22 ธันวาคม 2564

Cancer Immunotherapy กับการกำเนิดของ Coley's Toxin

 Cancer Immunotherapy

วันนี้ทุกคนรู้จักสารชีวภาพที่นำมาใช้รักษามะเร็ง เช่น trastuzumab คือ แอนติบอดีที่สร้างขึ้นสำหรับจับทำลายเซลล์มะเร็งเต้านมที่มีตัวรับ HER-2 หรือยา Pembrolizumab ยาที่ไปจับกับตัวรับ PD-1 ของมะเร็ง (เอาไว้หลอกร่างกายว่ามะเร็งไม่มีภัย) สารต่าง ๆ เหล่านี้ลงท้ายด้วย -mab มาจากคำว่า monoclonal antibody

คือเอาภูมิคุ้มกันของเราเป็นต้นแบบ แล้วใช้เทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรมสร้างแอนติบอดีขึ้นมาให้เป็นแบบเดียวกันเป๊ะ ปริมาณมหาศาลโดยไม่ผิดจากพิมพ์เขียว คือ การ clone นั่นเอง และในเมื่อมันเป็นโคลนเดียวกันทั้งหมด จึงชื่อว่า mono-clone : monoclonal antibody ดูเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและมีราคาในการผลิตสูง

แต่ต้นกำเนิดของมัน กลับมาจากสิ่งที่แทบไม่มีราคาใด ๆ วันนี้เรามาย้อนอดีตไปรู้จัก ต้นสายอันแรกที่เป็นต้นกำเนิดของการรักษาแบบนี้

เราย้อนกลับไปปี 1890 ปลายยุควิคทอเรีย ผ่านพ้นสมัยการล่าทาสและอาณานิคม เป็นยุคที่แต่ละอาณาจักรสั่งสมความมั่งคั่ง สะสมศิลปวิทยาการ และแสนยานุภาพทางทหาร เป็นยุคสมัยที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้า มีการคิดค้นทฤษฎีและสิ่งใหม่ ๆ รวมทั้งเรื่องราวทางการแพทย์

ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นั่นการแพทย์เจริญก้าวหน้ามาก โรงเรียนแพทย์แข่งขันกันเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการ ทำให้งานวิจัยความรู้ต่าง ๆ มีมากมาย รวมถึงการรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดด้วย สมัยนั้นศัลยแพทย์รู้จักดมยาสลบ การระงับปวด แต่เรื่องการควบคุมการติดเชื้อหลังผ่าตัดยังทำได้ไม่ดีนัก

William Coley ศัลยแพทย์หนุ่มที่นิวยอร์ค หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด เขาก็มุ่งมั่นในการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็ง ก็แน่นอนส่วนมากเสียชีวิต ก็ไม่รู้ว่าเป็นจากโรคมะเร็งเอง หรือเป็นการผลแทรกซ้อนของการผ่าตัด จนกระทั่งในปี 1890 มีคนไข้สุภาพสตรีชื่อ Elisabeth Dashiell มารักษากับคุณหมอ

คุณ Dasheill ป่วยเป็นมะเร็งที่มือของเธอ มาเข้ารับการรักษา แน่นอนในยุคนั้นคือการตัดมือ เธอได้รับการผ่าตัดมือและส่วนปลายของแขนท่อนล่าง ซึ่งคุณหมอโคลีย์ของเราค่อนข้างมั่นใจว่าตัดมะเร็งออกจนเกลี้ยง และน่าจะช่วยชีวิตเธอได้ แต่ปรากฎว่าในอีกไม่กี่เดือนต่อมา เธอเสียชีวิตจากมะเร็งที่มือ มันแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ตอนนั้นคุณหมอค่อนข้างเครียดทีเดียว และพอย้อนกลับไปทบทวนประวัติการผ่าตัดในโรงพยาบาลต่าง ๆ (คุณหมอทำวิจัยแบบ retrospective) ก็พบว่า มีผู้ป่วยหลายรายที่การผ่าตัดทำได้ดี ตัดเนื้อร้ายจนเกลี้ยง แต่สุดท้ายก็มาจบชีวิตจากการแพร่กระจาย ตอนนั้นคุณหมอโคลีย์ เริ่มฉุกใจคิดแล้วว่า การผ่าตัดเพียงอย่างเดียว อาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด

และนอกจากสิ่งที่คุณหมอคิดว่าการผ่าตัดไม่ใช่คำตอบทั้งหมด คุณหมอพบความจริงอีกอย่างจากการศึกษาเวชระเบียนย้อนหลังนี้ !!!

มีผู้ป่วยโรคมะเร็งลำคอหลายราย ที่เข้ารับการผ่าตัดแล้วเกิดการติดเชื้อหลังผ่าตัด อย่างที่บอกไปนะครับ ความรู้เรื่องการติดเชื้อหลังผ่าตัดยังไม่ก้าวหน้า และเรายังไม่พบยาฆ่าเชื้ออีกด้วย การที่มีคนไข้ติดเชื้อหลังผ่าตัดจึงเป็นเรื่อง 'ปรกติ' ในยุคนั้น แต่โคลีย์พบอีกว่า ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อหลังผ่าตัดแล้วรอดมาได้ จะมีการเกิดซ้ำของมะเร็งและพบเสียชีวิตเพราะมะเร็งแพร่กระจาย 'ต่ำกว่า' กลุ่มที่ไม่ติดเชื้อหลังผ่าตัด

ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร อาจจะตัดเยอะ ทำนาน เลยตัดหมดแต่ติดเชื้อเพราะผ่านานก็ได้ แต่ตอนนั้นโคลีย์คิดว่า การติดเชื้อหลังผ่าตัดน่าจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้มะเร็งไม่ลุกลาม และสรุปว่าตัวการนั้นคือ 'bacterial toxin'

เพื่อพิสูจน์ความคิดนี้ คุณหมอโคลีย์ได้เริ่มทำการทดลอง โดยคัดเลือกคนที่เป็นมะเร็งระยะลุกลามและใกล้ฝั่ง นำมาฉีดเชื้อ streptococcus เข้าไปในร่างกาย !! อย่าเพิ่งตกใจ อย่างที่เคยบอก จริยธรรมงานวิจัยในคนเพิ่งเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ผลปรากฏว่ามีผู้ป่วยหลายรายมีชีวิตได้ยาวนานขึ้น บางรายอยู่ได้เกินสองปี และก็ยังพบคนที่เสียชีวิตจากมะเร็งอยู่และจากการติดเชื้อ streptococcus มากขึ้น … โคลีย์จึงเปลี่ยนยา เลือกเป็นเชื้อ streptococcus ที่ตายแล้วแทน คราวนี้อัตราการตายจากการติดเชื้อแบคทีเรียลดลง มันก็เลยทำให้ตัวเลขรวมของผู้ที่ได้รับยาวิเศษของคุณหมอโคลีย์สูงขึ้น

หมายความว่า ยาวิเศษของหมอโคลีย์สามารถรักษามะเร็งได้ !! ยาสูตรนี้ได้รับการขนานนามว่า 'Coley's Toxin' จากบันทึก (ที่ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไร) บอกว่ามีคนได้รับยาสูตรโคลีย์ไปถึง 1000 คนในสามสิบปี ยาสูตรโคลีย์ที่ปรับปรุงเรียบร้อยและมีคนมารับยานี้มากมาย คือ แบคทีเรีย Streptococcus pyrogenes และแบคทีเรีย Serratia marcessens

🤗🤗เรามาหยุดตรงนี้สักครู่ จริง ๆ แล้วสิ่งที่พออธิบายได้ ไม่ใช่พิษจากแบคทีเรีย แต่พิษและตัวแบคทีเรียไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันขึ้นมา และน่าจะมีมะเร็งบางชนิดที่ภูมิคุ้มกันดังกล่าว สามารถไปจับและกระตุ้นให้เกิดการทำลายเซลล์มะเร็งขึ้นมา หลักการของ cancer immunotherapy ในปัจจุบันนั่นเอง🤗🤗

แล้วมีคนค้านคุณหมอโคลีย์ และ Coley's Toxin ไหม...มีครับ เยอะด้วย คุณหมอโคลีย์จึงการศึกษาและตีพิมพ์งานวิจัยแบบ case-series คือ นำเคสที่ได้รับยาสูตรโคลีย์มารวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ แน่นอนการวิจัยแบบนี้ อาจมีอคติจากผู้วิจัย ไม่มีการเปรียบเทียบกับยาหลอก หรือการรักษาอื่นใด และสุ่มเสี่ยงมากต่อการคัดเลือกผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ไม่เป็นกลาง ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองและหยุดการถูกโจมตีได้

ปี 1894 American Cancer Society ได้ออกมาประกาศว่าสูตรยาของคุณหมอโคลีย์ยังไม่ได้รับรอง ยังคงต้องทำงานวิจัยและพิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้ (แต่ก็ไม่ได้ค้านนะครับ) ประกอบกับการมาถึงของเทคโลโลยีการฉายรังสีรักษาในปี 1896 ทำให้ทิศทางงานวิจัยพุ่งไปที่การใช้รังสีรักษากับมะเร็ง

กว่าจะกลับมาที่เคมีบำบัดของ Goodman and Gilman ก็ปาเข้าไป 1942 หรือทำการศึกษา immunotherapy ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 นี่เอง

ถึงกระนั้น Coley's Toxin ก็ยังใช้ต่อไป มีการปรับปรุงสูตรต่อไป จนกระทั่งเสื่อมความนิยมและมีเทคโนโลยีการรักษาที่ปลอดภัยกว่ามาแทนที่ ในยุคหลังนี้ เราได้เข้าใจหลักการของคุณหมอวิลเลี่ยม โคลีย์ หลักการของ Coley's Toxin มากขึ้นว่าเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่ไปต่อสู้มะเร็ง เราจึงยกย่อง William Coley ว่าเป็นผู้บุกเบิกการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกัน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เป็นนักวิจัยด้านภูมิคุ้มกัน หรือศึกษาในเรื่องภูมิคุ้มกันแต่อย่างใด

จบแล้วเรื่องของ โคลีย์ แพทย์หนุ่มจากนิวยอร์กและ Coley's Toxin ของเขา ครั้งหน้า เราจะยังวนเวียนบอกเล่าเรื่องราวอยุ่แถว ๆ นิวยอร์ก และแม่น้ำฮัดสันกันต่อไปครับ

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ กำลังยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น