คุณเคยรักใครสักคนไหม…
คุณหมอชราหน้าหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากจอคอมพิวเตอร์ ชำเลืองมองดูชื่อผู้ป่วยรายนั้น คุณกรองกาญจน์ และวันนี้เธอมาตามนัด “ครับ ผมจะตามไปตรวจที่จุดนะครับ”
คุณกรองกาญจน์ สุภาพสตรีอายุ 68 ปี เธอป่วยเป็นโรคหนังแข็งชนิดลุกลามเข้าอวัยวะภายใน (diffused systemic sclerosis) ปัญหาสำคัญคือปอดเป็นพังผืด หายใจลำบาก เหนื่อยตลอด ออกซิเจนในเลือดต่ำ ทำอะไรเล็กน้อยก็เหนื่อย ต้องใช้ออกซิเจนเกือบตลอดเวลา
คุณหมอชรารักษาและดูแลเธอมาห้าปี อาการเท่าเดิมแต่ร่างกายผู้ป่วยเริ่มเสื่อมถอยลง การรักษามีเพียงให้ยาโรคประจำตัวและประคับประคองจิตใจ
“สวัสดีครับ คุณกรองกาญจน์ กินอิ่มนอนหลับ นับเลขแม่นตามเดิมไหมครับ”
ผู้ป่วยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง สายออกซิเจนคาดจมูก กองไหมพรมและไม้นิตอยู่บนตักเธอตลอด เธอหันมายิ้มและตอบช้า ๆ “มันก็เหมือนเดิมแหละค่ะ จะเป็นห่วงก็แต่คุณรุธ ระยะนี้แกสับสนไปสักหน่อย ไม่ค่อยกินข้าว”
คุณรุธ หรือ นิรุธ คือสามีของเธอที่อยู่ด้วยกันมา 40 ปี คุณรุธอายุมากกว่าเธอ8 ปีและป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ อาการช่วงนี้สงบลงแล้ว ก่อนหน้านี้ชอบเดินออกไปนอกบ้านแล้วกลับบ้านไม่ถูก เธอต้องโทรแจ้ง อบต. ให้ช่วยตามหา
“แล้วทำอะไรให้คุณรุธกินล่ะครับ” คุณหมอชราถามอาการของโรค แฝงมาในคำถามว่าสามารถทำงานที่ใช้เครื่องมือได้หรือไม่
คุณกรองกาญจน์ก้มหน้าลง “ไม่ค่อยไหวแล้วล่ะค่ะ ได้แต่สั่งอาหารมา แล้วจัดอาหารใส่จานให้” สมัยก่อนผู้ป่วยยังพอทำอาหารง่าย ๆ ได้แต่ตอนนี้สภาพโรคและสภาพร่างกายทรุดลงมาก
“อยากจะทำมะม่วงกวนให้คุณรุธ ของชอบแกค่ะ มะม่วงก็มีในสวน คุณหมอมียาบำรุงดี ๆ ไหมคะ จะได้ลุกไปทำมะม่วงกวนได้” สายตาคุณกรองกาญจน์ดูมีประกายขึ้นมาทันที เวลาที่เธอตั้งใจจะทำอะไรเพื่อคนที่เธอรัก
คุณหมอชราติดตามเธอทุกครั้ง ทุกคำถามจะเกี่ยวเนื่องกับการดูแลคุณนิรุธ เพื่อประเมินความเหนื่อย จะทำให้ได้คำตอบที่สามารถประเมินโรคได้ และคำตอบของเธอจะเต็มไปด้วยความเป็นห่วงคุณนิรุธ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วคุณนิรุธแข็งแรงกว่าเธอหลายเท่า และมีลูกสาวลูกเขยช่วยดูแลอยู่ด้วย
การติดตามอาการทำทุกสี่เดือนตามความประสงค์ของคนไข้และความสะดวกของผู้ดูแล ผู้ป่วยไม่เคยขาดนัด มาตามรักษาทุกครั้ง อาการดีบ้างทรุดบ้างสลับกัน จนเมื่อวันหนึ่งลูกสาวผู้ป่วยมาติดต่อขอพบ
“คุณแม่อาการกำเริบค่ะ โรงพยาบาลใกล้บ้านใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจ high flow คุณหมอที่นั่นขอประวัติการรักษาค่ะ”
คุณหมอชรารู้ดีว่าวันนี้คงต้องมาถึง จึงนั่งเรียบเรียงประวัติทั้งหมด สรุปให้เข้าใจง่ายพร้อมส่งสำเนาภาพถ่ายรังสีให้ด้วย ลูกสาวคนไข้ขอบคุณและบอกว่า “คุณแม่รบกวนฝากคุณหมอช่วยดูแลคุณพ่อด้วยนะคะ ให้คุณพ่อมารับยากับคุณหมอ แกเชื่อคุณหมอค่ะ”
แม้แต่ในเวลาที่ตัวเองอ่อนแอที่สุดจนอาจจะเป็นวาระสุดท้ายในชีวิต คุณกรองกาญน์ก็ไม่เคยหยุดห่วงใยสามีที่รักของตน กลัวว่าหากตัวเองจากไป ใครกันเล่าจะช่วยดูแลคนรักของตัวต่อไป แม้ว่าคุณกรองกาญจน์มักจะบ่นว่าสามีให้หมอชราฟังอยู่เสมอ แต่เธอปฏิบัติต่อสามีด้วยความห่วงใย จับมือดูแลกันไปแม้แต่ในเวลาที่ตัวเองอ่อนแรงที่สุด
อ้อ..หนึ่งในสิ่งที่คุณกรองกาญจน์เคยเล่าให้ฟังคือ คุณนิรุธมักจะเดินออกจากบ้านและหลงบ่อย ลืมอะไรต่าง ๆ บ่อย แต่ก่อนนอนทุกคืนคุณนิรุธจะมานั่งคุยเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในแต่ละวันให้เธอฟังเสมอ ถูก ๆ ผิด ๆ เบลอ ๆ บ้าง แต่จะมาคุยกับก่อนจะนอนทุกคืน…ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อสี่สิบปีก่อนเลย
…
…
…
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้
“คุณแม่เสียแล้วนะคะคุณหมอ หนูขอบคุณคุณหมอมากค่ะที่ดูแลแกมานาน” ลูกสาวคุณกรองกาญจน์มาแจ้งข่าว มีชายชราคนหนึ่งเดินไม่คล่องตามหญิงสาวเข้ามา กระพุ่มมือไหว้แล้วเดินมายื่นสิ่งหนึ่งให้กับคุณหมอ เป็นของที่ระลึกงานฌาปนกิจศพและพูดเสียงเบา ๆ แต่แววตานั้นบอกถึงความเศร้าและความรักอย่างชัดเจน
“ขอบคุณคุณหมอที่ดูแลกาญจน์มาตลอดนะครับ”
สองพ่อลูกเดินกลับออกไป พร้อมกับสายลมแห่งความรักของสุภาพสตรีท่านนั้น ที่จะโอบกอดทั้งคู่…ตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น