เมื่อมีข้อสงสัยในการรักษา ระหว่างคุณหมอด้วยกัน ... กรุณาเปิดใจสักหน่อย
ผมมีเรื่องเล่าที่รุ่นน้องคนหนึ่ง จะว่ารุ่นน้องก็น้องหลายปี ปรึกษามาว่า อึดอัดใจและสับสน
"น้องจบมาไม่นาน ทำงานเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปที่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เติบโตร่ำเรียนมากับระบบการเรียนและชุดความรู้แบบปัจจุบัน น้องได้ใช้แนวทางทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติงาน
แต่แล้วก็เกิดความสับสนเมื่อ แพทย์รุ่นพี่อาวุโสบางท่าน มีแนวทางปฏิบัติรักษาที่ดูจะต่างออกไป เช่น การหยุดยา statin ในผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตโดยที่ไม่ปรากฏผลข้างเคียงจากยา หรือการหยุดยาเบาหวานโดยที่ค่าน้ำตาลฮีโมโกลบินเอวันซียังสูงมาก และเคยมีผลต่อผู้ป่วยบ้าง
น้องเขาเคยถามเพราะผู้ป่วยบางรายก็เป็นผู้ป่วยเก่าของน้องเขา ก็ได้คำตอบว่าทำตามแนวทางของ "กระทรวง" ที่น้องเขาไม่เคยได้เห็นแนวทางอันนั้น และผู้ป่วยบางรายก็เลือกรักษาโดยการหยุดยาลักษณะนั้นอีกด้วย
อันนี้เพียงตัวอย่าง ทำให้น้องเขาอึดอัดและสับสน"
ถามลุงหมอ ซึ่งได้แต่ฟังความข้างเดียว ไม่ได้รับรู้สถานการณ์ที่แท้จริงตรงนั้น ก็ขอกล่าวเป็นกลาง ๆ ดังนี้
😍😍สำหรับน้อง ๆ ที่เพิ่งจบการศึกษา ในยุคข้อมูลข่าวสารแบบนี้
พี่รู้สึกดีใจและเห็นด้วย ที่น้องพยายามศึกษาหาวิธีการที่ได้รับการทบทวนและมีหลักฐาน เพื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วย หรือแม้ในกรณีมีข้อขัดแย้งทางการรักษา ก็พยายามสืบค้นหาหลักฐานมาเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้เป็นคุณลักษณะที่ดีครับ น้องที่จบใหม่และคุณหมอที่จบมานาน น่าจะนำสิ่่งที่น้องทำ เอาไปใช้
🔊🔊แต่พี่ก็อยากจะบอกว่า
แนวทางทางเวชปฏิบัติต่าง ๆ มันไม่ใช่กฎหมายที่ต้องทำตามหรือห้ามทำตาม หรือจะชี้ว่าใครถูกใครผิด เพียงแต่รวบรวมหลักฐาน เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น คุณหมอผู้รักษาและผู้ป่วยอาจจะมีเหตุผลอีกมากมายที่จะเลือกไม่ทำตามแนวทางครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อ เรื่องราคาค่ารักษา เรื่องผลข้างเคียงเล็กน้อยของหมอแต่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ป่วย หรือเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของคุณหมอท่านนั้น
น้อง ๆ เรียนรู้สิ่งที่ถูกต้อง ร่วมสมัยด้วยวิจารณญานที่ดี และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การรักษาด้วยตัวเองและจากผู้อื่น มาปรับเป็นกลยุทธของตัวเอง น้องจะเป็นทั้งหมอที่เก่งและเข้าใจคนไข้ รักษาได้ทั้งโรคและทั้งคน
😇😇สำหรับคุณหมอที่ผ่านประสบการณ์การรักษามาอย่างโชกโชน
ผมรู้สึกชื่นชมกับประสบการณ์การปรับแต่งการรักษา ใข้เข้ากับวิถีชีวิต หรือความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย หรือบางครั้งลงลึกไปถึงความเชื่อและเศรษฐานะ เป็นการใช้ศิลปะ ผ่อนหนักผ่อนเบา อะไรก่อนหลัง สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถหาอ่านหรือไปเรียนที่ใด ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ด้วยใจที่เปิดกว้าง น้องที่จบใหม่และคุณหมอที่จบมานาน สามารถนำกลยุทธศิลปะแห่งการรักษาไปใช้เพื่อไม่ใช่แค่รักษาโรคอย่างเดียว
🔊🔊แต่ผมก็อยากจะบอกว่า
ข้อมูลเรื่องโรคและการรักษา มีการเปลี่ยนแปลงตลอดตามหลักฐานที่เกิดขึ้นใหม่ในแต่ละวัน มีข้อมูลเดิมที่ล้าสมัยหรือพิสูจน์ว่าไม่จริง ก็ควรลดเลิกการรักษานั้น มีข้อมูลใหม่จากหลักฐานอันเป็นที่ประจักษ์ ผ่านการกลั่นกรองจากผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะราชวิทยาลัย ก็ควรนำมาปรับปรุงการรักษาของตัวเองให้สมบูรณ์ขึ้น ตามมาตรฐานแห่งวิชาชีพ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องเปิดใจและเรียนรู้ตลอดชีวิต
พี่ ๆ เพื่อน ๆ มีประสบการณ์และการยอมรับนับถือ อันเป็นอาวุธและเกราะในการรักษาคนไข้ที่วิเศษ เมือนำเอาข้อมูลการรักษาอันทันสมัยและเป็นประโยชน์กับคนไข้มาเพื่อลับคมอาวุธที่มีอยู่แล้วให้เฉียบคมมากขึ้น จะยังรักษาได้ดียิ่งขึ้นตัวผู้ป่วยและโรคที่ผู้ป่วยเป็น
น่าจะพอสรุปว่า
น้องนับถือพี่ พี่ยอมรับฟัง ต่างคนต่างยอมรับและ "ฟัง" ซึ่งกันและกัน ยอมลดทิฐิมานะของตน นอกจากคุณหมอจะมีความสุข คนไข้ก็จะได้รับประโยชน์สูงสุด ดังปณิธาณที่เราตั้งมั่นกันครับ
หวังว่าใบอนุญาตว่าความของผม จะเก็บอยู่ในลิ้นชัก...ตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น