด์ในขนาดสูงมา จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย โดยที่โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ไม่ดีขึ้น ที่ไม่ปวดเพราะถูกกดอาการไว้จากสเตียรอยด์
ได้ความว่าซื้อยาทางสื่อโซเชียล เป็นยาผงกลิ่นชะเอม ไม่ได้บอกส่วนผสม ผู้ขายแจ้งว่าชงดื่มเช้าเย็น หยุดใช้มาสองเดือนแล้ว เพราะหมดเงิน ถุงละ 3xxx บาท !!!
ตรวจระดับ serum cortisol ต่ำมาก เกลือแร่ในเลือดผิดปกติ บ่งชี้ว่าต่อมหมวกไตถูกกดการทำงานจนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเพื่อยังชีพได้อย่างพอเพียง
ยาผงนั้นน่าจะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์อย่างแน่นอน อันตรายมากนะครับ การใช้ยาที่เราไม่รู้และไม่มีคนควบคุมแบบนี้
ผมก็ใช้สเตียรอยด์รักษาคนไข้นะ แต่ใช้เมื่อมีข้อบ่งชี้ และควบคุมอย่างเคร่งครัด เพราะยานี้รักษา "อาการ" ได้เร็ว คนไข้ติดใจ แต่โทษมันร้ายมากหากไม่ควบคุม
สรุป..เริ่มประเมินโรคข้อใหม่ ประเมินผลจากสเตียรอยด์ เบาหวาน กระดูกพรุน เกลือแร่ แผลกระเพาะ อ้วน ติดเชื้อ
ได้คุ้มเสียไหมน้อ
16 พฤศจิกายน 2568
สมัยผมสอบเข้าแพทย์...เอ็นทรานซ์
สมัยผมสอบเข้าแพทย์...เอ็นทรานซ์
แถมไม่มีเป้าหมายมุ่งมั่นว่าจะเรียนอะไร
คิดว่าถ้าฉันทำคะแนนเอ็นทรานซ์ได้มากกว่า 75% ฉันน่าจะติดคณะใดก็ได้ที่ยื่นสมัคร
หลังจากนั้นไม่ค่อยสนใจโลก ใครจะกวดวิชา ใครจะสมัครสอบพรีนั่นนี่ ใช้เวลาหนึ่งปีเต็มฝึกทำข้อสอบเอ็นทรานซ์ย้อนหลัง 10 ปี จับเวลาจริง เป็นเวลาสองรอบ (600×10x2=12000 ข้อ) พร้อมทบทวนเวลาดูเฉลย และทำสำเร็จก่อนสอบจริงตั้งหนึ่งเดือน
คิดว่าข้อสอบปีนี้ก็ไม่น่าจะแหวกแนวจากเดิมมากนักหรอก เราทำแบบนี้ได้ ไม่ต้องไปสนว่าคนอื่นเป็นใคร เก่งมาจากไหน รับรองเราไม่ผิดหวัง
ไม่รู้ว่าน้อง ๆ จะเอาหลักนี้ไปใช้ในปัจจุบันนี้ได้ไหม แต่ผมว่าในยุคปัจจุบันถ้าน้องทำได้สัก 80% ของทุกวิชาสอบ น้องน่าจะได้อย่างที่คิด
ผมเลือกคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ของธรรมศาสตร์และจุฬา (ตอนนั้นอยากเป็นนักการเมือง)
สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะได้สอบตรงคณะแพทย์ มันขี้เกียจไปลุ้นอีก เราสอบได้ก็น่าจะพอเรียนได้แหละนะ
ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าน้อง ๆ พร้อมจริง จะใช้วิธีใดเพื่อสอบเข้า ก็คงไม่ยากเกินเอื้อมครับ ทำแบบผมก็ได้นะ เราไม่เก่งอย่างเขา เราก็ทำมากกว่าเขา ลุยไปเลย ชีวิตนี้ได้มาทำแบบนี้อย่างมากก็สองครั้ง
วางแผน...อดทนทำ...ทำอย่างตั้งใจ...อย่าละเลยและทบทวนตัวเองเสมอ
คุณเคยรักใครสักคนไหม…
คุณเคยรักใครสักคนไหม…
คุณหมอชราหน้าหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากจอคอมพิวเตอร์ ชำเลืองมองดูชื่อผู้ป่วยรายนั้น คุณกรองกาญจน์ และวันนี้เธอมาตามนัด “ครับ ผมจะตามไปตรวจที่จุดนะครับ”
คุณกรองกาญจน์ สุภาพสตรีอายุ 68 ปี เธอป่วยเป็นโรคหนังแข็งชนิดลุกลามเข้าอวัยวะภายใน (diffused systemic sclerosis) ปัญหาสำคัญคือปอดเป็นพังผืด หายใจลำบาก เหนื่อยตลอด ออกซิเจนในเลือดต่ำ ทำอะไรเล็กน้อยก็เหนื่อย ต้องใช้ออกซิเจนเกือบตลอดเวลา
คุณหมอชรารักษาและดูแลเธอมาห้าปี อาการเท่าเดิมแต่ร่างกายผู้ป่วยเริ่มเสื่อมถอยลง การรักษามีเพียงให้ยาโรคประจำตัวและประคับประคองจิตใจ
“สวัสดีครับ คุณกรองกาญจน์ กินอิ่มนอนหลับ นับเลขแม่นตามเดิมไหมครับ”
ผู้ป่วยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง สายออกซิเจนคาดจมูก กองไหมพรมและไม้นิตอยู่บนตักเธอตลอด เธอหันมายิ้มและตอบช้า ๆ “มันก็เหมือนเดิมแหละค่ะ จะเป็นห่วงก็แต่คุณรุธ ระยะนี้แกสับสนไปสักหน่อย ไม่ค่อยกินข้าว”
คุณรุธ หรือ นิรุธ คือสามีของเธอที่อยู่ด้วยกันมา 40 ปี คุณรุธอายุมากกว่าเธอ8 ปีและป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ อาการช่วงนี้สงบลงแล้ว ก่อนหน้านี้ชอบเดินออกไปนอกบ้านแล้วกลับบ้านไม่ถูก เธอต้องโทรแจ้ง อบต. ให้ช่วยตามหา
“แล้วทำอะไรให้คุณรุธกินล่ะครับ” คุณหมอชราถามอาการของโรค แฝงมาในคำถามว่าสามารถทำงานที่ใช้เครื่องมือได้หรือไม่
คุณกรองกาญจน์ก้มหน้าลง “ไม่ค่อยไหวแล้วล่ะค่ะ ได้แต่สั่งอาหารมา แล้วจัดอาหารใส่จานให้” สมัยก่อนผู้ป่วยยังพอทำอาหารง่าย ๆ ได้แต่ตอนนี้สภาพโรคและสภาพร่างกายทรุดลงมาก
“อยากจะทำมะม่วงกวนให้คุณรุธ ของชอบแกค่ะ มะม่วงก็มีในสวน คุณหมอมียาบำรุงดี ๆ ไหมคะ จะได้ลุกไปทำมะม่วงกวนได้” สายตาคุณกรองกาญจน์ดูมีประกายขึ้นมาทันที เวลาที่เธอตั้งใจจะทำอะไรเพื่อคนที่เธอรัก
คุณหมอชราติดตามเธอทุกครั้ง ทุกคำถามจะเกี่ยวเนื่องกับการดูแลคุณนิรุธ เพื่อประเมินความเหนื่อย จะทำให้ได้คำตอบที่สามารถประเมินโรคได้ และคำตอบของเธอจะเต็มไปด้วยความเป็นห่วงคุณนิรุธ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วคุณนิรุธแข็งแรงกว่าเธอหลายเท่า และมีลูกสาวลูกเขยช่วยดูแลอยู่ด้วย
การติดตามอาการทำทุกสี่เดือนตามความประสงค์ของคนไข้และความสะดวกของผู้ดูแล ผู้ป่วยไม่เคยขาดนัด มาตามรักษาทุกครั้ง อาการดีบ้างทรุดบ้างสลับกัน จนเมื่อวันหนึ่งลูกสาวผู้ป่วยมาติดต่อขอพบ
“คุณแม่อาการกำเริบค่ะ โรงพยาบาลใกล้บ้านใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจ high flow คุณหมอที่นั่นขอประวัติการรักษาค่ะ”
คุณหมอชรารู้ดีว่าวันนี้คงต้องมาถึง จึงนั่งเรียบเรียงประวัติทั้งหมด สรุปให้เข้าใจง่ายพร้อมส่งสำเนาภาพถ่ายรังสีให้ด้วย ลูกสาวคนไข้ขอบคุณและบอกว่า “คุณแม่รบกวนฝากคุณหมอช่วยดูแลคุณพ่อด้วยนะคะ ให้คุณพ่อมารับยากับคุณหมอ แกเชื่อคุณหมอค่ะ”
แม้แต่ในเวลาที่ตัวเองอ่อนแอที่สุดจนอาจจะเป็นวาระสุดท้ายในชีวิต คุณกรองกาญน์ก็ไม่เคยหยุดห่วงใยสามีที่รักของตน กลัวว่าหากตัวเองจากไป ใครกันเล่าจะช่วยดูแลคนรักของตัวต่อไป แม้ว่าคุณกรองกาญจน์มักจะบ่นว่าสามีให้หมอชราฟังอยู่เสมอ แต่เธอปฏิบัติต่อสามีด้วยความห่วงใย จับมือดูแลกันไปแม้แต่ในเวลาที่ตัวเองอ่อนแรงที่สุด
อ้อ..หนึ่งในสิ่งที่คุณกรองกาญจน์เคยเล่าให้ฟังคือ คุณนิรุธมักจะเดินออกจากบ้านและหลงบ่อย ลืมอะไรต่าง ๆ บ่อย แต่ก่อนนอนทุกคืนคุณนิรุธจะมานั่งคุยเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในแต่ละวันให้เธอฟังเสมอ ถูก ๆ ผิด ๆ เบลอ ๆ บ้าง แต่จะมาคุยกับก่อนจะนอนทุกคืน…ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อสี่สิบปีก่อนเลย
…
…
…
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้
“คุณแม่เสียแล้วนะคะคุณหมอ หนูขอบคุณคุณหมอมากค่ะที่ดูแลแกมานาน” ลูกสาวคุณกรองกาญจน์มาแจ้งข่าว มีชายชราคนหนึ่งเดินไม่คล่องตามหญิงสาวเข้ามา กระพุ่มมือไหว้แล้วเดินมายื่นสิ่งหนึ่งให้กับคุณหมอ เป็นของที่ระลึกงานฌาปนกิจศพและพูดเสียงเบา ๆ แต่แววตานั้นบอกถึงความเศร้าและความรักอย่างชัดเจน
“ขอบคุณคุณหมอที่ดูแลกาญจน์มาตลอดนะครับ”
สองพ่อลูกเดินกลับออกไป พร้อมกับสายลมแห่งความรักของสุภาพสตรีท่านนั้น ที่จะโอบกอดทั้งคู่…ตลอดไป
15 พฤศจิกายน 2568
น้ำที่ดื่มเข้าไป ไม่ได้มีผลอะไรกับการย่อยอาการโดยรวมมากนัก
ชีววิทยา 101 : การย่อยอาหาร
2.น้ำที่ว่านั้น มาจากไหน มาจากตัวอาหารเอง มาจากน้ำที่ดื่มเข้าไป มาจากน้ำระหว่างเซลล์ และมาจากย้ำย่อย
3.น้ำย่อยที่เรารู้จักกัน คือ สารละลาย (น้ำ+โปรตีนเอนไซม์) ที่หลั่งออกมาจากจุดต่าง ๆ ของทางเดินอาหารหรือแม้แต่ต่อท่อมาเปิดในทางเดินอาหาร
4.น้ำทำหน้าที่ไปย่อยอาหาร ส่วนเอนไซม์ทำหน้าที่ไป “เร่ง” ปฏิกิริยาให้เร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นคงย่อยเป็นวัน ๆ ดังนั้น น้ำย่อยมันก็มีน้ำเป็นองค์ประกอบอยู่แล้ว
5.สรุปก่อนจากข้อ 1-4 อย่างไรเราก็ใช้น้ำในการย่อย ต่อให้ไม่ดื่มน้ำเลย เราก็ย่อยอาหารได้
6.แล้วถ้าดื่มน้ำหลังอาหารไปมาก ๆ น้ำย่อยที่เราหลั่งออกมาจะเจือจางไหม อาจจะเจือจางเล็กน้อยในชั่วขณะอึดใจเท่านั้น ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ
7.ในทางเดินอาหารมีการเคลื่อนที่ มีการหลั่งเอนไซม์ มีระบบฟีดแบ็กที่คอยควบคุมสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมกับการย่อยอาหารตลอด ไม่ได้เป็นหลอดทดลองที่ตั้งนิ่ง ๆ ดังนั้นมันจะไม่เจือจางจนทำงานไม่ได้
8.น้ำที่ดื่มเข้าไป ไม่มากพอที่จะทำให้กรดแก่ในกระเพาะเจือจางได้ และถึงมันเจือจางก็ไม่มีผลต่อการย่อย เพราะมันไม่ได้ทำหน้าที่ย่อย มันแค่ทำให้สภาพแวดล้อมเป็นกรด เอนไซม์จะได้ทำงานได้ดี
9.สรุปอีกครั้ง 1-9 น้ำที่ดื่มเข้าไป ไม่ได้มีผลอะไรกับการย่อยอาการโดยรวมมากนัก
10.คำแนะนำ ดื่มน้ำหลังอาหารไปเถอะครับ สดชื่นจะตาย
14 พฤศจิกายน 2568
โปรดฉุกใจคิดและไตร่ตรอง :โปรแกรมล้างพิษหลอดเลือด
โปรดฉุกใจคิดและไตร่ตรอง :โปรแกรมล้างพิษหลอดเลือด ???
มีสื่อออนไลน์หลายสำนัก เพจศูนย์สุขภาพหลายแห่ง ลงบทความและอินโฟกราฟฟิกเรื่องโปรแกรมกำจัดพิษหลอดเลือด เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ลดไขมันในเลือด กำจัดไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือด ในราคา 1XXX และเมื่อคุณกดเข้าไปดู ระบบส่งข้อความจะส่งข้อความมาหาคุณเพื่อให้ข้อมูลและนัดหมาย
ผมได้ลองสอบถามว่า “ใช้วิธีอะไร อันตรายหรือไม่” คำตอบที่ได้คือ “เป็นการให้วิตามินคล้ายการให้น้ำเกลือ” ต่อด้วยต้องทำกี่ครั้ง คำตอบที่ได้คือ “ไม่มีข้อกำหนดตายตัว ขึ้นกับสุขภาพของคุณลูกค้า”
เมื่อผมเงียบไป ก็มีข้อความส่งมาอีกว่า “แถมฟรี วิตามินฟื้นฟูตับด้วย” และรายละเอียดว่าใช้ กรดอะมิโนและกรดไขมันจำเป็น มาทำการล้างพิษหลอดเลือดและลดไขมันในเลือด ด้วยการดริปเข้าหลอดเลือด
จากข้อมูลทางการแพทย์ปัจจุบัน เราใช้การยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์ไขมันและไลโปโปรตีน เพื่อทำการลดไขมันในเลือด ประกอบกับการควบคุมอาหาร ตัวเลขไขมันในเลือดที่ลดลงเป็นเพียงหนึ่งตัวชี้วัดของความสำเร็จในการลดความเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจ นอกจากลดระดับไขมันแล้ว ยาลดไขมันยังลดกระบวนการอักเสบหลอดเลือดและลดการเกิดโรคหัวใจได้จริง
แต่ไม่มีข้อมูลเรื่องการให้วิตามินทางหลอดเลือด หรือ macronutrient ไม่ว่าจะเป็นกรดอะมิโนหรือกรดไขมัน จะไปลดไขมันในเลือดหรือลดการเกิดโรคหัวใจแต่อย่างใด นอกเหนือจากนี้การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutritional treatment) จะทำเมื่อขาดสารอาหารหรือหวังผลรักษา **ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ทางเดินอาหารของร่างกายได้**
ในกรณีนี้ผมถือว่า “ผิด” อย่างรุนแรง เคยเขียนถึงกรณีล้างพิษตับด้วยวิธีนี้มาแล้ว และพบว่าปัจจุบันสถานพยาบาลหลายแห่งก็ยังโฆษณาเช่นนั้นอยู่ คราวนี้มาในอีกรูปแบบ ใช้ความกลัวโรคใหม่มาโฆษณาสิ่งเดิม
ผมเขียนมาให้คุณอ่าน เพื่อให้คุณได้หยุดใจยั้งคิด อย่าให้ความกลัวอันไม่มีเหตุผลมาผลักดันสิ่งที่คุณจะทำ และหวังว่าสมาชิกของเพจเราจะไม่ใครไปหลงเชื่อกลวิธีอันนี้ครับ
13 พฤศจิกายน 2568
วัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ 2568
วัคซีนในหญิงตั้งครรภ์
วัตถุประสงค์ของการฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์มีสองประการ
1.ลดความรุนแรงหากติดเชื้อ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคโควิด-19จะมีความรุนแรงมากขึ้นในหญิงตั้งครรภ์ การรับวัคซีนจะลดความรุนแรงได้ แม่ปลอดภัยลูกก็ปลอดภัย
2.สร้างภูมิคุ้มกันในแม่ ส่งผ่านรกไปสู่ลูก เป็นของขวัญให้เบบี๋อย่างแรกเลย คือวัคซีนคอตีบไอกรนบาดทะยัก วัคซีนไวรัสอาร์เอสวี
ไข้หวัดใหญ่ ถ้าฉีดมาภายในหกเดือนก่อนตั้งครรภ์และยังอยู่ในฤดูระบาดปีนั้น ไม่ต้องฉีดซ้ำครับ แต่ถ้ายังไม่เคยฉีดหรือฉีดมานานกว่า 6 เดือนแล้ว ให้ฉีดหนึ่งเข็มที่อายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์
โควิด-19 สุภาพสตรีแข็งแรงดีในช่วงวัยเจริญพันธุ์แทบไม่มีใครได้ฉีดอยู่แล้วครับ ดังนั้นให้ฉีดหนึ่งเข็มในช่วงอายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์เช่นกัน แต่ถ้าเคยฉีดมาแล้วก็เว้นไปก่อน 6 เดือน
คอตีบไอกรนบาดทะยัก แนะนำฉีดเมื่ออายุครรภ์ 20-32 สัปดาห์ครับ แต่มันจะมีรายละเอียดเพิ่มมากกว่าวัคซีนอื่น คือถ้าเคยได้วัคซีน คอตีบบาดทะยัก (dT) ที่เราใช้ฉีดแทนบาดทะยักเดี่ยว รับมาในช่วงภายใน 10 ปีก่อนการตั้งครรภ์ เมื่อตั้งครรภ์ก็ฉีดแต่วัคซีนไอกรนอย่างเดียวโดยใช้เป็นชนิด acellular pertussis
อาร์เอสวี ปัจจุบันวัคซีนอาร์เอสวีมีสองชนิดนะครับ คือชนิดไบวาเลนท์ ชนิดนี้ใช้ฉีดในหญิงตั้งครรภ์ได้ ฉีดหนึ่งเข็มที่อายุครรภ์ 24-32 สัปดาห์ ส่วนชนิดคอนจูเกตนั้นข้อมูลในหญิงตั้งครรภ์ยังไม่หนักแน่นเท่าจึงไม่แนะนำครับ แต่ใช้ฉีดในผู้สูงวัยได้ และวัคซีนนี้ต้องเว้นเวลาฉีดห่างจากคอตีบไอกรนบาดทะยัก อย่างน้อย 2 สัปดาห์
ผลข้างเคียงต่อแม่ ไม่ได้แตกต่างจากคนที่ไม่ตั้งครรภ์ครับ มีอาการปวดจุดที่ฉีด มีไข้ต่ำ 1-2 วันได้ ส่วนผลข้างเคียงแบบรุนแรงจะพบบน้อยมากนะครับ ไม่ว่าจะแพ้วัคซีน กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ประโยชน์ที่ได้ต่อแม่ลูกมากกว่าผลข้างเคียงนะครับ
จะวางแผนมีลูกก็คิดเผื่อเรื่องนี้ เตรียมเงินเอาไว้ด้วย คุ้มค่าครับ ส่วนกลุ่มที่ไม่วางแผนหรือวางแผนแล้วก็ไม่ได้ หรือไม่มีกระทั่งเป้าหมายที่จะทำแผน ก็ไปซื้อไม้เกาหลังมานั่งเกาเป็นเพื่อนกันครับ
อาหารเช้าแสนง่าย avocado egg salad
อาหารเช้าแสนง่าย ตามประสาขาดคนหุงข้าว
วัตถุดิบ แนะนำเตรียมไว้ในตู้เย็นก่อน เอามาทำตอนเช้า
-อาโวคาโดหนึ่งลูก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสุกแล้ว ซึ่งดูจากภายนอกยาก เฉาะดูเป็นอันจบ..ได้ไฟเบอร์และคาร์บ วิตามิน ใยอาหาร แมกนีเซียม
-ไข่ไก่ต้มสุก สองลูก …ได้โปรตีนเต็มพิกัด ไขมัน
-โยเกิร์ต สองช้อนกินข้าว …ได้โปรตีน ไขมัน
-มายองเนส สองช้อนกินข้าว อันนี้ได้ไขมันเต็ม ๆ พลังงานสูงเกือบสองร้อยแคล
-มะเขือเทศ เตรียมไว้หั่นลงชามตอนเช้า ใครชอบแตงกวาก็ใช้แทนได้ แต่ผักสองชนิดนี้ไม่ต้องมากนัก เอาไว้ตัดเลี่ยน
-ปรุงรส ลองมาหลายอย่างแล้วผงปาปริก้าเอย เกลือเอย ชอบสุดคือวาซาบิ ใส่แค่ประมาณ ห้าหัวไม้ขีด เอากลิ่น
วิธีทำ
1.เอาช้อนกินข้าว (อันเดิมทั้งตวง ทั้งทำ ทั้งตัก) ควักและคว้านเนื้ออาโวคาโดใส่ชาม
2.ปอกไข่ เอาช้อนสับ ๆ ให้ชิ้นเล็กลง ไม่ต้องละเอียดมาก จะได้มีเนื้อสัมผัสหนุบ ๆ
3.มะเขือเทศ หั่นเต๋าหรือเป็นแว่นเล็ก ใช้มะเขือเทศลูกเล็กแค่สองสามลูกก็พอครับ
4.เอาโยเกิร์ตลง แล้วคนไข่ คนอาโวคาโด คนมะเขือเทศ คนโยเกิร์ต ใช้ช้อนสับชิ้นใหญ่ให้เล็กลง ยังไม่เอามายองเนสลงเพราะมันจะเหนียว คนยาก
5.พอได้ชิ้นเล็ก ๆ คราวนี้เทมายองเนสลงไป แล้วคลุกให้เข้ากัน จะได้เป็นเนื้อครีม มีอาโวคาโด มีไข่ แบบชิ้นเล็ก ๆ เสมือนไข่มุกในชานม ได้เนื้อสัมผัส
6.พอเข้ากันดีแล้วค่อยปรุงรส เกลือนิดนึง วาซาบิ แล้วคนให้ทั่วอีกรอบ ได้แล้ว
ใช้เวลาไม่นานเลย ทำรอขนมปังปิ้งสุกและน้ำร้อนในกาเดือด จะกินทันทีเลยก็ได้ หรือจะทาขนมปังก็ได้ ถ้ากินหมดจะได้ประมาณ 500-600 แคล แต่ผมแบ่งทาขนมปังกินสองมื้อ เหลืออีกเล็กน้อยก็กินสดตอนเช้า ใครกินไม่หมดเก็บใส่กล่องสุญญากาศแช่เย็น เก็บไว้มื้ออื่นได้อีก
12 พฤศจิกายน 2568
ก้อนจากการฉีดยา (injection granuloma)
ก้อนจากการฉีดยา (injection granuloma) เป็นเงาทึบในกล้ามเนื้อและใต้ผิวหนังทั้งสองข้าง ตำแหน่งที่ฉีดยาที่สะโพกบ่อย
อันนี้ก็พบโดยบังเอิญจากการสืบค้นโรคอื่นนะครับ เจอแล้วก็ไปซักประวัติเพิ่ม
ผู้ป่วยไปฉีดยาแก้ปวด ยาบำรุง ยาแก้ไข้ ที่คลินิกต่าง ๆ หลายที่หลายครั้ง ตำแหน่งที่ฉีดก็ซ้ำ ๆ กันที่สะโพกทั้งสองข้างและจะต้องซักประวัติแยกโรคอื่นด้วย ถ้าไม่แน่ใจโรคนี้อาจจะต้องตัดชิ้นเนื้อพิสูจน์
11 พฤศจิกายน 2568
serum sickness ยาลดน้ำหนักปลอม
เตือนภัย : ยาลดน้ำหนัก..ปลอม !!
สุภาพสตรีอายุ 22 ปี รูปร่างกลม ไม่ถึงกับอ้วน มาปรึกษาเพราะมีผื่นขึ้นตามแขนขา เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จากขา ตัว แขน เป็นมาสองวัน
ลักษณะเป็นผื่นแดงคล้ำเป็นจุดหลายจุด มีมากที่ข้อเท้า เข่า ส่วนที่ขา น่อง ก็มีเช่นกัน ไม่คัน นูนเล็กน้อย (palpable purpura) กดไม่จาง …ไม่คัน
ร่วมกับผื่น ผู้ป่วยมีอาการปวดข้อไม่รุนแรง ที่ข้อมือ ข้อศอกและเข่า วันนี้มีไข้ต่ำ 38 องศาเซลเซียสโดยที่เจ้าตัวก็ไม่สังเกต ระบบร่างกายอื่น ๆ ปกติดี ทำงานได้
มีหลายโรคนะที่ทำให้เกิดแบบนี้ ผื่นหลอดเลือดอักเสบ ภูมิแพ้ตัวเอง เอาล่ะ..สำหรับหมอชราอย่างผม ผ่านมาเยอะ ตัดข้ามไปที่คำถามสำคัญเลยแล้วกัน
“คุณใช้ยาอะไรบ้างครับ ขอทราบทุกอย่างเลยครับ”
คำตอบออกมาแสนเจ็บปวด “กินยาลดน้ำหนักค่ะ สั่งจากทิ้กท่อก และฉีดเปปไทด์ที่กำลังนิยมกันค่ะ”
“เปปไทด์” ของคนไข้คือยาลดน้ำหนักบรรจุขวด มีป้ายฉลากตัว T ติดที่ขวด น้ำยาใสไร้สี มาพร้อมหลอดฉีดยาอินซูลิน เอาไว้ฉีดพุงสัปดาห์ละครั้ง สนนราคา 3000 บาท สั่งจากออนไลน์
นี่คือยาลดน้ำหนัก “ปลอม” ที่เลวร้ายมาก แน่นอนว่ามันไม่มีคุณประโยชน์ทางยา และที่สำคัญ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นและอาการ serum sickness ในผู้ป่วยรายนี้
serum sickness เป็นปฏิกิริยาภูมิไวเกิน ชนิดที่สาม เกิดจากสารแปลกปลอมเข้าร่างกาย (ส่วนมากเป็นยา) แล้วไปกระตุ้นการเกิดปฏิกิริยา แอนติเจน (สารแปลกปลอม) จับกับภูมิคุ้มกันร่างกาย (แอนติบอดี) เกิดเป็นก้อน antigen-antibody complex ล่องลอยไปตามหลอดเลือด ไปหยุดที่ใด ก็จะเหนี่ยวนำปฏิกิริยาของคอมพลีเมนต์ ให้มาทำลายสิ่งแปลกปลอม
ผลจากการทำลายจะเกิดความเสียหายและอาการอักเสบที่อวัยวะนั้น เช่น หลอดเลือดที่ผิวหนัง หลอดเลือดในข้อ ที่รุนแรงมากที่สุดคือที่ไต
สุภาพสตรีรายนี้ น่าจะเกิดจากยาลดน้ำหนักปลอม ไปกระตุ้นปฏิกิริยาไวเกิน จนเกิดผลเสีย
นี่แหละหนา … ยาปลอมในโลกออนไลน์ จำได้ว่าเพิ่งลงเรื่องนี้ไปเมื่อเดือนก่อนว่าเริ่มเห็นโฆษณายาปลอมลดน้ำหนักออนไลน์ นี่เจอกับตัวเองเลย
ไอ้พวกหลอกขายนี่มันน่า…นัก ไม่รู้จะเป็นพวกฟอกเงินหรือไม่
ส่วนสุภาพสตรีรายนั้น ที่หลงเชื่อเพราะ เขาอยากผอมลงก่อนวันแต่งงานในต้นปีที่จะถึงนี้ครับ
เฮ้อ…เอามาเล่าสู่กันฟัง อ้อ อีกอย่างนึงนะ
คนจะชอบ ที่นิสัย ใช่น้ำหนัก
คนจะรัก รักจิตใจ ใช่ทรัพย์สิน
คนคู่กัน ที่ตัวทำ ใช่ฟ้าดิน
…
…
คนจะอ้วน ก็เพราะกิน ไม่เกรงใจพุง
การศึกษา VESALIUS-CV
ใช้ยาลดไขมัน (อีกแล้ว) ลดอัตราการเสียชีวิต
การศึกษาประกาศในงานประชุมแพทย์โรคหัวใจสหรัฐอเมริกาชื่อการศึกษา VESALIUS-CV ทำการศึกษาผู้ที่มีความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและมีไขมันในเลือดสูง สูงของเขานี่คือ LDL เกิน 90 !!แต่ยังไม่เป็นโรคนะ 12257 ราย ทุกรายได้รับการปรับชีวิตและให้ยา statin ตามมาตรฐานแล้วมาแบ่งอย่างละครึ่ง กลุ่มควบคุมฉีดยาหลอก กลุ่มทดลองฉีด evolocumab 140 มิลลิกรัมทุก 2 สัปดาห์ตามผลประมาณ 4 ปีครึ่ง ผลออกมาว่ากลุ่มที่ได้รับยา มีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองรวมอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ ลดลงมากกว่ากลุ่มยาหลอก 19%
Primary prevention โดยการลดความเสี่ยงและ atherosclerosis เป็นสิ่งสำคัญอย่างแน่นอน และถ้าเสี่ยงมากพอ การใช้ยามันลดอัตราการตายได้จริง ส่วนการปรับชีวิตไม่ว่าเสี่ยงมากหรือน้อยก็ต้องทำ
ต่อด้วย CORALreef Lipids จากที่เรารู้ว่ายากลุ่ม PCSK9i ลดไขมันและลดอัตราการเกิดโรคได้จริง ทั้งแบบปฐมภูมิและทุติยภูมิ แต่ด้วยความที่มันเป็นยาฉีดใต้ผิวหนังทุก 2 สัปดาห์เลยบริหารยาไม่สะดวก ตัวยา encilioditide เป็นยากินกลุ่มนี้ตัวแรกกินวันละเม็ด สามารถลด LDL ได้ 57% ในหกเดือน กำลังทำการศึกษาเรื่องการลดโรคและอัตราตาย ที่ออกมาตอนนี้คือเรื่องความปลอดภัยการใช้ยาพบว่าปลอดภัย
คลื่นลูกที่สี่มาแล้วจาก NOACs -- SGLT2i -- GLP1a -- PCSK9i จะมีคนค้านมากมายเหมือนยา statin ไหมนะ
10 พฤศจิกายน 2568
การศึกษา DECAF หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ AF เมื่อรักษาแล้ว สามารถดื่มกาแฟได้อย่างปลอดภัย
มีคนส่งมาถามว่า ข่าวงานวิจัยที่เพิ่งออกมาใหม่ว่าการดื่มกาแฟจะช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ แสดงว่าการดื่มกาแฟดีใช่ไหมคะ
ไม่ถูกต้องทั้งหมดครับ จากการศึกษา DECAF ประกาศใน AHA 2025 และลงให้อ่านฟรีใน JAMA
การศึกษาคือ ในผู้ป่วย atrial fibrillation ที่ผ่านการทำ radiofrequency ablation หรือให้ยาจนอาการคงที่เรียบร้อยแล้ว การดื่มกาแฟประมาณ 1 แก้วต่อวัน ไม่ได้เพิ่มการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ และยังพบว่าอัตราการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะในกลุ่มดื่มกาแฟยังต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่ม
น่าจะแปลผลว่า ในคนที่หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ AF เมื่อรักษาแล้ว สามารถดื่มกาแฟได้อย่างปลอดภัย
ไม่ใช่ว่าดื่มกาแฟแล้วมีผลดีครับ
ปากกาลดน้ำหนัก สิ่งที่ต้องรู้ก่อนใช้
ปากกาลดน้ำหนัก สิ่งที่ต้องรู้ก่อนใช้
ข้อมูลว่าในกลุ่มคนที่ใช้ GLP1a-based ทั้งโรคเบาหวานและลดน้ำหนัก พบนิ่วในถุงน้ำดีและเพิ่มโอกาสการเกิดกรดไหลย้อน โดยมักพบในคนน้ำหนักเกิน ใช้ยาขนาดสูง แต่ก็ไม่ได้มีอันตรายรุนแรง
คนน้ำหนักมากก็เสี่ยงเกิดนิ่วและกรดไหลย้อนมากกว่าปกติอยู่แล้วนะ แต่งานวิจัยนี้บอกว่าเจอมากกว่ายาหลอกชัดเจน เพิ่มจากเดิมไปอีก
เป็นข้อมูลจาก 55 RCTs ผู้เข้าร่วมประมาณ 106000 ราย ที่มีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและมีความแปรปรวนของข้อมูลไม่มาก (ค่อนข้างแม่น)
สรุปว่า ใช้ได้นะแต่ก็ต้องทราบข้อระวังด้วย
Glucagon-Like Peptide-1 Receptor Agonists and Gastrointestinal Adverse Events: A Systematic Review and Meta-Analysis.Chiang, Cho-Hung et al.
Gastroenterology, Volume 169, Issue 6, 1268 - 1281
09 พฤศจิกายน 2568
การออกกำลังกาย ไม่ได้แค่กำลังกาย
การออกกำลังกาย ไม่ได้แค่กำลังกาย
1.ผ่อนคลาย คุณลองตัดสื่อออนไลน์ วิ่งหรือเดินแบบสวมหูฟังเพลงที่ชอบก็ได้ หรือจะฟังเสียงจ้อกแจ้กรอบด้าน รับปล่อยใจไปตามจังหวะเท้า
2.ยิ้มกับสิ่งรอบตัว ต้นไม้ต่าง ๆ เรียงราย มีต้นอะไรบ้างนะ ดอกสีอะไร เด็กมาวิ่งหัวเราะกับพ่อแม่ สาว ๆ มาให้อาหารปลา แล้วคุณจะรู้ว่ารอบตัวคุณมีความสุข และคุณเป็นส่วนหนึ่งในนั้น
3.รับรู้สายลม แสงแดด ถ้าคุณออกกำลังกายกลางแจ้ง สายลมแสงแดด ไอน้ำกลิ่นดิน มันจะช่วยเยียวยาคุณได้
4.กิจกรรมครอบครัว วี้ดว้ายกับเครื่องออกกำลังกาย ถีบเรือเป็ด ถ่ายรูปสวย ๆ กัน ลดเวลาต่อหน้าจอ เพิ่มเวลาต่อหน้ากัน
คุณลองมองหาความสุขเล็ก ๆ ในแต่ละวัน มองหาความสุขใหม่ ๆ ที่เรามองข้าม สะสมไปเรื่อย ๆ สุดท้ายคุณจะรวยครับ ร่ำรวยความสุข
08 พฤศจิกายน 2568
นม
นม ที่เป็นกระแส ณ ตอนนี้
2.เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี แคลเซียม ไขมัน พลังงาน ที่หาง่าย สะดวก และราคาถูกมาก
3.แพ้นมวัว คือ กินแล้วไปเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ คิดคล้าย ๆ แพ้อาหารทะเล แพ้ยา เช่นมีผื่น มีไข้ อันนี้ต้องเลี่ยงนมวัว และใช้ยาแก้แพ้
4.ไม่มีเอนไซม์ย่อยนม (lactose intolerance) เกิดจากพอเราไม่ได้ดื่มนมนานวันเข้า เอนไซม์ก็ไม่สร้าง พอกลับมาดื่มอีกจึงท้องอืดท้องเสีย พอดื่มต่อเนื่องจะสร้างเอนไซม์มาใหม่ได้ หรือจะเลือกนมไม่มีแลคโตสก็ได้
5.อยากได้นมอะไร ก็เลือกเอา นมกล่อง นมขวด นมผง หรือ นมผงคืนรูป นมปลอมส่วนมากไม่ได้อยู่ในกล่อง แต่อยู่ในบรา
6.นมรสชาติต่าง ๆ ก็ไม่ผิดอะไร แล้วแต่คนชอบ แต่ถ้าใครไม่อยากติดหวานก็อย่ากินนมหวาน ใครจะคุมน้ำตาลก็กินนมจืด ใครชอบนมชมพูก็กินนมสตรอเบอรี่ ใครชอบนมดำก็จัดนมโกโก้ไป
7.นมกล่องวันละกล่อง อันนี้ผมว่าโอเคนะ ไม่แพง คุณค่าดี หาง่าย ว่ากันตรง ๆ มีใครสักกี่คนที่จะดื่มนมวันละกล่องได้อย่างสม่ำเสมอ
8.คุณจะใช้นมทำอย่างอื่น ถ้าจะหวังผลคุณค่าทางอาหารที่เท่า ๆ เดิม ก็อย่าแปรรูปมากนัก เช่น ใช้เติมซีเรียล ผสมข้าวโอ๊ต แต่ถ้าถึงขั้นเอามาทำเบเกอรี่ แบบนี้องค์ประกอบอาหารจะเปลี่ยนไปบ้าง กินได้เหมือนกัน
9.ปริมาณไขมันในนม ... ถ้าไปดูสัดส่วนต่อน้ำหนักนม มันก็ดูเยอะนะ แต่ความจริงแล้ว คุณไม่ได้ดื่มนมเยอะจนปริมาณสัมบูรณ์มันเยอะขนาดน่ากลัว ดังนั้นนมวันละกล่องกินไปเถอะครับ ไขมันจากเบเกอรี่ หมูกรอบ ไก่ทอด พวกนั้นเยอะกว่า คุณยังไม่กังวลเลย
10.แม่วัวจะพันธุ์อะไร เธอจะกินหญ้าอะไร ไม่สำคัญนัก เพราะนมวัวที่นำมาผลิตน้ำนมดื่ม จะผ่านกระบวนการมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหาร ที่ปลอดภัยพอกัน
กินไปเถิดครับ
11.กินนมเยอะ ๆ ไม่ได้ทำให้นมโตแต่อย่างใด
