เรื่องที่เขียนจากความทรงจำ : ร้านหนังสือ world at the corner
สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชอบคือการได้ไปเยือนร้านหนังสืออิสระ นอกเหนือจากความชอบอ่านหนังสือและรักร้านหนังสือเป็นการส่วนตัว การได้ไปเยือนคนที่ทำร้านหนังสือ สร้างร้านด้วยความชอบ ขายหนังสือด้วยใจรัก ถือเป็นความสุขมาก ๆ เลย ไม่ว่าผมจะไปมุมไหนของประเทศหรือซอกหลืบใดในโลก สิ่งที่จะทำเสมอคือ ค้นหาร้านหนังสือท้องถิ่น ร้านหนังสืออิสระ และไปเยือนให้ได้
การเดินทางครั้งนี้ เริ่มจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เราเดินผ่านถนนดินสอเข้ามาทางศาลาว่าการกรุงเทพ ทางเท้าเดินได้นะครับ อยู่ใกล้ศาลากลางขนาดนี้ ถ้าทางเท้าเดินไม่ได้ก็เต็มที เดินโดยอาศัยร่มเงาของอาคารริมถนน คนเดินสวนไปมาตลอด และที่สำคัญอุดมไปด้วยร้านอาหาร ร้านขนม เอ่ยชื่อไปก็น่าจะคุ้นหูกันบ้างกับ มนต์นมสด มิตรโกหย่วน เดินตรงมาจนถึงแยกตัดถนนดินสอและถนนมหรรณพ
บริเวณนี้คึกคักมากครับ ด้วยความที่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว วัดสุทัศน์ เสาชิงช้า หรือเดินเที่ยวย่านเก่า เจริญกรุง บำรุงเมือง เฟื่องนคร ที่ปัจจุบันมีที่พักสวย ร้านอาหารอร่อย ร้านกาแฟมากมาย เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ แดดร่มลมตก ลองมาเดินดูนะครับ รับรองอิ่มกลับบ้านแน่
เมื่อเลี้ยวเข้าถนนมหรรณพ คุณก็จะพบด่านร้านอาหารอร่อยมากมาย ผู้คนเข้าคิวรอ โต๊ะเรียงราย นั่งกันแน่นขนัด รับประกันความดังและความอร่อย ทั้งอาหารไทย จีน อีสาน ปักษ์ใต้ ผมเดินผ่านสถาบันกวดวิชาที่ชื่อดังมากในอดีต ปัจจุบันปิดตัวลงแต่อาคารที่ทำการยังตั้งเป็นอนุสรณ์ความยิ่งใหญ่คือ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ อ.สงวน วงษ์สุชาติ ผมได้แต่ได้ยินเรื่องเล่าขาน ตัวเองไม่มีโอกาสมาเรียน เคยแต่ไปซื้อเอกสารการสอนมือสองมาอ่าน ดินแดนแถบนี้ แม้แต่อาคารก็ยังมีเรื่องเล่า
เราเดินทางฝั่งตึก อ.สงวน สักพักก็ถึงแยกเลี้ยวซ้ายแยกแรกของถนนมหรรณพ เสียงสุภาพสตรีที่คุ้นเคยก็กระซิบเบา ๆ ข้างหู "turn left and your destination is on the left" ผมรู้จักกับเธอมานาน เดินทางกับเธอทุกทริป มีบางครั้งที่เธองอแง ไม่อยากไปที่นั้นก็แกล้งบอกทางให้เลี้ยวผิดบ้าง แต่คราวนี้ดูเธอจะอยากมา
เมื่อเลี้ยวเข้ามาเดินมาอีก 50 เมตร คุณจะเห็นป้ายร้านหนังสือ world at the corner อยู่หน้าร้าน ที่ถ้าไม่สังเกตจะไม่พบเลย เพราะเป็นอาคารบ้านพัก มีบริเวณหน้าบ้านก่อนเดินเข้าไป ไม่ได้มีตู้กระจกโชว์หนังสือ ไม่มีคนพลุกพล่าน เพราะนี่คือ บ้านที่ทำเป็นร้านหนังสือ พอเลี้ยวเข้าบ้าน เราเห็นประตูสีสันสดใส มุมนั่งพัก เก้าอี้ไว้ถอดรองเท้ารวมทั้งตู้รองเท้าหน้าร้าน มีต้นไม้ปกคลุม บรรยากาศเหมือนระเบียงหน้าบ้าน
"หรือเรามาผิด" ผมคิดในใจ แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจในตัวสุภาพสตรีที่พามา จึงถอดรองเท้าและบิดลูกบิดประตู เปิดประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งบอกเตือนผู้ที่อยู่ในร้านว่ามีแขกมาเยี่ยมเยือนแล้วนะ มองเข้าไปจะพบเคาน์เตอร์บริการ หรือเรียกให้ถูกคือตู้หนังสือใบใหญ่ที่มีช่องว่างใว้คุยกับลูกค้า มีคนรักหนังสืออยู่ในนั้นสามคน นั่งเอกเขนกคุยกัน ผมจึงถามว่า "ที่นี่ร้าน word at the corner" ใช่ไหมครับ ผมอยากจะขอเข้าไปเยี่ยมชมได้ไหมครับ"
"ได้สิครับ ที่นี่ร้านหนังสือและยินดีต้อนรับ" คุณสุภาพบุรุษหนึ่งในสามคนเอ่ยขึ้น พร้อมกับอาสาพาผมแนะนำพื้นที่ต่าง ๆ ที่แม้จะเล็ก แต่มันอบอุ่นจะจัดวางเหมือน ห้องหนังสือในบ้านของคุณ และยินดีให้คนเจ้ามาชมความงามและความมหัศจรรย์ที่ซ่อนเร้นในร้านของคุณ
ผมแอบมองกลุ่มผู้รักหนังสือนั้น และจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือสุภาพสตรีที่คุ้นตาจากการรีวิวร้านนี้ คุณสีวิกา ประกอบสันติสุข เจ้าของร้าน และสุภาพบุรุษที่มาต้อนรับก็คือ คุณณัฐ ประกอบสันติสุข เจ้าของร้านอีกคน ทั้งคู่มีแรงบันดาลใจจากการไปท่องเที่ยวมาทั่วโลก และหยิบหนังสือที่ระลึกมาอยู่ที่บ้าน สะสม และต่อมาก็ทำเป็นร้านหนังสือ …นั่นไง มันจึงเหมือนเข้ามาในบ้านของคนรักหนังสือ นั่นเอง
พื้นเรือนเป็นไม้ขัดมัน สะอาดมาก เรียกว่านั่งชมหนังสือกับพื้นได้เลย แอร์เย็นฉ่ำ มีรูปภาพสถานที่ต่าง ๆ ในโลกเป็นเครื่องประดับ มีตู้และชั้นเรียงหนังสือวางอยู่เต็ม แต่ไม่ขัดขวางทางเดิน เรียกว่าออกแบบมาให้เดินดูเดินชมไปเรื่อย ๆ แบบอยู่ในบ้าน ที่สำคัญคือกลิ่นเครื่องหอมบูชาตามแบบพราหมณ์ ทำให้บรรยากาศดูเป็นกันเอง เข้าประตูไป เราเลี้ยวซ้ายกันก่อน
เป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ทุกด้านมีตู้หนังสือ ชั้นหนังสือ จรดเพดาน มุมนี้คือ หนังสือทางทุกมุมโลก จากละตินอเมริกา ยุโรป รวมยุโรปตะวันออกด้วยนะ แอฟริกา อเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย อาหรับ อินเดีย จัดเรียงแยกกันอย่างน่าอ่านมีทั้งฟิกชั่น นันฟิกชั่น แต่ละเล่มเก็บรักษาอย่างดี และผมรับรองเลยว่าไม่น่าจะหาได้จากร้านอื่นแน่นอน เรียกว่าเป็นจุดเด่นมาก ๆ ของร้านเลย
มีหนังสือทำอาหารจากที่ต่าง ๆ ในโลก หนังสือสมุดภาพสถานที่ต่าง ๆ มันน่าตื่นตามากเลยครับ หนังสือสมุดภาพจะเยอะ เพราะว่าคุณเจ้าของร้านเป็นช่างภาพนั่นเอง
"เดินชมตามสบายเลยนะครับ" คุณเจ้าของร้านทั้งสองกล่าวด้วยเสียงยิ้มแย้ม ผมจึงแนะนำตัวว่าผมคือนักอ่านและนักเดินทางแสวงหาร้านหนังสือ ชื่นชมคุณทั้งสองมากและเดินทางมาไกลเพื่อมาเยี่ยมเยือนคุณ เราโอภาปราศัยกันครู่หนึ่ง ผมก็ขอตัวเดินชมต่อ ถัดจากห้องสี่เหลี่ยมนั้น มีบานประตูต่อไปยังอีกห้องเล็ก ๆ ที่เป็นวรรณกรรมเยาวชน ตกแต่งห้องด้วยตุ๊กตาสีสันสดใส หนังสือในห้องปรับโทนสดใสมากกว่าอีกห้องที่เป็นแนวจริงจัง สัจธรรมแห่งการเดินทางและชีวิต ผมนั่งอ่านบนเบาะพื้น ทำตัวเหมือนเด็กน้อยนั่งซุกที่มุมอ่านหนังสือครับ
ทั้งสองห้องรวมทั้งโถงกลางที่เป็นจุดจ่ายเงิน มีแต่ชั้นหนังสือและหนังสือที่จัดเรียงสวย งามตา มันไม่ใช่แค่ร้านหนังสือที่มีหนังสือเรียง ๆ กัน แต่ร้านนี้จัดวางอย่างลงตัว มีศิลปะ น่าดู ไม่รก รูปแบบชั้นไม้ พื้นไม้ ของตกแต่ง บรรยากาศ กลิ่นเครื่องหอม เสียงเพลงเบา ๆ บอกตามตรงเหมือนหลุดไปอีกโลกแยกจากความวุ่นวายภายนอกเลย
เอาล่ะ เรามาเดินต่อในปีกทางขวา เมื่อเข้าประตู อันนี้เป็นมุมสินค้าที่ระลึก ทั้งสินค้าจากที่ต่าง ๆ โปสการ์ด สมุดภาพ ของจุกจิกน่ารัก และงานคราฟต์ที่สวยงามซึ่งทางร้านนำมาจำหน่าย ของที่ระลึกจากทางร้าน แน่นอนว่า มันดูสวยงามอีกแล้ว เป็นการจัดแต่งร้านที่สวยมาก ๆ ผสมผสานความเก่า ความใหม่ ศิลปะ ร้านหนังสือ น่าชมมาก
ผมหยิบหนังสือติดมือมาหนึ่งเล่มและโปสการ์ดหนึ่งแผ่น เป็นที่ระลึกของการไปเยือนร้านหนังสือทุกร้านที่ไป (อยากหยิบมากกว่านี้ แต่ที่บ้านเริ่มไม่มีที่เก็บ) สูดกลิ่นซึมซับบรรยากาศสุดท้าย ชำระเงินและร่ำลา คุณรู้ไหม ผมมองเห็นแววตาของคุณก้อย เจ้าของร้าน ดูเขามีความสุขมากแค่เพียงเราเข้ามา 'เยี่ยมเยือน'และ 'ซึมซับ' สิ่งที่คุณพี่น้องทำในสิ่งที่รักของเขา และสร้างความสุขให้ผู้คนที่รักหนังสือเช่นกัน
ถ้าคุณรักหนังสือ ผมว่าคุณควรไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง
ถ้าคุณยังไม่รักหนังสือ บรรยากาศแบบนี้แหละที่จะทำให้คุณหลงรักหนังสือ
ครั้งหน้า ลุงหมอชราหน้าหนุ่มทัวร์ จะพาคุณไปเยี่ยมเยือนที่ไหนอีก รอติดตามกันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น