ย้อนกลับไปสมัยประถม ผมเรียนเรื่องการเขียนจดหมาย จดหมายถึงผู้ใหญ่ ถึงเพื่อน ลาป่วย ลากิจ สารพัด และหนึ่งในการบ้านคือ ให้เขียนจดหมายถึงเพื่อน แล้วเอาซองที่ประทับตราที่เราได้รับมาส่งครู นั่นคือจุดเริ่มการเขียนจดหมาย
ทุกวันนี้ผมยังใช้จดหมายใส่ซอง เขียนมือ ติดแสตมป์ส่งอยู่นะครับ !!
ผมส่ง สคส. ให้คนที่รักนับถือทั้งในและต่างประเทศทางไปรษณีย์ เขียนจดหมายไปขอบคุณผู้คนต่าง ๆ ทางไปรษณีย์หลายครั้ง (เท่าที่ติดต่อได้) เช่น พนักงานรปภ. ของห้างหนึ่งที่เคยช่วยเอาแบตมาสตาร์ทรถให้ เช่นเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ให้คำแนะนำ ผมเขียนจดหมายถึงเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศอยู่เสมอ
แม้จะมีอีเมล แต่การเขียนจดหมายและส่งจดหมายยีงมีเสน่ห์อยู่เสมอ ทุกครั้งจะใช้ซองยาวสีขาว กระดาษ 100 แกรมมีเส้น ปากกาหมึกซึม ครับจดหมายทุกฉบับผมเขียนด้วยลายมือ พับสามทบให้เท่ากัน บรรจงเขียนจ่าหน้าซองและติดแสตมป์ด้วยตัวเอง (ปัจจุบันจดหมายที่มีเนื้อกระดาษพอควร ติดแสตมป์ห้าบาทนะครับ)
ผมเกิดมาในยุคสุดท้ายของจดหมาย เราเริ่มจะใช้โทรศัพท์บ้านกันแพร่หลาย หลังจากที่จบชั้นประถมเคยเขียนจดหมายถึงเพื่อนหลายครั้ง แต่ที่ตอบกลับมาเพียงไม่ถึงครึ่ง ข้อเสียคือไม่รู้ว่าถึงหรือเปล่า หลังจากนั้นเราเริ่มใช้โทรศัพท์ ต่อมาก็เริ่มมีเพจเจอร์ อีเมล โทรศัพท์เคลื่อนที่ สุดท้ายการเข้ามาถึงของสมาร์ทโฟน ทำให้คนเขียนจดหมายน่าจะน้อยลงมากเลย
สมัยเด็ก ๆ เวลามีจดหมายมาถึงแต่ละที ตื่นเต้นมากเลยครับ ใช้คัตเตอร์ค่อย ๆ กรีดซอง เล็งกับหลอดไฟด้วยว่าไม่มีเนื้อกระดาษเดี๋ยวขาด อ่านเนื้อในแล้วพับเก็บใส่ซอง ใส่กล่องคุ้กกี้ ทุกวันนี้ยังเก็บจดหมายของเพื่อนที่เขียนมาในยุคนั้น เพื่อนใหม่เพื่อนเก่าที่เขียนมาจากอังกฤษไว้เลย (สมัยก่อนมี penfriend ครับ)
ยุคสมัยเปลี่ยนไป การสื่อสารเปลี่ยนไป ตอนนี้นอกจากหน่วยงานแล้ว ไม่มีจดหมายจากบุคคลมาหาอีกเลย
เวลาไปที่ไปรษณีย์แล้วขอซื้อแสตมป์ ตอนแรกทุกคนจะเข้าใจว่าผมสะสม หลัง ๆ นี้ทุกคนก็จะรู้ว่าผมเอาไปใช้จริง เพราะส่วนมากจะไปฝากส่งที่ทำการไปรษณีย์เสมอ (ชีวิตคุ้นเคยกับไปรษณีย์มาก เรียนทางไกลจบอีกสองปริญญาก็ทางไปรษณีย์นี่แหละ)
เรื่องราวในอดีตมีสิ่งดี ๆ ให้จดจำเสมอ เราจะยิ้มทุกครั้งและจดจำแต่ด้านดี ๆ ของมัน
และตอนนี้กำลังอ่านจดหมายรักที่เคยได้รับทางไปรษณีย์อยู่ด้วยนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น