20 พฤษภาคม 2566

GLP1a กับ การลดน้ำหนัก

 GLP1a กับ การลดน้ำหนัก

ปัจจุบันมีการนำยาเบาหวาน GLP1a เช่น liraglutide, semaglutide มาใช้เพื่อลดน้ำหนักกันมาก ถามว่าใช้ได้ไหม คำตอบคือ ได้ในบางกรณีและบางขนาดยาเท่านั้น
การศึกษายาเบาหวาน liraglutide ในชุด LEADER การศึกษายา semaglutide ในชุด SUSTAINและการศึกษายากิน semaglutide ในชุด PIONEER ทั้งสามนี้ ออกแบบมาเพื่อวัดผลการลดระดับน้ำตาล ลดโรคหัวใจและหลอดเลือดจากเบาหวาน ลดโรคไตจากเบาหวาน และลดอัตราการเสียชีวิตจากเบาหวาน ซึ่งผลออกมาลดน้ำตาลได้ดีและลดโรคได้ดีทั้งหมด จนทำให้ยา GLP1a ยกระดับเป็น first line ในการรักษาเบาหวานได้เทียบเคียงกับยา metformin (แม้การศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นการ add on ยา metformin ก็ตาม)
แต่ผลอันหนึ่งที่เหมือนกันในยากลุ่มนี้คือ ผู้ป่วยเบาหวานที่ใช้ยา มีน้ำหนักตัวลดลงต่างจากยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ (ประโยชน์การลดน้ำตาลและโรคจากเบาหวาน ไม่ได้ขึ้นกับน้ำหนักที่ลดนะ) จนเป็นข้อสนับสนุนการใช้ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยเบาหวานที่น้ำหนักเกิน
แต่ในชุดการศึกษาทั้งสามนี้มีการศึกษาย่อยของแต่ละอัน ที่รวบรวมผู้ป่วยที่ไม่เป็นเบาหวานมาด้วยและให้ผลการลดน้ำหนักที่ดีเหมือนผู้ป่วยเบาหวาน จนทำให้ผู้ผลิตทำการศึกษาแยกออกมา ในผู้ป่วยที่ไม่เป็นเบาหวานและน้ำหนักเกิน ว่าจะช่วย "ลดน้ำหนัก" ได้หรือไม่
เป็นที่มาของการศึกษา SCALE ที่ใช้ยา liraglutide ในขนาด 3 มิลลิกรัมต่อวัน (ขนาดรักษาเบาหวานที่ 0.6-1.8 มิลลิกรัมต่อวัน) ในชื่อการค้าว่ายา saxenda และการศึกษา STEP ที่ใช้ยา semaglutide ในขนาด 2.4 มิลลิกรัมต่อสัปดาห์ (ขนาดรักษาเบาหวานคือ 0.25-1.0 มิลลิกรัมต่อสัปดาห์) ในชื่อยา wegovy
ประเด็นอย่างแรกคือ ผู้เข้าร่วมการศึกษาจะเป็นโรคอ้วน คือ ดัชนีมวลกายเกิน 30 ที่เมื่อเก็บข้อมูลแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 37 หรือดัชนี้มวลกายน้อยกว่านี้แต่มีอันตรายจากโรคอ้วนแล้ว …. ใครที่ไม่ใช่โรคอ้วน อาจจะไม่ได้ผลตามที่ศึกษานี้
อย่างที่สองที่สำคัญคือ ผู้ที่จะใช้ยาลดน้ำหนักนี้ จะต้องผ่านการควบคุมอาหารเคร่งครัด เข้าสู่การลดพลังงานจากการกิน มีการบันทึกการกินอย่างละเอียดส่งทุกวัน คำนวณพลังงานทุกวัน มีการออกกำลังกายตามวิธีการรักษาโรคอ้วนอย่างเคร่งครัด และไม่ได้ทำแค่สามสี่วันนะครับ ต้องทำก่อนที่จะมาฉีดยามาอย่างน้อย 1-2 ปี รวมทั้งในระยะเวลาที่รับยา 1-2 ปีนี้ก็จะต้องเคร่งครัดเรื่องอาหารและการออกกำลังกายแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มีการคิดแยกคนที่ไม่เคร่งครัดด้วยนะ ว่าผลการรักษาไม่ได้เป็นไปตามที่ประกาศ
อย่างสุดท้ายคือ ขนาดยาที่ใช้ในการลดน้ำหนักจะสูงกว่าขนาดรักษาเป็นเท่าตัว ดังนั้นผู้ป่วยเกือบทุกราย ประมาณ 80% จะมีผลข้างเคียงที่สำคัญคือ คลื่นไส้อาเจียน ยังมีผลอันตรายอื่นอีกครับ และผลข้างเคียงคลื่นไส้อาเจียน แม้จะเกิดชั่วคราวแต่เป็นสาเหตุสำคัญที่หลายคนต้องออกจากการศึกษาไป … จะมาใช้ขนาดยาธรรมดาแล้วมาหวังผลไม่ได้นะครับ ผลข้างเคียงที่สำคัญอีกอันคือ รูปหน้า..ที่ซูบลง จนทำให้เกิดความไม่สบายใจในคนที่ใช้ยา ในสื่อจะเขียนเลยว่าเป็น ชื่อยา+face ที่แปลว่ารูปหน้าจากการใช้ยานี้
ก็จะสรุปว่า การใช้ยาเพื่อลดน้ำหนัก จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรไปซื้อหามาใช้ลดน้ำหนักเองครับ และอย่าหวังเพียงว่าใช้ยาแล้วกินตามสบายแล้วน้ำหนักจะลง ไม่มีทางครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น