21 มีนาคม 2564

คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง

 พูดถึง "คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง" the why cafe

เห็นหนังสือเล่มนี้ขึ้นชาร์ตมาใหม่มาแรงขายดีมาสักพัก แต่ก็ไม่ได้สนใจหยิบมาเลยครับ ยังมีกองดองเล็ก ๆ อีกสองสามเล่ม (ปีนี้กดไป 19 เล่มแล้ว แฮ่ม !!) จนมาถึงวันว่างที่ผมเดินแกร่วที่ร้านหนังสือประจำเลยพลิกมาดู

อารมณ์แรกคิดว่าเป็นนิยายสั้นหรือเรื่องสั้นแบบฟีลกู๊ด อ่านแล้วได้ความสุข เพราะปกดูอบอุ่น แถมเป็นเรื่องราวของร้านกาแฟอีก เอาล่ะ..ตอนนี้ก็เหงา ๆ หยิบมาสักเล่มแล้วเอาไปอ่านในร้านกาแฟร้านประจำแล้วกัน เล่มเล็ก ๆ น่าจะพอจับทางได้เพียงกาแฟสักถ้วย อ้อ..ร้านเดิม เจ้าของร้านเดิม แต่บาริสต้าคนนั้นเขาแต่งงานแต่งการไปแล้ว

ปกหลังบอกว่านี่คือหนังสือ the alchemist ในยุคสมัยนี้ ใครไม่เคยอ่าน the alchemist ต้องบอกว่านี่คือนิยานแฝงปรัชญาชีวิตที่เล่มเล็ก ๆ แต่คุณต้องอ่านสองรอบเพื่อจะเข้าใจ และจะเข้าใจได้เมื่ออ่านถึงตอนจบ เป็นหนังสือสอนใจที่คลาสสิกและโด่งดังมาก มีแปลไทย หาอ่านได้ ... แล้ว the why cafe มันจะขนาดนั้นหรือ แสดงว่าเราคาดเดาผิดล่ะสิ

กาแฟร้อนอเมริกาโน่ถ้วยยักษ์มาเสิร์ฟ พร้อมครัวซองต์นมสดหอม ๆ น้ำชาร้อนหนึ่งแก้ว และบาริสต้าชายหนุ่ม มาเสิร์ฟตรงหน้า เอาล่ะ หนึ่งอึกแล้วอ่านเลย

เรื่องราวของชายหนุ่มออฟฟิศ ชีวิตก็ดีแต่น่าเซ็ง เกิดหมดไฟอยากพัก จึงตัดสินใจลาหยุดเดินทางยาว ๆ ไปชาร์จแบต มันช่างตรงชีวิตของพวกเราหลายคน แต่เมื่อชายหนุ่มเจอจราจรติดขัดจากอุบัติเหตุ เขาตัดสินใจเลี้ยวไปทางใหม่ เป็นการตัดสินใจออกจากการทำงานแบบ "รูทีน" ของเขา การเปลี่ยนทางช่างเสี่ยงนัก หลงทาง หิว น้ำมันก็ใกล้หมด จนกระทั่งมาพบร้านอาหารนี้

ชายหนุ่มเช้าไปในร้าน ตั้งใจจะพักและกิน แต่สะดุดตาด้วยคำถามสามข้อที่เขียนไว้หลังเมนู ให้คนที่เข้ามาคาเฟ่นี้ได้ถามคำถามตัวเอง ตอนแรกชายหนุ่มนึกว่าร้านนี้ออกจะหลอน ๆ ที่มาถามแบบนี้ แต่เมื่อพนักงาน พ่อครัว(และเจ้าของร้าน) รวมถึงลูกค้าคนอื่น ๆ เวียนกันมาสนทนาและพูดกันถึงเรื่องสามคำถาม ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจและมองเห็นว่า การที่เขาลางานออกมา "ชาร์จแบต" มันไม่มีความหมายใด ถ้าเขาไม่เข้าใจว่ามีชีวิตเพื่อสิ่งใด และจะทำให้ชีวิตมีความสุขในปัจจุบันได้อย่างไร

การสอนให้คิด การทบทวนผ่านเรื่องราวของตัวละครและสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นการเล่าเรื่องให้เราได้คิดตาม เอามาเปรียบเทียบกับตัวเราเองได้อย่างแยบยล ด้วยความที่ร่วมสมัยกว่า the alchemist ทำให้เราเข้าใจเนื้อหา การเปรียบเปรย และความหมายที่แท้จริงของการสนทนาที่ช่วยเราขบคิดว่า "เป้าหมายแห่งชีวิต" ของเราคืออะไร จะเริ่มทำเมื่อไร และทำแล้วจะเกิดอะไร

ไม่ใช่นิยายฟีลกู๊ด แต่เป็นกึ่งจิตวิทยาพัฒนาตัวเอง เขียนในรูปนิยาย ต้องใช้เวลาอ่านและขบคิด การดำเนินเรื่องใน 30% แรกค่อนข้างสับสนและน่าเบื่อ แต่พออ่านไปครึ่งเรื่องจะเริ่มเข้าใจ และอยากอ่านจนจบ ผมเองจบครึ่งเรื่องในร้านกาแฟ และกลับมาอ่านต่อที่บ้าน และต่ออีกครั้งหลังตื่นนอนตอนเช้า พบว่าเป็นหนังสือที่สอนใจและทำให้เราฉุกคิดได้ดีเช่นกันว่า "ทุกวันนี้เราทำอะไรอยู่กันแน่"

ระดับเดียวกับ alchemist แต่ผมยังให้เป็นรอง walden ถือว่าเล่มไม่หนา พกพาได้ง่าย อ่านแล้วมีคุณค่าครับ หนังสือแต่งโดย John P. Strelecky แปลไทยโดย ธิดารัตน์ เจริญชัยยชนะ ของสำนักพิมพ์ Being ราคาปกเล่มละ 229 บาท หนา 185 หน้า ขนาดครึ่งเอสี่แนวตั้ง

ไม่ใช่ถึงกับ ต้องอ่าน แต่เป็นทางเลือกให้อ่านได้ครับ goodreads ให้สามดาวครึ่ง ผมให้สามดาวครับ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น