31 กรกฎาคม 2568

เรื่อง (เศร้า) เล่า จากคลินิก : ทุกข์ในใจ

 เรื่อง (เศร้า) เล่า จากคลินิก : ทุกข์ในใจ

สุภาพสตรีท่านหนึ่งโทรมาขอนัดหมายเพื่อปรึกษาโรค แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นโรคใดและรักษาอยู่ที่ไหน ทางคลินิกก็บรรจุในตารางนัดเรียบร้อย การรับปรึกษาเป็นบริการที่ผมทำเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น จนเมื่อถึงวันนัด สุภาพสตรีท่านนั้นมาคนเดียว เธออายุประมาณ 50 ปี แต่ใบหน้าและรูปร่างท่าทางไม่ได้สูงวัยตามอายุ ลักษณะโดยรวมไม่เหมือนผู้ป่วย (ผมมักจะสังเกตทุกอย่างของผู้ป่วยมาประกอบการรักษา)
ไม่มีไข้ ความดันโลหิตปกติ ชีพจรและความอิ่มตัวออกซิเจนปกติ ไม่แพ้ยา ไม่ใช้ยา เมื่อเชื้อเชิญเข้ามาในห้องตรวจ เธอจึงเล่าปัญหาสำคัญที่ต้องการมาปรึกษา เธอไม่ได้มาปรึกษาเรื่องตัวเองแต่มาปรึกษาเรื่องสามีของเธอ สามีของเธอเป็นคนไข้ของผมเอง !!
ผมเคยรักษาสามีของเธอในไอซียูเนื่องจากช็อกติดเชื้อ ตอนนั้นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ตอนนั้นใส่สายสวนหลอดเลือดแดงวัดความดันเลยทีเดียว ตอนนี้สามีเธอกลับมาใช้ชีวิตปรกติ และมีบางอย่างที่ผิดปรกติ
เธอเล่าว่าหลังจากสามีของเธอหายดี เหมือนกับเขากลายเป็นคนใหม่ ใช้ชีวิตโลดโผนขึ้น ไม่ค่อยยับยั้งชั่งใจ เมื่อสอบถามก็บอกว่า ชีวิตมันไม่แน่นอน เขาผ่านการตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ชีวิตที่เหลือถือว่าคือกำไร อย่าห้ามเขานักเลย
ผมจึงบอกเขาว่าผู้ป่วยวิกฤตหลายคนของผมก็คิดแบบนี้ เมื่อเขาหายดี ถ้าเขาจะใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการบ้าง ก็ไม่น่าผิดอะไร แต่สุภาพสตรีท่านนั้นบอกว่า “มันโลดโผนไปหมดทุกอย่างค่ะ แม้กระทั่งเรื่องผู้หญิง เขาไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนไม่เคยทำเลยค่ะ” เธอถามว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้เป็นผลแทรกซ้อนของการรักษาหรือไม่
“ไม่นะครับ เขาไม่ได้มีความผิดปกติของสมองหรือระบบฮอร์โมน รวมทั้งยาที่ใช้ก็ไม่มีตัวไหนทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนไป” ผมตอบอย่างใจเย็น และมองเห็นความเศร้าหมองในแววตาของเธอ เธอบอกว่าเธอกลุ้มใจมาก เดิมทีเธอกับสามีก็ไม่ได้มีกิจกรรมทางเพศกันเท่าไร เพราะอายุมากขึ้น หน้าที่และความต้องการที่ลดลงตามวัย แต่การที่แอบหนีไปมีกิจกรรมแบบนี้ เมื่ออีกฝ่ายรู้ความจริง มันทุกข์ทรมานและกลุ้มใจมาก
สามีเธอก็ไม่ได้แข็งแรงนัก มีโรคประจำตัวเช่นกัน เธอบอกว่าเธอกลัวว่าเขาจะใช้ยาเพิ่มพลังทางเพศเพื่อให้มีกิจกรรมกับสุภาพสตรีท่านอื่นนั้น และอาจเกิดอันตราย รวมทั้งการติดโรคทางเพศสัมพันธ์
“ใจมันก็กลุ้มนะคะ แต่ว่าก็คงอยู่ต่อไป เราผ่านทุกข์ยากมาด้วยกันจนลูกก็โตแล้ว เลยมาปรึกษาคุณหมอ” เธอเล่า
นอกจากเธอจะถามว่าเป็นผลจากการป่วยหรือการรักษาหรือไม่ เธอยังอยากให้ผมช่วยบอกเตือนสามีเธอด้วย ผมยังติดตามนัดสามีเธออยู่ทุก 6 เดือน จริง ๆ แล้วสามีเธอรักษากับคุณหมอท่านอื่น แต่จะมาตรวจเลือดและฟังผลกับผม ก่อนที่จะนำผลเลือดไปที่สถานพยาบาลเดิม เนื่องจากสะดวก ใกล้บ้านและไม่รอนาน เธอบอกว่าสามีของเธอจะเชื่อฟังผม
“ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ” ผมรู้ดีว่าคงยากที่จะไปเตือน และยังไม่มีมูลเหตุใด ๆ จะยกเรื่องนี้มาพูดกับสามีเธอ แต่คงอาศัยความสัมพันธ์ที่เคยรักษากันมา เตือนให้รักษาสุขภาพและลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ โดยรวม เพราะเราเองก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง และยังเป็นการให้การเพียงฝ่ายเดียวด้วย
ผมแนะนำให้เธอลองคุยกับสามี และปรึกษานักจิตวิทยา หากมีปัญหาข้อแนะนำที่อยู่ในวิถีที่ผมพอจะช่วยได้ ก็จะช่วยให้
ผมคิดว่าเธอน่าจะสบายใจขึ้นเล็กน้อยจากการที่ได้ระบายความรู้สึก แม้จะต้องกลับไปจัดการอารมณ์และความคิดด้วยสติ ผมรู้สึกว่าเรื่องน่าจะจบได้ด้วยดี เพราะสุภาพสตรีท่านนี้ สงบ ควบคุมอารมณ์ได้ดี ผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยคุณสามีได้แค่ไหน แต่วันนี้น่าจะช่วยคุณภรรยาได้ระดับหนึ่ง สุดสัปดาห์นี้สามีเธอจะมาตรวจเลือด บางทีผมอาจแฝงคำแนะนำสุขภาพอะไรได้บ้างเกี่ยวกับการไม่ทำอะไรเกินกำลังตัวเอง
โลกนี้มีเรื่องราวมากมายให้เรียนรู้ ศึกษาและนำมาเป็นข้อคิด สำหรับคุณหมอทั้งหลาย คนไข้ทุกคนคือตำรา ในทุกเรื่องทุกตอนของชีวิต อย่ามองเพียงโรค ให้มองไปลึกถึงความเป็นมนุษย์ แล้วเราจะพัฒนาความคิดเราได้ ตกผลึกและเห็นอกเห็นใจคนอื่นได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุดครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น