10 มิถุนายน 2564

Sotagliflozin

 Sotagliflozin ยังรอต่อไปก่อน

ยาเบาหวานในกลุ่ม SGLT2i นับว่ามาแรงแซงโค้งมาก มีประโยชน์ทั้งเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคไต โดยทั้งสี่ชนิดที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ได้เบียดสารพัดยาเบาหวานไปขึ้นแท่นยาลำดับแรกหรือลำดับสองเรียบร้อยแล้ว และต้องคอยดูว่าตัวที่ห้าคือ sotagliflozin จะเข้ามาสู่ตัวเลือกการใช้ยาหรือไม่

เดิมทีนั้น Sotagliflozin ยังติดประเด็นเรื่องการเกิดผลแทรกซ้อนโดยเฉพาะเรื่องเลือดเป็นกรด และการศึกษาเรื่องผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ยังไม่หนักแน่นมากนัก

แม้ว่าในภาพรวมเราอาจจะมองได้ว่า SGLT2i มีลักษณะเป็น class effect คือไม่ว่าตัวใดในกลุ่มนี้จะมีคุณลักษณะโดยรวมเหมือนกัน แต่เนื่องจากการรับรองการใช้ยาในปัจจุบัน จะต้องมีหลักฐานจากการศึกษาเชิงประจักษ์ทุกชนิดทุกตัวที่หนักแน่นมากพอที่จะผ่านด่านอรหันต์ขององค์การอาหารและยาสหรัฐได้

ตัว Sotagliflozin จะแตกต่างจากตัวอื่นในกลุ่มเดียวกันเล็กน้อย คือ

sotagliflozin จะมีผลยับยั้งการทำงานของ SGLT1 อีกด้วย ทำให้เพิ่มการขับกลูโคสออกทางระบบทางเดินอาหาร เพราะ SGLT1 มีมากที่ลำไส้

คุณสมบัตินี้ทำให้มีหลายทฤษฎีออกมากล่าวถึงว่า มันอาจจะทำให้การควบคุมน้ำตาลดีขึ้นไหม ซึ่งก็ยังไม่มีหลักฐานว่าการเพิ่มตำแหน่งออกฤทธิ์นี้จะไปส่งผลต่อการควบคุมน้ำตาล

และมีทฤษฎีว่าอาจจะทำให้เกิดผลแทรกซ้อนสำคัญคือเรื่องเลือดเป็นกรด ซึ่งก็ยังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นมายืนยันอีกเช่นกัน

ทำให้ Sotagliflozin ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป และในงานประชุมวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจอเมริกา 2021 ที่ผ่านมานี้ คณะทำงานการศึกษาของ sotagliflozin ก็ได้รวบรวมการศึกษาของยาทำเป็น meta-analysis เรียบร้อยและรอการตีพิมพ์ นำเสนอในงานประชุมนี้

โดยรวบรวมการศึกษาของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สองที่มีการใช้ยานี้ ติดตามดูการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ การเกิดโรคหัวใจ การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากโรคหัวใจ ที่มีการติดตามไปหลังศึกษาเฉลี่ย 15 เดือน (15 เดือนนี่สั้นมากเลยนะครับ ปกติจะติดตามกัน 2.5 -3.5 ปี) พบว่าลดการเกิดอุบัติการณ์ต่าง ๆ ลงได้หมดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีโรคหัวใจล้มเหลวเรื้อรังอยู่ด้วย ไม่ว่าระดับการล้มเหลวนั้นจะมีแรงบีบตัวของหัวใจอยู่ในระดับใดก็ตาม

อ๋อแล้วนะ ว่าทำไมยาเบาหวานจึงมาโชว์ตัวในงานประชุมโรคหัวใจ ด้วยเป้าการศึกษาที่เป็นโรคหัวใจนั่นเอง และหากใครจำได้ว่าข้อกำหนดขององค์การอาหารและยาสหรัฐได้ระบุว่า ยาเบาหวานที่จะออกจำหน่ายจะต้องมีผลการศึกษาถึงความปลอดภัยของโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย หลังจากปรากการณ์ยา Rosiglitasone ที่เพิ่มอันตรายในผู้ป่วยโรคหัวใจวาย จนต้องถอนออกจากตลาดไป

คนที่เป็นผู้รายงานหลัก ๆ ตอนนั้นคือ Eric Topol และ Steve Nissen ที่ต่อมา Topol เป็นบรรณาธิการเว็บไซต์ medscape และออกหนังสือเกี่ยวกับวิสัยทัศน์การแพทย์ในอนาคตหลายเล่ม ส่วน Nissen เป็นผู้ที่ศึกษาและตีพิมพ์การศึกษาเรื่องไขมันในเลือดที่โด่งดังตัวพ่อของวงการ โดยเฉพาะในเรื่องการลดระดับ LDL ที่ส่งผลต่อการลดอัตราตาย

กลับมาที่เรื่องของเรา การศึกษารวบรวมข้อมูลเรื่องยา Sotagliflozin ออกมาว่าลดอุบัติการณ์รวมของโรคหัวใจในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวเรื้อรังที่เป็นเบาหวาน

* ในหัวใจวายการบีบตัวลดลง (Heart Failure with Reduced Ejection Fraction) ลดอุบัติการณ์ลง 50% เมื่อเทียบการรักษามาตรฐานอื่น

* ในหัวใจวายการบีบตัวช่วงระหว่างกลาง (Heart Failure with Mid-range Ejection Fraction) ลดอุบัติการณ์ลง 43 % เมื่อเทียบการรักษามาตรฐานอื่น

* ในหัวใจวายการบีบตัวยังดี (Heart Failure with Preserved Ejection Fraction) ลดอุบัติการณ์ลง 33 % เมื่อเทียบการรักษามาตรฐานอื่น

ทางผู้วิจัยกล่าวว่า ด้วยข้อดีที่ลดอุบัติการณ์โรคหัวใจในทุกรูปแบบนี้ อาจจะ ผ่านการอนุมัติได้ ผู้วิจัยนี้เป็นผู้วิจัยยา Sotagliflozin ในการศึกษา SCORED ที่ศึกษาเรื่องการลดโอกาสการเกิดไตเสื่อมรุนแรงมากขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานและจากการศึกษา SOLOIST-WHF ที่ศึกษาเรื่องการลดอุบัติการณ์โรคหัวใจซ้ำ ในผู้ป่วยเบาหวานที่เพิ่งผ่านการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันไป

ต้องจับตาดูว่าในอีกไม่นาน Sotagliflozin จะเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ของ SGLT2i อีกไหมครับ

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น