31 พฤษภาคม 2564

วันงดสูบบุหรี่โลกวันนี้ มีคำขวัญสำคัญคือ Commit to Quit

 วันงดสูบบุหรี่โลกวันนี้ มีคำขวัญสำคัญคือ Commit to Quit

นอกเหนือจากการรณรงค์ มาตรการ วิธีการ เพื่อช่วยคนที่สูบบุหรี่ให้เลิกบุหรี่และไม่กลับมาสูบซ้ำ อีกหนึ่งวิธีที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับการควบคุมยาสูบคือ ป้องกันเด็กและเยาวชน ไม่ให้มาสูบบุหรี่ เพราะมีข้อมูลชัดเจนว่า เกือบ 65% ของผู้ติดบุหรี่ในปัจจุบัน เริ่มสูบบุหรี่ก่อนอายุยี่สิบปี และถ้าคิดกลุ่ม 15-24 ปี ในโลกเราจะมีประชากรกลุ่มนี้ที่สูบบุหรี่ถึง 155 ล้านคน และส่วนใหญ่เริ่มสูบก่อนอายุ 15 ปี

ตัวเลขจากการศึกษาตีพิมพ์ใน lancet เมื่อ 27 พฤษภาคม 2021 ฉบับเพื่อเรื่องเลิกบุหรี่โดยเฉพาะ พบว่า จุดตัดอายุที่ 25 ปีเป็นจุดสำคัญที่สุด ถ้าใครคนใดคนหนึ่งเริ่มสูบและใช้บุหรี่ต่อเนื่องก่อนอายุ 25 ปี โอกาสที่เขาจะกลายเป็นผู้สูบบุหรี่ในระยะยาวนั้นจะสูงมาก จึงมีความพยายามมากมายที่จะป้องกันเด็กและเยาวชน

สามข้อที่ถือว่าส่งผลมากและมีข้อมูลประสบความสำเร็จในหลายประเทศ สามารถลดปริมาณผู้สูบบุหรี่ในวัยรุ่นได้จริง คือ การขึ้นราคาบุหรี่ (ผ่านกลไกภาษี) การกำหนดอายุและพื้นที่สูบบุหรี่ และ การควบคุมสื่อโฆษณาทั้งออฟไลน์และออนไลน์ และทั้งสามกลไกนี้ยังเป็นหนทางลดผู้สูบบุหรี่โดยรวมจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่ประกาศในปี 2019 อีกด้วย

ประเทศที่ใช้มาตรการต่าง ๆ ต่อเนื่องและได้ผล จากการเก็บข้อมูลปีการใช้บุหรี่ในเด็กและเยาวชน 1990-2019 เช่น ประเทศนอร์เวย์ ลดลงจาก 38.9% เป็น 15.3% , ประเทศบราซิลจาก 27.5% เป็น 7.01%

ภาครัฐมีนโยบายชัดเจน ไม่ว่าจะขึ้นภาษีบุหรี่เพื่อขึ้นราคา (ประเทศไทยใช้ภาษีบุหรี่สูงติดหนึ่งในสิบของโลก) การควบคุมรสชาติบุหรี่โดยเฉพาะรสเมนทอล การกำหนดอายุขั้นต่ำ การควบคุมสื่อและข้อมูลเกี่ยวกับยาสูบ การควบคุมผลิตภัณฑ์นิโคตินอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บุหรี่ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จนะครับ ทำให้ตัวเลขผู้สูบบุหรี่ในไทยลดลง

แต่มาตรการอีกอย่างที่สำคัญในมุมมองของผมคือ การเอาใจใส่บุตรหลานของท่าน คอยให้คำแนะนำ คอยช่วย อย่าจับผิดและลงโทษเพียงอย่างเดียว ต้องชี้แนะและหาทางแก้ไข รวมทั้งถ้าตรวจพบมีการใช้บุหรี่หรือผลิตภัณฑ์นิโคตินที่ไม่ใช่บุหรี่ ก็ควรใส่ใจ เห็นใจ ให้คำปรึกษา และปรึกษาแพทย์เพื่อไม่ทิ้งเวลาให้นานเกินไป

ถ้ามืดแปดด้าน ไม่รู้จะปรึกษาใคร โทรสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 ได้นะครับ

อาจเป็นรูปภาพของ อาหาร และสถานที่ในร่ม

เครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่ คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

 1.เครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่ คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

แอป QuitNow!
https://quitnowapp.com/en#QuitNow

แอป Quit Genius
https://www.quitgenius.com/

ทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอส

2.มีเบอร์โทร 1600

3.มีเพจและเว็บไซต์ของ

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
https://m.facebook.com/ashthailand/

ศูนย์วิจัยและความรู้เพื่อจัดการยาสูบ
https://m.facebook.com/TRCTobaccoControlResearch/

คลินิกฟ้าใส มศว.ศูนย์องครักษ์
https://m.facebook.com/phasaiclinic101/

ใครสูบอยู่ อยากให้เลิก
ใครเลิกแล้ว อยากให้ไม่กลับไปสูบอีก
ใครยังไม่เคยสูบ อยากให้อยู่ห่าง อย่าไปลอง
ใครที่มีคนที่รักสูบ ช่วยแนะนำให้กำลังใจ

31 พฤษภาคม วันงดสูบบุหรี่โลก

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

งานวิจัยเฟสสามของวัคซีนซิโนฟาร์ม

 วันนี้เรามารู้จักงานวิจัยเฟสสามของวัคซีนซิโนฟาร์ม ที่ลงตีพิมพ์ใน JAMA เมื่อ 26 พค. ที่ผ่านมา เป็นงานวิจัยหลักของวัคซีนตัวนี้ ในแบบประชาชนทั่วไปอ่านง่ายและเข้าใจ 

 วัคซีนซิโนฟาร์มนั้นผลิตโดย China National Biotec Group Co.Ltd. เป็นวัคซีนเชื้อตายเหมือนซิโนแวก วัคซีนเชื้อตายเป็นการผลิตเทคโนโลยีที่ปลอดภัยสูงมาก เรารู้จักและใช้กันมาอย่างยาวนาน วิธีการผลิต การเก็บรักษา และการขนส่งไม่ยุ่งยาก เหมาะกับประเทศที่มีรายได้ไม่สูงมากนัก

 ในการศึกษาเฟสหนึ่งและสอง เพื่อหาขนาดยาและระดับภูมิคุ้มกันที่ดีในร่างกายคน พบว่า วัคซีนซิโนฟาร์มสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรค (neutralizing antibody)ได้ดีตามเกณฑ์มาตรฐาน  จึงมาทำการทดลองในเฟสสาม เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการป้องกัน "การติดเชื้อแบบมีอาการ" และศึกษาความปลอดภัยของวัคซีนในคนจริง 

 วัคซีนนี้ผลิตในจีน แต่การศึกษาทางคลินิกนี้ ทำในประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน จอร์แดนและอียิปต์ โดยผลการศึกษานี้มาจากประชากรจากเอมิเรตส์และบาห์เรน เพราะข้อมูลจากจอร์แดนและอียิปต์ เริ่มเก็บช้ากว่า จะต้องรอผลการศึกษาฉบับเต็มจึงออกมาให้ทราบกัน

 ตะวันออกกลาง มีสถานการณ์การระบาดที่ไม่สูงเท่าการศึกษาของวัคซีนอื่น (44 รายต่อประชากร 1000 ราย เทียบตัวเลขของการศึกษาอื่น ๆ ที่ประมาณ 79ราย) สถานการณ์การระบาดที่ตะวันออกกลางพบข้อมูลการกลายพันธุ์ไม่มากนัก ดังนั้นการแปลผลเรื่องสายพันธุ์ต่าง ๆ นอกเหนือจากสายพันธุ์ที่มาทำวัคซีนคงแปลผลไม่ได้ และไม่มีการคิดวิเคราะห์แยกย่อยเรื่องสายพันธุ์ต่าง ๆ จากการศึกษา

 กลุ่มประชากรที่สนใจ คือ ประชากรที่อายุมากกว่า 18 ปี โดยไม่มีประวัติเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในกลุ่ม โคโรนาไวรัส ทั้งหมดคือทั้ง ซารส์ 1, เมอรส์ และซารส์ 2 คือโควิด โดยใช้การสอบถาม ไม่ได้ยืนยันว่าไม่มีเชื้อ โดยใครเคยติดเชื้อ (ไม่ว่าจากประวัติหรือมีผลแล็บ)ก็จะไม่รับเข้าศึกษา

 เมื่อได้กลุ่มวิจัยจะแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเท่า ๆ กัน รับวัคซีนหรือยาหลอก จำนวนสองเข็มห่างกัน 21 วัน

1.       กลุ่มควบคุม 13,471 คน กลุ่มนี้จะได้รับส่วนประกอบเหมือนวัคซีน แต่ไม่มีวัคซีน มีแต่สารประกอบอลูมิเนียมที่เป็นส่วนผสมของวัคซีน  สังเกตว่า ไม่ได้ใช้ยาหลอกเป็นน้ำเกลือนะครับ ในหลายการศึกษาที่ผ่านมากลุ่มควบคุมที่ใช้น้ำเกลือก็มีผลข้างเคียงเช่นกันการศึกษานี้ใช้ adjuvant เป็นตัวเปรียบเทียบเพื่อดูว่าผลข้างเคียงที่เกิดมันจะเกิดจากสารประกอบอลูมิเนียมที่เป็น adjuvant หรือเกิดจากวัคซีน ไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบไม่ฉีดหรือฉีดน้ำเกลือเลย 

2.       กลุ่มรับวัคซีนสายพันธุ์ WIVO4 จำนวน 13,470 คน ในวัคซีนมีสารประกอบอลูนิเนียมเป็น adjuvant ปริมาณเท่ากลุ่มควบคุม

3.       กลุ่มรับวัคซีนสายพันธุ์ HBO2 จำนวน 13,470 คน กลุ่มนี้จะมีโปรตีนของเชื้อและปริมาณ adjuvant น้อยกว่ากลุ่มที่เป็นสายพันธุ์ WIVO 4 เล็กน้อยเท่านั้น

 หลังจากฉีดยาไปแล้วจะมีการแนะนำให้สังเกตอาการต่าง ๆ ทั้งอาการของโรคโควิดและอาการข้างเคียงจากวัคซีน มีการโทรไปสอบถามและหากเกิดอาการติดเชื้อตามเกณฑ์ อาการ เอกซเรย์ ก็จะมีการสืบค้น ตรวจหาเชื้อ ประเมินสิ่งต่าง ๆ ตามที่แผนการศึกษากำหนดไว้ ทั้งหลังเข็มแรกตลอดไปหลังเข็มสอง

 จะเห็นว่าผลการศึกษาหลักต้องใช้ 'การติดเชื้อแบบมีอาการ หลังฉีดวัคซีนเข็มที่สองไปอย่างน้อย 14 วันเพราะมีความชัดเจน วัดผลได้ เหมือนกับทุกวัคซีนที่ทำมาเช่นกัน  แม้จะมีบางส่วนที่ไม่มีอาการและเข้ามาทำการตรวจหาเชื้อ เพื่อตรวจการติดเชื้อไม่มีอาการ แต่นั่นไม่ใช่ผลการศึกษาหลัก ไม่ได้ถูกออกแบบมาคิดคำนวณทางสถิติที่ถูกต้อง จึงถูกจัดไว้เป็นเพียง post hoc analysis หรือผลพลอยได้ที่นำมาวิเคราะห์ภายหลัง

 นอกจากนี้การศึกษายังสุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนมาเจาะตรวจแอนติบอดี หรือภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด จำนวน 900 คน ว่าก่อนฉีดในแต่ละกลุ่มเป็นอย่างไร หลังฉีดเข็มแรกเข็มสอง ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นไหม ต่างกันมากน้อยเพียงใด เพื่อเก็บข้อมูลไว้ใช้ (ผมคิดว่าเพื่อมาเปรียบเทียบและหาความสัมพันธ์ของ ระดับภูมิที่ขึ้น กับ ความสามารถในการปกป้องที่เกิด)

 ย้ำอีกครั้ง ผลการศึกษาหลักคือ 'ลดการติดเชื้อแบบมีอาการ หลังฉีดวัคซีนเข็มที่สองไปอย่างน้อย 14 วัน' เท่านั้นนะครับ

 เช่นเดียวกับการศึกษาวัคซีนโควิดแบบเร่งด่วนทั้งหลาย ผลการศึกษาที่ได้คือ ผลที่ยอมรับได้ในระยะแรก ยังไม่ใช้ผลสุดท้ายที่จะได้รับการวิเคราะห์ อีกทั้งยังมีปริมาณผู้ทดลองจากอียิปต์และจอร์แดนที่ยังไม่นำมาคิดอีกด้วย การศึกษาตั้งเป้าว่าเมื่อมีผู้ติดเชื้อหลังรับเข็มสองในกลุ่มควบคุมครบ 50 ราย ก็เริ่มรายงานได้ โดยการศึกษานี้รายงานที่ 70 ราย

 เกณฑ์การยอมรับของวัคซีนตัวนี้คือ สามารถปกป้องได้ค่าเฉลี่ยอย่างน้อย 60% เกณฑ์เดิมของวัคซีนแรก ๆ เช่นของโมเดอนาหรือไฟเซอร์ คือ 50%  และตัวเลขค่าขอบเขตล่างสุด (น้อยสุดที่ปกป้องได้จากการวิจัย)เกิน 30%... อ้อ คิดเมื่อจบการศึกษานะ อย่าลืมว่ารายงานนี้เป็นเพียงส่วนแรกเท่านั้น

 ผลการศึกษา ตรงนี้ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะมีตัวเลขที่แปรปรวนกว่าที่เราคิดมากเลย อย่าเอาแต่เพียงตัวเลข ประสิทธิภาพวัคซีนค่าสุดท้ายไปใช้

 1.       กลุ่มอายุเฉลี่ยที่มารับวัคซีนคือ 36 ปี เกือบ 100% นะครับ มีคนอายุสูงกว่า 60ปี ไม่ถึง 2% หมายความว่าหากจะนำไปใช้ในผู้สูงวัย กรุณาคิดดี ๆ ผลอาจออกมาไม่เป็นดังที่คาดหวัง

2.       ไม่ได้คิดแยกหรือระบุ 'โรคร่วม' หรือ 'โรคประจำตัว'แต่อย่างใด ไม่มีระบุไว้เลย ไม่ใช่ว่าเพราะอายุเฉลี่ยน้อยถึงไม่มีนะครับ  แต่ไม่ได้แจกแจง ดังนั้น ผลของวัคซีนในคนที่มีโรคประจำตัว (ที่อาจป่วยมากขึ้นหากติดโควิด) อันนี้บอกไม่ได้ ไม่มีข้อมูลนะครับ

3.       ผู้ที่เข้าร่วมการทดลองนี้เป็นชาย 84%เลยนะครับ หากจะนำไปใช้ในสุภาพสตรีคงต้องระมัดระวังดี ๆ เหตุผลอาจจะมาจากข้อมูลของการศึกษานี้เกือบทั้งหมดมาจากเอมิเรตส์ (มีบาห์เรน 20%) ที่มีประชากรชายถึง 72% และเป็นคนที่มาอาศัย มาทำงานในอาบูดาบีมากกว่าคนท้องถิ่น แต่ก็ยังเป็นเชื้อชาติอาหรับ  อีกอย่างคือ ไม่รับหญิงที่มีแนวโน้มจะตั้งครรภ์มาทำการศึกษาอีกด้วย

4.       มีคน 74% ของคนที่เข้าทดลอง ได้รับการตรวจภูมิคุ้มกัน พบว่ามีภูมิคุ้มกันมาก่อนฉีด (เคยติดเชื้อมาก่อน)เพียง 6.4% ของสามหมื่นคนนั้น  พอกล้อมแกล้มได้ว่าส่วนมากไม่ติดเชื้อมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าขณะทำการศึกษาติดเชื้อเท่าไร

 ผลการปกป้อง คือ ประสิทธิภาพของวัคซีนในการลดการติดเชื้อแบบมีอาการ หลังรับวัคซีนสองเข็ม คือ 72.8% ของวัคซีนWIVO4 และ 78.1%ของวัคซีนHBO2  ต่างจากกลุ่มยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

 สำหรับการสุ่มตัวอย่างมาตรวจวัดระดับแอนติบอดีหลังฉีดครบสองเข็มไปสองสัปดาห์ ว่ามีปริมาณผู้เข้าร่วมที่ผ่านเกณฑ์ภูมิคุ้มกันมากพอปกป้องไหม

พบว่าค่าเฉลี่ยเรขาคณิต เพิ่มจาก 2.3 เป็น 94 และ 150 ในขณะที่ยาหลอกแทบไม่ขยับระดับภูมิคุ้มกันเลย เรียกว่าสามารถกระตุ้นการสร้างภูมิและผ่านเกณฑ์ระดับ 99-100%

 มีผลข้างเคียงไหม 'อย่าลืมว่า ยาหลอกคือ adjuvant คือ สารประกอบอลูนิเนียม'ไม่ใช่น้ำเกลือนะครับ พบว่าเกิดผลข้างเคียงพอกันทั้งวัคซีนสองตัวและยาหลอก คือ 45% ของผู้ที่ฉีด และเป็นผลข้างเคียงเล็กน้อยคือ เจ็บคัน ปวดตรงจุดฉีด และหายเองได้  ผลข้างเคียงที่เป็นมาก พบประมาณ 0.5% พอ ๆ กันทั้งสามกลุ่ม แต่ก็หายได้เกือบทั้งหมด

 นี่คือผลเพียงสองเดือนครึ่งหลังฉีดเข็มสองนะครับ และเป็นเพียงรายงานเบื้องต้นที่ถึงเกณฑ์จะรายงานได้และแปลผลไปใช้ได้ ยังไม่ใช่ผลสุดท้าย ต้องรอติดตามต่อไป

 คำถามที่หลายคนสงสัย แต่ไม่ได้เป็นผลวิจัยหลักคือ ป้องกันการป่วยรุนแรงที่เข้าไอซียูได้ไหม และลดการติดเชื้อไหม  ต้องกล่าวว่าอ่านไว้เป็นแนวทาง เอาไว้ไปต่อยอดการศึกษา เพราะไม่ได้ออกแบบมาตอบคำถามเหล่านี้

1.       ปอดอักเสบรุนแรงวิกฤต เกิดเพียงสองรายในกลุ่มที่รับยาหลอก ข้อมูลไม่เพียงพอจะนำมาวิเคราะห์ประสิทธิภาพวัคซีนสำหรับกันป่วยหนักได้ ... โปรดอย่าลืมว่า ประชากรที่มาศึกษายังอายุไม่มาก ไม่มีโรคร่วม และน่าจะ (ส่วนตัวนะ) มีเศรษฐานะดี การดูแลสุขภาพดีมาก่อน

2.       ป้องกันการติดเชื้อแบบไม่มีอาการได้ไหม  จากข้อมูลที่พบ (ไม่ได้คนหาและไม่ใช่เป้าหมาย) คือ ในกลุ่มรับวัคซีนติดเชื้อ 16คน และ 10 คน ส่วนยาหลอกติดเชื้อ 21 คน  ถ้าเรานำคนที่ไม่มีอาการมาคิดประสิทธิภาพการปกป้องนำมารวมกับผู้ที่มีอาการ (อันนี้เขาหาทำเองนะครับ) พบว่าวัคซีน WIVO4 มีประสิทธิภาพ 64% ส่วนวัคซีน HBO2 มีประสิทธิภาพ 73.5% ไม่สามารถมาคำนวณความแตกต่างจากยาหลอกได้เพราะไม่ได้ออกแบบมาทำลักษณะนั้น

3.       ฉีดเข็มเดียว ปกป้องได้เท่าไร  ก็มีการวิเคราะห์เช่นกัน  สำหรับวัคซีน WIVO4 สามารถปกป้องการติดเชื้อแบบมีอาการ 50.3% ส่วนวัคซีน HBO3 สามารถปกป้องการติดเชื้อแบบมีอาการ 65.5%

4.       แล้วถ้าคิดวิเคราะห์ ผู้หญิงที่มีปริมาณน้อยในการศึกษา ผู้สูงวัยที่มีปริมาณน้อยมากในการศึกษา จะปกป้องเหมือนผลการศึกษาหลักไหม  มีการวิเคราะห์นะครับ ว่าผลออกมาไปทางเดียวกับผลการวิจัยหลัก แต่ความแม่นยำน้อย เพราะจำนวนคนที่มาวิเคราะห์น้อยเกินไป

 สรุปว่า จากข้อมูลเบื้องต้นของการศึกษาวัคซีนซิโนฟาร์มที่มาจากไวรัสทั้งสองสายพันธุ์ สามารถลดการติดเชื้อแบบมีอาการได้ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก โดยประสิทธิภาพอยู่ที่ 72% และ 78% โดยที่ผลข้างเคียงไม่ต่างจากยาหลอกและไม่รุนแรง 

 ข้อสังเกตสำคัญของการศึกษาคือ เกือบทั้งหมดเป็นคนอายุน้อย สุขภาพดี ไม่มีโรคร่วม และสัดส่วนผู้ชายถึง 85%  ในสถานการณ์การระบาดที่ไม่มากนักและไม่มีข้อมูลการกลายพันธุ์ของไวรัส รวมถึงผลจากการกลายพันธุ์

 **โปรดอ่าน conflict of interest ท้ายวารสารด้วย**




 

 

 

30 พฤษภาคม 2564

the last of us

 เมื่อเชื้อโรคร้ายกัดกินความเป็นมนุษย์ในใจคน

"หากคนที่คุณรัก เป็นคนเดียวในโลกที่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคร้าย และหากคุณอยากจะช่วยทั้งโลก คุณต้องเสียสละชีวิตคนที่คุณรัก เป็นคุณจะทำอย่างไร?" คำถามที่บาดหัวใจ สถานการณ์จากเกมชื่อดัง The Last of Us ที่ดู ๆ ไปแล้วอาจจะเป็นสถานการณ์ปัจจุบัน

โจเอล ชายหนุ่มพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีความสุขตามอัตภาพกับลูกสาววัย 14 ปี ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่เริ่มรุนแรง อยู่มาคืนหนึ่งโรคร้ายได้ลุกลามมากขึ้นจนมาถึงเมืองของโจเอล โรคร้ายนี้เมื่อใครติดเข้าไป จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายและจิตใจ ให้เปลี่ยนสภาพเป็นปีศาจ ไม่รู้จักใคร ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่มีจิตวิญญาณของคน

เมื่อโรคมาถึง ฝูงปีศาจมาถึง ทางการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดคือ ห้ามออกจากเมืองและกำจัดทุกคนที่ไม่ทำตามสั่ง เพราะกลัวสถานการณ์ของโรค โจเอลต้องพาลูกและน้องชายหนีจากปีศาจโรคร้ายในคืนนั้น และเลือกที่จะต้องขัดคำสั่งเจ้าหน้าที่ทหาร สุดท้ายลงเอยด้วยการลั่นกระสุนใส่โจเอลที่ยืนกรานจะออกจากเมืองเพื่อหนีความตาย แต่กระสุนไม่โดนโจเอล ไปโดนซาร่าห์ ลูกสาวสุดที่รักเสียชีวิตในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ

เวลาผ่านไปหลายปี โรคร้ายไม่หยุดแพร่กระจาย คนเกือบทั้งโลกเสียชีวิต บ้างก็กลายเป็นปีศาจ คอยไล่ล่ากัดกินมนุษย์โดยไม่มีสำนึกหรือจิตวิญญาณใด ๆ ผู้คนที่หลงเหลืออยู่ก็แบ่งเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย แต่ละฝ่ายสนใจเพียงตัวเองให้รอดและพร้อมจะสังหารปีศาจ หรือสังหารคนกลุ่มอื่น เพียงเพื่ออยู่รอดและครอบครองทรัพยากรอันจำกัด โดยไม่สนวิธีการ

เจ้าหน้าที่บ้านเมืองใช้มาตรการอันเหี้ยมโหด รุนแรง เพื่อควบคุมสถานการณ์ ซึ่งก็คุมไม่ได้และทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านมากมาย สภาพของสังคมตอนนั้นต่ำทรามถึงขีดสุด เต็มไปด้วยการหลอกลวง การเอาตัวรอด ที่การเอาตัวรอดจากเชื้อโรคและปีศาจก็สาหัสมากพอ ยังจะต้องเอาตัวรอดจาก "มนุษย์" ที่ถูกเชื้อโรคกัดกินความเป็นมนุษย์อีกด้วย

โจเอลยังอยู่รอด จ่อมจมกับเหตุการณ์ที่เขาไม่สามารถช่วยลูกสาวได้ ใช้ชีวิตไปวัน ๆ จนกระทั่งได้รับว่าจ้างให้หาเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุไล่เลี่ยกับลูกสาวเขาที่ตายไป ให้ไปส่งที่อีกฟากหนึ่งของประเทศ สาวน้อยเอลลี่ เธอก็พบความสูญเสียมามาก ต้องอยู่รอดในภาวะอันเลวร้าย ทำให้เธอก้าวร้าว กระด้าง ไม่เป็นที่รักของใคร

เมื่อโจเอลต้องพาเอลลี่เดินทางข้ามประเทศ ระยะทางและระยะเวลาอันยาวนาน ทั้งคู่ได้พบเพื่อน ได้พบการสูญเสียเพื่อนที่รัก ต้องอยู่รอด ต้องพบเหตุการณ์สะเทือนใจ คนที่มาหลอกลวง คนที่ต้องการสังหาร ทำให้โจเอลและเอลลี่อ่อนโยนลง เห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ รู้จักความรัก ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้าย แต่ทั้งคู่ได้ฟื้นฟูความเป็นคน ความเป็นพ่อและความเป็นลูก

สุดท้ายเมื่อโจเอลสามารถพาเอลลี่มาถึงที่หมายตามที่ว่าจ้าง และโจเอลได้รู้ว่า การว่าจ้างนี้ทำเพื่อพาเอลลี่มาที่ห้องทดลอง เพื่อพาเธอมาตรวจสอบว่าทำไมเธอจึงไม่ป่วย ทำไมเธอจึงไม่เปลี่ยนเป็นปีศาจทั้ง ๆ ที่เธอถูกกัดและติดเชื้อ

แต่การตรวจสอบและหายารักษามวลมนุษย์นั้น ต้องแลกมาด้วยชีวิตของเอลลี่ โดยโจเอลพยายามทักท้วง ให้หาหนทางอื่น แต่องค์กรนี้ไม่ยอม เลือกที่จะปลดชีวิตเอลลี่ เอาเลือดและร่างกายของเธอมารักษาและป้องกันพวกที่เหลือ หากโจเอลขวางทาง ก็ต้องจบชีวิตเช่นกัน

ความรู้สึกสับสนในใจของโจเอล ที่ผ่านการเดินทางมาแรมปีกับเอลลี่ ผ่านความรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนลูกสาวที่ตายไปกลับมาอีกครั้งและเขาสามารถปกป้องเธอได้มาตลอดจนถึงวินาทีนี้ ความผูกผันของเอลลี่และโจเอล มันทำใจยากมากที่ทั้งคู่จะต้องแยกจากกัน และทำใจยากมากสำหรับโจเอลที่ต้องพบกับการสูญเสียครั้งสำคัญอีกครั้ง .....

สถานการณ์โรคร้าย โรคระบาดที่ควบคุมยาก มันทำลายสิ่งที่เคยปฏิบัติ ทำให้อยู่ยาก ทำให้ล้มตาย มันไม่ได้ทำร้ายเพียงกาย แต่มันยังเปลี่ยนให้หลายคน เกลียดชัง อคติ เห็นแก่ตัว แบ่งพวกแบ่งฝ่ายทำร้ายซึ่งกันและกัน เหมือนกับสถานการณ์ในโลกของเกม the last of us

แต่นั่นคือเกม ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง เราทุกคนเลือกได้ที่จะให้มนุษย์เราก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน หรือกัดกินทำลายกันเองดังเช่นเกมสร้างให้เรารู้สึกได้

คำถามสุดท้าย ถ้าคุณเป็นโจเอล คุณจะยอมเสียสละเพื่อมวลมนุษย์ หรือคุณจะหันหลังให้มนุษยชาติ และรักเอลลี่ต่อไป

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน

29 พฤษภาคม 2564

พลังของการอ่าน น่าทึ่งมาก

 พลังของการอ่าน น่าทึ่งมาก

บ่ายวันเสาร์ ชายชราหน้าหนุ่มคนหนึ่ง ไปนั่งทอดอารมณ์ดื่มกาแฟและหนังสือมังกรหยก ที่ร้านประจำ หลังดื่มกาแฟหมดก็สั่งน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว

"นี่ค่ะ น้ำส้มค่ะลุงหมอ" เสียงเจื้อยแจ้วของหนูน้อยวัยเก้าขวบ น้องป้อมลูกสาวเข้าของร้าน ชายชรารู้จักน้องป้อมดี เพราะเห็นมาตั้งแต่ 5 ขวบ

น้องป้อมสะพายกระเป๋าเล็ก ๆ คงมาช่วยพ่อทำงาน ชายชราเห็นมุมหนังสือ 'บ้านเล็กในป่าใหญ่'โผล่ออกมา ก็เลยชวนคุย

"น้องป้อมชอบอ่านหนังสือใช่ไหม มาคุยกับลุงได้นะคะลูก ลุงชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน" ลุงหมอชราพยายามทำตัวให้เด็กไว้ใจที่สุด

"ค่ะ คุณพ่อบอกแล้ว ว่าลุงชอบหนังสือ คุณพ่อเล่าเรื่องคุณลุงให้ฟังบ่อยเลยค่ะ" น้องป้อมพูดเสียงใส

"คุณพ่อเขาเล่าว่าอะไรล่ะลูก" แอบถามความลับซิ มันนินทาอะไรตรูบ้างฟระ

" คุณพ่อบอกว่า คุณลุงมากินกาแฟที่ร้านบ่อยเพราะมาแอบมองพี่.... ค่ะ มองจนพี่เขาลาออกไปแต่งงานเลยค่ะ".... เอ่อ.. นี่มันเล่าอะไรให้ลูกฟังล่ะเนี่ย

" ฮ่า ๆ ว่าแต่หนูเรียนเรื่องวิตามินซีหรือยัง น้ำส้มมีวิตามินซีสูงนะ วิตามินซีเป็นอาหารหลักห้าหมู่ หนูจำได้ไหม" ลุงหมอเปลี่ยนเรื่องคุย มาเป็นเรื่องมีสาระ เวลาในชีวิตมันน้อย อย่าไปคุยเรื่องอื่น

" ใช่ค่ะ ช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิดค่ะ" หนูป้อมตอบอย่างมั่นใจมาก ถูกเสียด้วย

" แล้วหนูรู้ไหมว่า เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยเจอโรคนี้แล้วล่ะ เพราะเรามีผลไม้กินตลอด" ลุงหมอก็เลยสอนเพิ่ม เรานี่มันคนดีจริง ๆ คริคริ

"ใช่ค่ะ สมัยก่อนเราเจอในกะลาสีในทะเล เพราะเขาไม่ได้เอามะนาวไปกับเรือ" หนูป้อมตอบแบบนี้ ทำเอาลุงหมอทึ่ง โห..เก่งจังรู้ด้วยว่าประวัติศาสตร์ของโรคลักปิดลักเปิดมาจากกะลาสีเรือ ที่ขาดวิตามินซีเพราะสมัยนั้นนำแต่เนื้อแห้ง ข้าว น้ำตาล ไปกับเรือเพราะเก็บได้นาน

"ใช่แล้วลูก แล้วหนูรู้ไหมว่า กะลาสีเรือที่เขาค้นพบว่าโรคนี้เกิดจากการขาดวิตามินซี คือ จอห์น ลินด์" ไหนลองแหย่อีกสักหน่อยสิ

"ใช่ค่ะ คนนี้แหละ หนูเคยอ่านเจอในการ์ตูนความรู้ แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าคือวิตามินซี แต่รู้ว่ามะนาวทำให้โรคนี้หาย เขาแบ่งกลุ่มคนบนเรือค่ะ เป็น 12 กลุ่ม แล้วลองแจกมะนาว คนที่กินมะนาวจะไม่เป็นโรคนี้ค่ะ" ไงล่ะ อึ้งสิครับ เด็กน้อยเก้าขวบ รู้เรื่องการทำ clinical trials ครั้งแรกในโลก อธิบายเรื่องกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองได้อีก

" แล้วเขารู้ได้ไงล่ะลูกว่าขาดมะนาวแล้วทำให้เกิดโรคนี้" คราวนี้ลุงหมอตาเป็นประกายแทน เด็กคนนี้คือเก่งแท้ อ่านหนังสือแล้วมาเล่าได้ขนาดนี้ สนใจเป็นแอดมินเพจไหมลูก

"ก็พอเขาพบว่าคนที่กินมะนาวไม่เป็นลักปิดลักเปิด เขาก็เอามะนาวให้กลุ่มที่ไม่กินมะนาวค่ะ คนที่เคยเป็นโรคก็หายด้วย หลังจากนั้นเขาก็พกมะนาวในการเดินเรือตลอด" โอ้ มายก็อด เข้าใจหลักการของ causative effect ด้วย และรู้ว่าจากนั้นราชนาวีอังกฤษให้นำต้นมะนาวติดเรือไปด้วยตลอด

สุดยอดเลย นี่แค่อ่านการ์ตูนนะ เก้าขวบด้วย กว่าลุงจะรู้และสนุกแบบนี้เกือบสี่สิบปีนะลูกนะ สมัยนี้ช่างดีจริง ๆ

" ถ้าคุณลุงชอบเดี๋ยวหนูให้ยืมค่ะ หนูอ่านหลายรอบแล้ว"....

น่าชื่นใจแทนพ่อของน้องป้อม (แต่หมั่นไส้ที่มันคอยกันท่าบาริสต้าคนใหม่ ๆ ตลอด) และดีใจที่การอ่านทำให้เกิดคุณค่า เกิดความคิด และดีใจที่ปัจจุบันมีสื่อที่ดีมากมาย ย่นระยะเวลาการเรียนรู้อีกมากเลย

เรื่องทั้งหมดสร้างจากเรื่องจริงเมื่อบ่ายนี้ บิดชื่อและเรื่องราวเล็กน้อยเพื่อปกปิดแหล่งที่มา แม้ชื่อน้องเขาจะไม่ถูกใจหลายคนก็ตามที

ปล.
ส่วนเรื่องน้องบาริสต้าก็..". ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์ น้ำสังข์จะหลั่งลงพลัน....."

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป และสถานที่ในร่ม

28 พฤษภาคม 2564

แพ้ยาซัลฟา การตรวจในระดับยีน HLA-B*13:01

 แพ้ยาซัลฟา การตรวจในระดับยีน ที่ประเทศไทยทำได้ !!

ยากลุ่มซัลฟา เป็นยาอีกกลุ่มที่คนไทยเราแพ้เป็นจำนวนมาก ทั้งยาฆ่าเชื้อซัลฟาเช่น sulfamethoxazole ในตัวยา co-trimoxazole หรือ sulfadiazine, sulfasalazine

รวมไปถึงการแพ้ยาซัลฟาข้ามกลุ่มไปในกลุ่มที่ไม่ใช้ยาฆ่าเชื้อ เช่น ยาขับปัสสาวะ furosemide หรือยาเบาหวาน gliplizide

การแพ้ยาซัลฟามีทั้งแบบปฏิกิริยาไม่รุนแรง ไปจนถึงปฏิกิริยารุนแรงมาก อักเสบในทุกอวัยวะ ผื่นผิวหนังรุนแรง ผิวหนังหลุดลอกเป็นพื้นที่กว้าง ในกลุ่มแพ้ยารุนแรงมีอันตรายและอัตราตายสูงมาก

ในอดีตเราแทบไม่มีอะไรมาคาดเดาว่าใครคนใดจะแพ้ยา การใช้ยาซัลฟาจึงไม่ค่อยปลอดภัยทั้ง ๆ ที่ตัวยาหลายชนิดก็ยังมีประสิทธิภาพสูง (ซัลฟาเป็นยาฆ่าเชื้อตัวแรกในโลกครับ)

ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางเวชพันธุศาสตร์ นักวิจัยสามารถเข้าถึงการแพทย์แม่นยำ Precision medicine มากขึ้น ด้วยการลงลึกไปถึงปัจจัยการเกิดโรคในระดับยีน และพบว่ามียีนที่เดี่ยวข้อกับการแพ้ยาซัลฟานี้ด้วย

ผลงานร่วมของนักวิจัยไทยทางด้านเภสัชพันธุศาสตร์ ที่สร้างผลงานการตรวจยีน สร้างชุดตรวจราคาไม่แพงและผลักดันให้อยู่ในสิทธิประโยชน์ของการตรวจ ที่เคยทำสำเร็จมาแล้วกับยีนแพ้ยา carbamazepine (HLA-B*15:02) และยา allopurinol (HLA-B*58:01) วันนี้สามารถตรวจยีนแพ้ยาซัลฟาได้แล้ว

การศึกษาทั้งจากไทยและจากความร่วมมือหลายประเทศที่ไต้หวัน ทำให้เราทราบข้อมูลว่า

หากใครที่มียีนแพ้ยา HLA-B*13:01 หากได้รับยา co-trimoxazole จะมีโอกาสแพ้ยารุนแรงที่เรียกว่า DRESS มากกว่าคนที่ไม่มียีนนี้ถึง 40 เท่า และเพิ่มโอกาสการแพ้ยารุนแรงในทุกรูปแบบ (รวมผื่นรุนแรงและผิวหนังลอกด้วย) ถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่มียีนนี้

การศึกษาในคนไทยก็พบเหมือนกันว่า คนที่มียีน HLA-B*13:01 เพิ่มความเสี่ยงการแพ้ยา co-trimoxazole แบบ DRESS และพบว่าหากมียีน HLA-B*15:02 ก็เพิ่มความเสี่ยงการแพ้ยาแบบผื่นผิวหนังรุนแรงอีกด้วย

และในประเทศไทยตอนนี้สามารถตรวจยีนแพ้ยา HLA-B*13:01 ได้แล้วนะครับ ในราคาที่ไม่แพงประมาณ 1000-2000 บาท ที่แล็บของรพ.รามา จุฬา ศิริราช และศรีนครินทร์ (ยังไม่บรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ทางการรักษานะครับ) ทำให้เราสามารถคาดเดา เลือกใช้ และแนะนำการใช้ยาซัลฟาได้อย่างแม่นยำขึ้น เป็นผลดีต่อทั้งคนไข้และผู้ให้การรักษาครับ

ขอขอบคุณ อ.วิจิตรา ทัศนียกุล จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หนึ่งในคณะวิจัยหลักที่เอื้อเฟื้อข้อมูลครับ

ที่มา
1. (abstract) Sukasem, C., Pratoomwun, J., Satapornpong, P., Klaewsongkram, J., Rerkpattanapipat, T., Rerknimitr, P., Lertpichitkul, P., Puangpetch, A., Nakkam, N., Konyoung, P., Khunarkornsiri, U., Disphanurat, W., Srisuttiyakorn, C., Pattanacheewapull, O., Kanjanawart, S., Kongpan, T., Chumworathayi, P., Saksit, N., Bruminhent, J., Tassaneeyakul, W., Chantratita, W. and Pirmohamed, M. (2020), Genetic Association of Co-Trimoxazole-Induced Severe Cutaneous Adverse Reactions Is Phenotype-Specific: HLA Class I Genotypes and Haplotypes. Clin. Pharmacol. Ther., 108: 1078-1089. https://doi.org/10.1002/cpt.1915

2. ฉบับเต็ม อ่านฟรี Allergy Clin Immunol. 2021 Apr; 147(4): 1402-1412

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

27 พฤษภาคม 2564

การฉีดวัคซีนซิโนแวกในคนไทย

 ได้ข่าวเรื่องการศึกษาเก็บข้อมูลการฉีดวัคซีนซิโนแวกในคนไทย ที่ภูเก็ตมาสักพัก แต่ยังไม่เห็น pre print หรือ preliminary reports ใด ๆ จนมาเห็นในเนื้อข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับ 28 พค. 2564 (ผมรับหนังสือพิมพ์ตอนบ่ายครับ) ลงข่าวการเก็บข้อมูลชิ้นนี้

ศึกษาเรื่องการติดเชื้อโควิดที่จังหวัดภูเก็ต วัคซีนที่ฉีดคือ ซิโนแวก ข้อมูลจากหน่วยราชการในจังหวัดภูเก็ตร่วมกันเก็บข้อมูลพบว่า

 ประชากรภูเก็ต 45% รับวัคซีนเข็มแรกเรียบร้อย ประชากร 22% ได้รับวัคซีนครบสองเข็ม

จากประชากรกลุ่มเสี่ยงสูง (สัมผัสเชื้อ)1366 ราย ไม่ใช่คนที่ติดเชื้อนะ ในกลุ่มนี้เมื่อกักตัวครบ 14 วันแล้วมาประเมิน มาคิดเรื่องการติดเชื้อจากการตรวจทางแล็บ (ไม่ได้บอกว่ามีอาการหรือไม่)
⊙ ถ้าได้วัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็ม ลดการติดเชื้อลง 73.1%
⊙ ถ้าได้วัคซีนสองเข็ม ลดการติดเชื้อลง 83.3%

 จากประชากรที่ติดเชื้อ จำนวน 386 ราย พบว่า
⊙ ได้รับวัคซีนครบสองเข็ม 6 ราย จำนวนนี้ไม่มีปอดอักเสบเลย
⊙ ได้รับวัคซีนเพียงหนึ่งเข็ม จำนวน 31 ราย ในจำนวนนี้มีปอดอักเสบ 4 ราย
⊙ ผมคำนวณดูเองว่า แสดงว่าผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ ยังไม่ได้วัคซีน 343 ราย

ยังไม่เห็นระเบียบวิธีวิจัย การคำนวณทางสถิติ แต่อ่านดูน่าจะเป็น case-control study ไม่ทราบ control ด้วยว่าเป็น test negative control หรือไม่ กลุ่มประชากรสองกลุ่มมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร มีการใช้ propensity score ลดความแตกต่างไหม มีการคิดกลุ่มย่อยตามโรคร่วมบ้างไหม และกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมีปอดอักเสบเท่าไร

ข้อมูลนี้เป็นเพียงข่าว หากจะไปอ้างอิงคงต้องแสดงข้อมูลมากกว่านี้ ซึ่งเป็นการศึกษาที่น่าสนใจมาก ทำในคนไทย สถานการณ์จริง เฝ้ารอดูการศึกษาที่จะออกมาฉบับสมบูรณ์ต่อไป

***ขณะนี้ยังเอาไปอ้างอิงไม่ได้หากไม่เห็นผลงานฉบับสมบูรณ์และนำมาวิเคราะห์อีกครั้ง***

peer review ของวัคซีนแบบเชื้อตายจากซิโนฟาร์ม

 ข้อมูล peer review ของวัคซีนแบบเชื้อตายจากซิโนฟาร์มของจีน ใน JAMA 26 พค. 2021

ทำเมื่อครึ่งปีหลังของ 2020 ศึกษาในเอมิเรตส์และบาห์เรน จำนวน 40000 กว่าคน โดยส่วนใหญ่อายุไม่มาก ประมาณ 35-40 ปี อัตราการติดเชื้อไม่มากเท่ายี่ห้ออื่น มีสัดส่วนคนเอเชียเกือบทั้งหมด

ฉีดสองเข็ม และติดตาม 'การติดเชื้อแบบมีอาการ'เหมือนวัคซีนทุกตัว ข้อเด่นคือใช้ adjuvant เป็นยาหลอก ไม่ใช่น้ำเกลือ ก็จะดูผลข้างเคียงได้ใกล้เคียงความจริงมากกว่า

ปรากฏว่า สามารถปกป้องการติดเชื้อแบบมีอาการได้ 72-78% ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยและขั้นต่ำของ CDC, WHO ผลข้างเคียงไม่ต่างจากยาหลอกที่เป็น adjuvant ขอวัคซีน (สารในวัคซีนที่ไม่มีตัวเชื้อ)

ยังไม่สามารถแปลผลเรื่องวัคซีนกลายพันธุ์ และการปกป้องการติดเชื้อแบบ 'ไม่มีอาการ'ได้

ลิ้งค์มาให้ อ่านฟรี

26 พฤษภาคม 2564

Vaping cessation การเลิกเวป หรือการเลิกบุหรี่ไฟฟ้า

 Vaping cessation การเลิกเวป หรือการเลิกบุหรี่ไฟฟ้า

ในประเทศอเมริกาและยุโรปมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย ทั้งเปลี่ยนจากบุหรี่ดั้งเดิมมาใช้ ทั้งผู้ใช้ที่เริ่มต้นด้วยบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดคำถามว่าเราจะเลิกเวป (vape) ได้อย่างไร เหมือนการเลิกบุหรี่แบบเดิมไหม

ปัจจุบันนี้ยังมีข้อมูลการศึกษาวิจัยวิธีในการเลิกเวปอยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่ที่เลิกได้เพราะตัวผู้ใช้เองต้องการจะเลิก ใช้วิธีหักดิบบ้าง ใช้วิธีการลดความเข้มข้นนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าลงทีละน้อยบ้าง แต่ยังไม่มีการศึกษาที่มีคุณภาพปริมาณมากพอ

ข่าวล่าสุดของการศึกษา ORCA-V1 ศึกษาการใช้ยา cytisnicline เพื่อเลิกบุหรี่ไฟฟ้า กำลังศึกษาในอเมริกา ผลยังไม่ออกมา แต่เรามีการศึกษาการเลิกเวป โดยใช้วิธีดั้งเดิมที่เคยใช้ได้ผลกับบุหรี่มาแล้ว มาลองประยุกต์ใช้

ผลงานการศึกษาจากนักวิจัยที่ Mayo Clinic ต้องบอกว่าที่ Mayo Clinic มีศูนย์ศึกษาวิจัยเรื่องการเลิกบุหรี่ ศูนย์ฝึกอบรมการติดยาสูบระดับโลกเลยนะครับในชื่อ Mayo Clinic – Nicotine Dependence Center และ Mayo Clinic –Tobacco Education programs

งานวิจัยนี้ลงตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Internal medicine ฉบับ 17 พฤษภาคม 2021 ศึกษาคนที่ใช้เวป ในช่วงอายุ 18-24 ปีที่มีความสนใจอยากจะเลิกเวป ระหว่างวิธีให้คำแนะนำครั้งเดียว กับวิธีให้คำแนะนำและส่งข้อความไปกระตุ้นไปช่วยเลิกเวป โดยใช้เวลาในการศึกษา 7 เดือน เพื่อดูว่าเมื่อครบ 7 เดือนมีการหยุดใช้บุหรี่ไฟฟ้าในช่วง 1 เดือนก่อนเก็บข้อมูลว่าต่างกันหรือไม่

การศึกษานี้ใช้แอปพลิเคชั่น This is Quit ติดตามปริมาณการสูบของทั้งสองกลุ่ม ที่เคยใช้ได้ผลในการเลิกบุหรี่มาแล้ว เรียกว่าการวิจัยในยุคปัจจุบันใช้เทคโนโลยีข้อมูลกันมากเลย ข้อเสียคือเป็นการส่งข้อมูลจากตัวผู้เข้าร่วมการศึกษาเอง อาจหลงลืม อาจกดผิดได้บ้าง และไม่มีการทดสอบสารชีวเคมีเพื่อยืนยันการหยุดเวปในช่วง 30 วันดังกล่าว

มีคนร่วมการศึกษา 2588 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับข้อความ 1304 คนและกลุ่มควบคุม 1284 คน

โดยที่คนกลุ่มนี้เกือบ 90% เขาเวปทุกวัน และเป็นกลุ่มติดหนัก (เวปใน 30 นาทีแรกหลังตื่นนอน) ถึง 82% การศึกษานี้มีการติดตามจนจบงานวิจัยค่อนข้างสูงคือที่ 74% งานวิจัยเรื่องการเลิกบุหรี่ปกติ อัตราการติดตามจนจบมักอยู่ที่ 50% โดยผลที่ออกมาพบว่า

กลุ่มที่ส่งข้อความ ไม่ใช้เวป 24.1% เทียบกับกลุ่มควบคุม ไม่ใช้เวป 18.6% ตัวเลขต่างกันไม่มากแต่มีนัยสำคัญทางสถิติ และเป็นจริงในทุกเงื่อนไขการเวป ไม่ว่าเวปมาก เวปน้อย อาชีพ ระดับการติด ใช้สารอื่นร่วมด้วย

ก็เรียกว่าการใช้ข้อความกระตุ้นมีผลจริง ๆ ในการช่วยเลิกเวป เหมือนกับที่เคยทำได้ในบุหรี่มาแล้ว

เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการเลิกบุหรี่ไฟฟ้าครับ

ที่มา
Graham AL, Amato MS, Cha S, Jacobs MA, Bottcher MM, Papandonatos GD. Effectiveness of a Vaping Cessation Text Message Program Among Young Adult e-Cigarette Users: A Randomized Clinical Trial. JAMA Intern Med. Published online May 17, 2021. doi:10.1001/jamainternmed.2021.1793

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป และกลางแจ้ง

Golden rain acacia ต้นไม้ช่วยเลิกบุหรี่

 Golden rain acacia ต้นไม้ช่วยเลิกบุหรี่ อ่านสบาย ๆ ไปชงกาแฟร้อน ๆ กับขนมปังอุ่น ๆ แล้วนั่งโซฟา จิบกาแฟอ่านกันเลยครับ

เรื่องราวของการสูบบุหรี่และใบยาสูบ มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ผ่านพ้นยุคกลาง การขนส่ง การครอบครอง การผลิตใบยาสูบในแผ่นดินอเมริกา แผ่นดินแอฟริกา สร้างความมั่งคั่งให้เจ้าอาณานิคม ให้กลุ่มการค้าของยุโรปอย่างมาก และบางครั้งก็เกิดสงครามและข้อขัดแย้งจากยาสูบ

เมื่อผ่านมาถึงหลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ยาสูบ บุหรี่และหลากหลายผลิตภัณฑ์จากยาสูบเข้าครอบครองโลกนี้ ในขณะนั้นการสูบบุหรี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่มีใครทราบว่ามันก่อให้เกิดอันตราย อีกทั้งเป็นค่านิยมในสังคมอีกด้วยว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ยอมรับ

จนมาปลายยุคสงครามโลกครั้งที่สอง เราเริ่มรู้จักอันตรายจากบุหรี่ที่เราใช้กันมานานหลายร้อยปี

ในช่วงหนึ่งของสงคราม มีการบันทึกว่าทหารใช้เมล็ดของพืชชนิดหนึ่ง ที่มีสมบัติเสพแล้วสบายเหมือนบุหรี่มาใช้แทนบุหรี่ที่สมัยสงครามช่างขาดแคลนอย่างยิ่ง และพืชชนิดนั้นคือ golden rain acacia หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cytisus laburnum

หลังจบสงคราม ความรู้เรื่องภัยอันตรายจากบุหรี่เริ่มเป็นที่รู้จักและมีงานวิจัยออกมาอย่างแพร่หลาย หลายประเทศเริ่มเห็นภัยร้ายของบุหรี่และเริ่มมีมาตรการควบคุม รวมถึงบำบัดรักษาผู้ติดบุหรี่ และเลิกบุหรี่ด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ มากมายที่ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง

จนกระทั่งเราเริ่มทราบเรื่องของนิโคตินและการติดนิโคติน ว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ติดและเลิกไม่ได้ ความพยายามเลิกบุหรี่เริ่มมาโฟกัสที่ นิโคติน

นิโคตินเป็นสารประกอบอาโรมาติก สามารถเข้าสู่สมองได้ดีมากสามารถจับตัวรับ แอลฟ่า4เบต้า2 ในสมองและหลั่งสารที่ทำให้มีความสุขคือ โดปามีน ทำให้ติดนิโคติน

จึงมีความพยายามที่จะหายาและสารที่สามารถไปจับตัวรับ แอลฟ่า4เบต้า2 ในสมองได้เช่นกันแต่ไม่ได้ติดรุนแรงเพื่อลดอาการอยากและช่วยเลิกนิโคติน และก็หาไม่ยากเสียด้วย สารนั้นมีการค้นพบมาแล้วตั้งแต่ปี 1818 ชื่อว่าสาร cytisine

ชื่อ cytisine มาจากชื่อจีนัส Cytisus ของต้น golden rain acacia นั่นเอง โดยมีการกล่าวถึงสารนี้จากต้นนี้ตั้งแต่ปี 1818 ต่อมาสามารถสกัดสารนี้จากพืชได้ในปี 1865 แต่ก็ไม่ได้มีบันทึกการนำสารนี้มาใช้อย่างจริงจัง

จนกระทั่งในปี 1964 บริษัทยาในบัลแกเรียชื่อ Sopharma ได้นำสารสกัดของพืชตัวนี้มาใช้ทำเป็นยาอดบุหรี่ชื่อว่า cytisnicline (Tabex) ใช้แพร่หลายในฝั่งยุโรปตะวันออก

เราอาจจะเคยได้ยินชื่อยา varenicline ยาที่สกัดจากสาร cytisine อีกชนิดโดยบริษัทไฟเซอร์ วางจำหน่ายในปี 1997 ที่มีการศึกษาวิจัยมากมาย เพจเราก็นำเสนอไปมากมายและผมเองก็ถือว่าเป็นพระเอกหลักของการเลิกบุหรี่

แต่ข้อมูลของ cytisnicline เรากลับมีน้อยทั้ง ๆ ที่มีใช้ตั้งแต่ 1964 อาจจะเป็นจากข้อมูลของประเทศแถบนี้ไม่ได้รับรู้มากนักยุคสงครามเย็น การปิดประเทศและการสู้รบต่อเนื่องหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ประเทศแถบยุโรปตะวันออกมีผลงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออกมาสู่สายตาชาวโลกไม่มากนัก

แถมการศึกษาของ cytisnicline ที่ออกมาเป็นที่ยอมรับในยุคหลังก็มาจากประเทศนิวซีแลนด์ ไม่ได้มาจากบัลแกเรีย

การศึกษาชื่อ RAUORA study ศึกษาคนที่สนใจเลิกบุหรี่จำนวน 679 รายมาแบ่งใช้ยา cytisnicline เทียบกับยา varenicline เป็นการศึกษาเทียบกันโดยตรงเรียกว่า head-to-head study ผลปรากฏว่า เลิกบุหรี่ได้พอ ๆ กันแต่ cytisnicline มีผลข้างเคียงต่อระบบประสาทและอาการคลื่นไส้น้อยกว่า varenicline

นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้ cytisnicline กำลังทำการศึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ในอเมริกา น่าจะเพื่อรับรองการใช้ในยุโรปและอเมริกา ชื่อการศึกษา ORCA study

และที่น่าสนใจมากขึ้นไปอีกคือ การศึกษาย่อยของ ORCA ชิ้นหนึ่งชื่อว่า ORCA-V1 เป็นการศึกษาเพื่อทดสอบสมมติฐานการใช้ยาอดบุหรี่กลุ่มนี้ ในผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ผมติดตามเรื่องการเลิกบุหรี่มานาน แทบจะไม่มีการศึกษาคุณภาพสูงเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ไฟฟ้าเลย นี่เป็นการศึกษาแรก ๆ ที่น่าสนใจมากทีเดียว

จึงเรียกว่าต้น golden rain acacia เป็นต้นไม้ที่อยู่ในฝั่งหยินหยางตรงข้ามกับใบยาสูบที่แท้จริง

ใครสนใจเรื่องยาเลิกบุหรี่ varenicline ไปที่บล็อก https://medicine4layman.blogspot.com
แล้วพิมพ์ในช่องค้นหา ใส่คำว่า ยาเลิกบุหรี่ หรือคำว่า varenicline น่าจะมีเรื่องดี ๆ ให้คุณได้อ่านมากมายครับ

อาจเป็นรูปภาพของ ดอกไม้, ต้นไม้ และกลางแจ้ง