28 พฤศจิกายน 2564

เรื่องราวของสาวสก๊อย

 เรื่องราวของสาวสก๊อย

ครั้งก่อนพวกคุณได้อ่านเรื่องราวของ "ลุงหมอ เดอะ ไบก์เกอร์" สมัยลุงหมอเป็นหนุ่ม คร่อมเจ้าสองล้อตะบึงไปกว่าครึ่งประเทศ ในตอนนั้นมีคนถามถึงคนซ้อนท้าย วันนี้เรามารู้จักคนซ้อนท้ายกัน ใครอยากซึมซับอารมณ์ตอนแรก คลิกไปอ่านได้ ใครบอกไม่สนเฟร้ย อยากอ่านสาวสก๊อย ก็ข้ามไปเลยล่ะกัน

https://www.facebook.com/1452805065035522/posts/2182113252104696/

ย้อนกลับไปยุคปีต้นมิลเลนเนียม ยุคที่รถมอเตอร์ไซค์ยังไม่ได้รับความนิยมแบบยุคนี้ ตอนนั้นรถใหญ่ในบ้านเรามีแค่สองตัวคือ ฮอนด้าแฟนท่อมคัสต้อมโฟร์ และคาวาซากิ บอส สองตัวนี้เรียกว่าเท่มาก ทรงครุยเซอร์ไซส์เล็ก เหมาะกับคนไทย คนขี่น้อยมาก ไปที่ไหนก็เป็นเป้าสายตา สาว ๆ ที่นิยมซ้อนท้ายจะชอบมาก เพราะอานมันใหญ่ แนวราบนั่งสบาย มีพนักพิง

ขนาดรถไทยยังเท่ ไม่ต้องพูดถึงรถนอกคันใหญ่ ภาพของพี่หลิวในผู้หญิงข้าใครอย่าแตะมันยังตราตรึง สมัยนั้นรถนอกส่วนมากนำเข้ามาแบบอะไหล่ เข้ามาจดประกอบ ซิกแซกเอา ไม่ว่าจะสปอร์ต รกแนคเก็ต หรือครุยเซอร์สุดฮิต ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน สาวสก๊อยที่ได้ซ้อน รับรองเป็นเป้าสายตา วันรุ่งขึ้นเพื่อนรุมถามแน่แก ๆ แกซ้อนรถใครน่ะ แล้วเมื่อคืนไปถึงไหนกัน จุกจิกจอแจ….

เอาเป็นว่า คนขี่มีไม่มาก คนซ้อนก็เท่ แน่นอน..คนที่มาซ้อนรถลุงหมอ ก็เป็นสาวที่ยอมใจนั่งรถมอเตอร์ไซค์ได้สักหน่อย

ผมไม่เคยพาสาวขึ้นรถยนต์เลย ตั้งแต่รถเล็กยันรถใหญ่ และแต่ละคนก็ได้รับประสบการณ์ต่างกัน

🔴🔴สก๊อยหมายเลข 1 กับฮอนด้าโนวาโซนิก :

ในยุคนั้นเราเริ่มมีโทรศัพท์มือถือยุคแรก ๆ นะครับ ผมเองก็ได้เบอร์สาวคนนี้มาสักพัก (สมัยนั้นเราขอเบอร์กัน ไม่มีไลน์ไม่มีเมสเซนเจอร์) อยู่มาวันหนึ่ง เธอไปเที่ยวผับกับเพื่อนครับ และส่ง SMS มาบอกว่าตอนนี้อยู่ที่…. เรามาเจอกันไหม

ยุคนั้นผับปิดตีสอง ครับ..คืนวันเสาร์ลุงหมอก็ดูบอลเป็นกิจวัตร เรียกว่าไปจริงตามคำชวน ตอนนั้นสาวเจ้าไม่รู้นะครับว่าผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ จนผับจะเลิก ผมก็ส่ง SMS ไปบอกว่าผมอยู่หน้าผับ พอเธอออกมา ก็ตกใจเล็กน้อย คงไม่คิดว่า หนาวก็หนาว มืดด้วย จะต้องมาซ้อนท้ายรถอีตานี่หรือเนี่ย แต่เธอยิ้มหวานและตอบว่า "ไปค่ะ"

ใครเคยมีสาวสวยซ้อนท้ายจะรู้นะครับ แหม...จะไปส่งแค่ 500-600 เมตรนี่แหละ ขี่รถอ้อมมันไปงั้น ตรงได้ไม่ตรง เลี้ยวซ้าย ไปแยกนั้น วนแยกนี้ไปเรื่อย ตอนตีสองนะครับ ถนนโล่ง มีแต่เราสอง สุดท้ายก็ไปส่งเธอนั่นแหละ (สมัยนี้เขาเรียกคนแบบลุงหมอว่า 'แกร้บไบค์', 'ไลน์แมน') ก็ไม่รู้ว่าเธอชอบไหมนะครับ แต่ขอบอกว่าความรู้สึกที่มีสาวเกาะหลังซ้อนท้าย ถนนโล่ง ๆ ลมพัดโชย สุดยอดว่ะ

🔴🔴สก็อยหมายเลข 2 กับซีบีอาร์ :

หลังจากขับรถเล็กต๊อกแต๊กสักพัก ตอนนี้ขยับมาสปอร์ตรุ่นใหญ่ รถจะสวยมากครับ รถสปอร์ตมีชุดพลาสติก (แฟริ่ง) รอบคันสีแดงเพลิงเลยครับ และรถของผม ผมจะล้างและขัดเงาเสมอ เรียกว่าแมงมุมก็ลื่นล้มครับ มันจะเงามากเวลาขับผ่านแสงไฟกลางคืน ตอนนั้นใส่แจ็กเก็ตหนัง สวมแว่นดำทรงเอวิเอเตอร์แบบทอมครูซจาก top gun ก็ไม่รู้จะใส่ทำไมกลางค่ำกลางคืน

พาสาวสก๊อยไปกินข้าวครับ โน ๆ อย่าคิดว่าร้านหรูใด ๆ ผมกินข้าวต้มข้างทางกับก๋วยเตี๋ยวรถเข็นครับ ไปรับคุณสก๊อยนี่แหละ แต่เธอพอรู้แล้วว่าผมมีรถบิ๊กไบค์ไซส์เบิ้ม (ท่อรถ) ก็แต่งตัวทะมัดมะแมงเลย ยีนเดฟรัดรูป เสื้อเอวลอย มัดผมเรียบร้อยเพราะต้องสวมหมวก ตอนนั้นผมเตรียมพร้อมนะครับ มีหมวกกันน็อกเต็มใบให้ด้วย ไปไหนมาไหนปลอดภัย ไม่โดนจับ (สมัยนี้เขาเรียกคนแบบลุงหมอว่า 'พี่วิน')

นึกภาพนะครับ หนุ่มหล่อสุดเท่ (รึเปล่า) แต่สาวนี่สวยแหละ กับรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีแดงเพลิงเงาวับ ผ่านตามแยกต่าง ๆ คนมองเป็นตาเดียว แต่ทว่า การซ้อนท้ายรถบิ๊กไบค์โดยเฉพาะรถสปอร์ต คนซ้อนต้องมีทักษะการโยนโค้ง ต้องเกาะคนขี่แน่น สาว ๆ ที่เคยนั่งจะรู้ว่าตำแหน่งรถมันบังคับให้ต้อง 'สิง' คนขี่เลยแหละ ถ้าสก๊อยคนไหนยังไม่ชินก็จะ…

"อุ๊ย ...ไอ้นั่นตก ไอ้นี่แหก!!" หลังจากที่เกิดความไม่สมดุลของคนขี่และคนซ้อน และสะดุดถนนที่ไม่เรียบ รถมอเตอร์ไซค์ผมเสียหลักแหละ เหมือนจะล้ม แต่ก็นะ จะมาขี่บิ๊กไบค์สปอร์ต มันต้องมีทักษะพอควร ผมงัดรถขึ้นมาได้ คิดว่าหัวใจของเธอคงเต้นแบบ SVT ซักพัก .. ไม่พอ หนุ่มหล่อสาวสวยรถหรู ไปจอดหน้าตลาด และนั่งซดข้าวต้มกัน เธอน่าจะเซอร์ไพรส์เป็นดอกที่สอง ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่ผมรับรองว่าเดตนั้น เธอคงไม่น่าจะพบพานแบบนี้อีกตลอดชีวิต

🔴🔴สก๊อยหมายเลข 3 กับครุยเซอร์คันใหญ่

ตอนนี้ชั่วโมงบินการขี่มอเตอร์ไซค์ผมสูงมาก เริ่มจับทางตัวเองได้ว่าชอบครุยเซอร์ นั่งเท่ ๆ ลมปะทะตัว ไปเรื่อย ๆ เหมือนเคย รถผมจะเน้นสวย เงา โครเมี่ยมต้องวับ เสียงท่อทุ้มนุ่ม เสื้อจะเป็นแจ๊กเก๊ตใส่เกราะแล้ว หมวกกันน็อกเป็นแบบเต็มใบเปิดหน้าเพื่อรับลม มีผ้าบัฟโพกหัวและปิดจมูก จริง ๆ เหมือนโจรมากนะครับ และคราวนี้พาสาวเที่ยวข้ามอำเภอกันเลย

บอกคุณสก๊อยสุดน่ารักแล้วว่า เราจะไปเที่ยวเขื่อนด้วยรถบิ๊กไบค์ ไปตามสันเขื่อน บรรยากาศจะสุดฟิน ขวาเป็นทิวเขา ซ้ายเป็นผืนน้ำ คราวนี้คุณสก๊อยของเราเข้าใจครับ สวมชุดกระชับ สะพายเป้หลังใบเล็ก ๆ ไม่หนัก มีเพียงอุปกรณ์จำเป็นเท่านั้น มือสองข้างจึงว่าง โอบกอดพลขับได้เต็มที่ ..อะแฮ่ม

คราวนี้ไม่มีอุปสรรคใด ๆ เหมือนภาพในหนังโฆษณารถมอเตอร์ไซค์ครับ ถนนโล่ง รถขับละลมด้วยความเร็วคงที่ แหวกสายลมแสงแดด เข้าโค้งซ้าย โค้งขวา เอนซ้ายเอียงขวา สนุกและมันมากทั้งคนขี่คนซ้อน ทริปนี้น่าจะประทับใจ มือคุณสก๊อยมีแอบกอดรัดแน่นเวลาเข้าโค้ง (แล้วแกก็เทโค้งซะแรงเชียวนะ อีตาลุงหมอ) แต่ผมไม่เคยเบรกอ่านกินนะครับ มันไม่เป็นสุภาพบุรุษ

แถ่ด ...แถ่ด...กึก รถสะดุดและหยุด ซวยแล้ว !! ด้วยความที่เราศึกษามาพอควร รถก็ตรวจสภาพเสมอ จอดข้างทางก่อนเลย เอ่อ..ข้างทางจริง ๆ แดดเปรี้ยง ไม่มีเงาใด ๆ ตอนอยู่บนอานไม่รู้สึกอะไร แต่พอลงมายืนเท่านั้น เกือบสุก เปิดดูถังน้ำมันก่อนเลย จริงดังคาดน้ำมันเกลี้ยงถัง คือมันฟินไงครับ ขับจนลืมระยะเติมน้ำมัน เดี๋ยวจะงง รถบิ๊กไบค์บางรุ่นสมัยก่อนไม่มีเกจ์น้ำมันนะครับ ต้องจดจำการกินน้ำมันและระยะทางเอาเอง แต่มันฟินไง ลืมสนิท

จบลงด้วยสาวเจ้ายืนเฝ้ารถอยู่ข้างทาง ส่วนคนขับนั้นเล่า ...เดินไปซื้อน้ำมันปั๊มข้างหน้ามาเติม โชคดีที่เคยเดินทางเส้นทางนี้มาก่อน รู้ว่าปั๊มอยู่ไหน และโชคดีมากขึ้นอีกที่มาน้ำมันหมดไม่ไกลจากปั๊ม เรียกว่าหน้าแหกสุด ๆ ดูแลรถอย่างดี ทุกอย่างพร้อม แต่น้ำมันหมดครับ สาวเจ้าคงเกรงใจในการเดต "ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์" สังเกตว่ากัดฟันพูดเล็กน้อย

แม้เราจะไปถึงเขื่อน กินปลา ถ่ายรูป (ด้วยกล้องฟิล์มด้วยนะ) และขากลับเรียบร้อยดี ไม่มีน้ำมันหมดอีก ผมไม่แน่ใจว่าคุณสก๊อยจะรู้สึกอย่างไร กับการยืนเฝ้าบิ๊กไบค์ข้างทาง แต่รับรองว่าชั่วชีวิตเธอ ไม่มีทางได้เจอแบบนี้อีกแน่นอน

😂😂😂ส่วนหนึ่งจากความทรงจำ ไบก์เกอร์บอยกับสก๊อยสุดงาม😂😂😂

อาจเป็นรูปภาพของ 3 คน, ผู้คนกำลังยืน, รถจักรยานยนต์ และ กลางแจ้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น