03 กุมภาพันธ์ 2567

เรื่องพัฒนาตนเอง

 ผมไม่ใช่นักเล่าเรื่องพัฒนาตนเอง แต่ผมมีเรื่องจริงอยากมาเล่าให้ฟังสามเรื่อง และหวังว่าคุณผู้อ่านของผมน่าจะได้อะไรดี ๆ เป็นข้อคิดครับ (ช่วงนี้หงุดหงิดกับชีวิต ขอโทษที่ไม่ได้ลงบทความวิชาการ)

1.เพียงแค่ได้รู้
สุภาพสตรีรายหนึ่งขอนัดหมายเพื่อเข้ารับการปรึกษาโรค เธออายุ 70 ปี เป็นโสด สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ประกอบอาชีพอิสระพอเลี้ยงตัวได้ เธอมีอาการวิงเวียนหน้ามืดเมื่อสามเดือนก่อน ไปตรวจแล้วคุณหมอแจ้งว่า เม็ดเลือดขาวมีจำนวนมาก เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดต่ำ เธอเอาเอกสารทั้งหมดมาให้ผมดู
คุณหมอชรา "คุณหมอแจ้งว่าคุณพี่ป่วยเป็นอะไรครับ"
คนไข้ "คุณหมอบอกว่า เนื้องอกของไขกระดูกและเม็ดเลือด คิดว่าเป็นมะเร็ง"
คุณหมอชรา "คุณพี่ได้รับการเจาะตรวจไขกระดูกแล้วหรือยังครับ"
คนไข้ "เรียบร้อยแล่วค่ะ"
ผลที่ผมอ่านคือ ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน น่าจะเริ่มเกิดจากเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง ผลตรวจทั้งหมดและผลทางพันธุกรรม บอกว่า การพยากรณ์โรคไม่ดีเอามาก ๆ และอาจจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน
คนไข้ "คุณหมอมีความเห็นอย่างไรคะ"
คุณหมอชรา "ในฐานะที่เป็นเพียงคนให้ความเห็น ผมขออธิบายตามข้อเท็จจริงแล้วกันนะครับ ส่วนการตกลงใจแบบใด คุณพี่ต้องคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้อีกครั้ง"
หลังจากที่อธิบายโรค การพยากรณ์โรค ตัวเลือกการรักษา สิทธิการรักษา ผลดีผลเสีย คนไข้ดูสีหน้าดีขึ้น และกล่าวไว้ก่อนกลับว่า
"ขอบพระคุณคุณหมอมากนะคะ ที่ให้ความกระจ่างอย่างชัดเจน ฉันอายุเจ็ดสิบแล้ว คิดว่าน่าจะเลือกทางชีวิตต่อไปได้ดี ขอแค่ได้รู้ว่าหนทางจะเป็นอย่างไร ฉันไม่กลัวค่ะ แต่ถ้าไม่รู้หรือรู้ไม่หมด อันนั้นถึงจะน่ากลัว ขอบคุณคุณหมอมาก"
ผมทิ้งท้ายว่า หลังไปปรึกษากับคุณหมอเจ้าของไข้และรักษาได้ผลอย่างไร ก็แวะมาบอกบ้าง แล้วผมจะเลี้ยงกาแฟ คนไข้หันมายิ้มแล้วจากไป ซึ่งผมเองก็รู้ว่า..ผมอาจจะไม่ได้เจอเธออีกแล้วก็เป็นได้
2.ส่งต่อไม้ ส่งต่อชีวิต
เมื่อดูอายุและเพศของผู้ป่วย ก็พบว่าเป็นผู้ป่วยหญิง อายุ 15 ปี ประวัติเดิมมียาต้านไวรัสเอชไอวี ผลการรักษาสามารถควบคุมปริมาณไวรัสได้ดี ผู้ป่วยเดินเข้ามาคนเดียว หลังจากนั้นก็มีสุภาพบุรุษใส่เสื้อกาวน์เดินตามเข้ามา
"สวัสดีครับพี่ วันนี้ผมพาผู้ป่วยมาส่ง หนูสวัสดีคุณหมอนะครับ" สุภาพบุรุษในเสื้อกาวน์กล่าว
"สวัสดีค่ะ พี่หมอ" เด็กสาวคนนั้นสวัสดี หน้าไม่ยิ้มเลย
"เรียกลุงหมอเถอะครับ" คุณหมอชราตอบ
ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเอชไอวีตั้งแต่เกิด ได้รับการดูแลรักษาจากคุณหมอท่านนี้มาตลอด 15 ปี ดูแลทั้งโรคและพัฒนาการ ทราบว่าแม่เด็กเสียชีวิต อยู่กับคุณพ่อที่ไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวี และวันนี้คุณหมอท่านนั้นมาส่งต่อผู้ป่วยให้อายุรแพทย์ได้ดูแลต่อไป
"หนู พี่หมอเก่งเรื่องดูแลคนไข้เด็ก แต่เมื่อหนูโตขึ้น จะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ พี่หมอไม่เชี่ยวชาญเรื่องผู้ใหญ่เหมือนลุงหมอ พี่หมอเลยมาส่งคนไข้ต่อให้ลุงหมอ" พี่หมอพูดกับเด็กสาว
"ค่ะ.." เด็กสาวก้มหน้าตอบสั้น ๆ
"ลุงหมอเป็นหมอที่ใจดีมาก จะดูแลหนูไม่ต่างจากพี่หมอเลย และหนูก็มาคุยกับพี่หมอได้ตลอดนะ" พี่หมอพอเดาใจเด็กสาวได้
หลังจากพูดเสร็จ ก็มีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเด็กสาวคนนั้น ลุงหมอนึกในใจว่าพี่หมอช่างดูแลคนไข้ได้ดีเหลือเกิน เด็กที่ต้องกินยาตลอดชีวิต มาหาหมอบ่อย ๆ ระวังตัวเองทุกย่างก้าว ในวัยที่ควรสดใส ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องสู้และอดทน รวมทั้งมีครอบครัวและทีมการรักษาที่เข้าใจ
"ต่อไปลุงหมอจะช่วยหนูเอง ช่วยกันไปตลอดอย่างที่พี่หมอของหนูทำ เชื่อใจลุงหมอได้" ลุงหมอใช้มือบีบเบา ๆ อย่างเป็นกันเองที่แขนคนไข้ บางครั้งการสัมผัสอย่างจริงใจ ก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้
"ผมไปก่อนนะครับ หนูอยู่ตรวจกับลุงหมอนะครับ" พี่หมอจากไป พร้อมกับความตั้งใจของลุงหมอที่จะทำให้เด็กคนนี้อยู่อย่างปลอดภัยในอนาคต
3.ชีวิตต้องสู้
หลายครั้งที่เราเจอคนไข้ที่เราคุ้นหน้าตาเขา แต่ในบทบาทอื่น ๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน มีสุภาพบุรุษอายุ 28 ปี มาเข้ารับการตรวจรักษาเนื่องจาก ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอเล็กน้อย เป็นมาสามวัน ตรวจเสร็จเรียบร้อยวินิจฉัยว่าเป็นหวัด อาการไม่รุนแรง
"คุณต้องใช้ใบรับรองแพทย์ไปประกอบการลาและใบเสร็จฉบับเต็มไปเบิกค่ารักษาไหมครับ" คุณหมอชราถามคนไข้
"ขอใบรับรองแพทย์ครับ ใบเสร็จแบบเต็มรูปผมไม่แน่ใจว่าจะเบิกได้ไหม แต่ขอไปก่อนแล้วกันครับ" คนไข้คิดนิดนึง
"เซเว่นอีเลฟเว่น เบิกค่ารักษาพยาบาลได้แล้วรึครับ นึกว่าได้แต่ประกันสังคม" คุณหมอชราเงยหน้ามายิ้มกับคนไข้
ผู้ป่วยรายนี้นับว่าคุ้นตามาก เพราะเป็นพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาที่ผมใช้บริการประจำ และน้องเขาก็น่าจะจำได้ เพราะทุกครั้งที่อุ่นอาหารแล้วจะไม่ใส่ช้อนส้อม เวลาคิดเงินก็จะไม่ถามว่ารับถุงพลาสติก เพราะเขาจำได้ว่าผมไม่รับ และคราวนี้เขากลับมาเป็นลูกค้าบ้าง
"คุณหมอครับ ตอนนี้ผมไม่ได้ทำเซเว่นแล้วครับ ผมย้ายไปทำที่ใหม่ ที่นี่สวัสดิการดีครับ อาจจะเบิกได้" คนไข้ยิ้ม น่าจะจำกันได้
เนื่องจากเป็นเวลาใกล้เลิก ลูกค้าหมดแล้ว จึงได้คุยกับเขาต่อ ได้ความว่า เขาเป็นเด็กกำพร้า อยู่กับปู่และย่ามาตั้งแต่เด็ก ต้องทำงานช่วยเหลือค่าใช้จ่ายและค่าเรียนตัวเอง พอโตมาก็รับจ้างทำงานพิเศษ พอส่งตัวเองเรียน เข้าเรียนที่โรงเรียนของเซเว่นและจบมาเป็นพนักงาน หลังจากนั้นก็เก็บเงินเป็นทุน และเรียนต่อปริญญาเศรษฐศาสตร์ มสธ. ที่เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยได้ พอจบก็นำวุฒิไปสมัครงานที่ได้เงินดีขึ้น สวัสดิการเพิ่ม
"ยินดีด้วยนะน้อง และเก่งมาก ๆ ผมขอชื่นชม ผมเองก็ มสธ.นะ เรียนไปทำงานไปเหมือนกัน" คุณหมอชรากล่าวต้อนรับรุ่นน้อง
"ดีจังครับ ถ้ามีอะไร ผมจะมาขอคำแนะนำนะครับพี่" จากคุณหมอเป็นพี่ไปแล้ว
ผมลดค่าบริการให้เขา ถือเป็นแรงใจและของขวัญเข้างานใหม่ บวกกับขอบใจที่ช่วยดูแลอาหารการกินผ่านไมโครเวฟให้ผมมาตลอดหลายปีนี้ ซึ่งน้องเขาก็ขอบคุณและขี่มอเตอร์ไซค์กลับ ซึ่งถ้าผมดูไม่ผิด ท้ายรถมีกล่องส่งของของขนส่งสีเขียวยี่ห้อดังอยู่ท้ายรถอีกด้วย
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ผมบิดตัวละครเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ไปถึงแหล่งที่มาครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น