JFK .. the secrets
22 พฤศจิกายน 1963 มีเสียงกระสุนปืนดังขึ้นที่เมืองดัลลัส มลรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เป็นกระสุนปืนที่สั่นสะเทือนโลก และสร้างปริศนาตลอดกาลมาถึงทุกวันนี้ กระสุนที่คร่าชีวิตอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคเนดี้ หรือ JFK ที่เรารู้จักกันดี
JFK เป็นชายหนุ่มที่ฉลาด กล้าได้กล้าเสีย ขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดตั้งแต่อายุ 43 ปี ในยุคสมัยสงครามเย็น เกิดเหตุการณ์หลายอย่างในยุคสมัยของท่าน การอนุมัติโครงการอวกาศ ชีวิตรักกับมาริลีน มอนโร แต่ที่โด่งดังที่สุดคือวิกฤตการณ์คิวบา (Cuban Missile Crisis) ที่เกือบจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม หายนะแห่งระเบิดนิวเคลียร์ เคราะห์ดีที่ศาสตราจารย์เซเวียร์และเหล่าเอ็กซ์เมน ได้มายุติวิกฤตนั้นได้
แต่เรื่องราวของ JFK ไม่ได้มีเพียงความหวือหวาและดุดัน แต่กลับมีความทุกข์ทรมานมากมายตลอดช่วงชีวิตของท่าน
ตั้งแต่วัยเด็ก JFK เป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแรง เข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่สองในกองทัพเรือสหรัฐ แต่ทว่าหลังจากที่เขากลับมา และเริ่มชีวิตทางการเมือง เขากลับมีสุขภาพไม่ดีนัก ล้มป่วยบ่อย หน้ามืด เป็นลม น้ำหนักตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ด้วยตำแหน่งทางการเมืองของเขาทำให้เขามีโอกาสได้ตรวจรักษากับคุณหมอระดับต้นของอเมริกา จากบันทึกหลักฐานทางการแพทย์ (ที่มาเปิดเผยหลังจากท่านเสียชีวิต) พบว่าท่านเป็นโรคขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตที่ชื่อว่า Addison's Disease
ต่อมหมวกไตมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนสามชนิด กลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid) หรือสเตียรอยด์ที่เรารู้จักกันเพิ่อควบคุมการเผาผลาญและทำงานของร่างกาย มิเนอราลโลคอร์ติคอยด์ (mineralocorticoid) ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือ และ ฮอร์โมนเพศ (adrenal sex hormone) ที่มีปริมาณไม่มากนัก หากเทียบกับอัณฑะและรังไข่
การทำงานของต่อมหมวกไตจะถูกควบคุมโดยต่อมใต้สมอง (pituitary gland) อีกลำดับขั้นหนึ่ง โรค Addison's disease เกิดความผิดปกติของต่อมหมวกไตเองที่ทำงานบกพร่อง มักจะเสียหน้าที่ทั้งสามฮอร์โมน และฮอร์โมนควบคุมจากต่อมใต้สมองคือ ACTH จะมีระดับสูงมากเพื่อมากระตุ้นต่อมหมวกไต ที่กระตุ้นเท่าไรก็ทำงานไม่ทันจึงต้องกระตุ้นมาก ๆ นั่นเอง
ส่วนการทำงานของต่อมหมวกไตบกพร่องจากการกินยาสเตียรอยด์นั้น มักจะสูญเสียหน้าที่แค่ กลูโคคอร์ติคอยด์ เท่านั้น
***ที่เราพบมาก คืิอเวลากินยาชุดยาสเตียรอยด์นาน ๆ ***
***ที่เราพบมาก คืิอเวลากินยาชุดยาสเตียรอยด์นาน ๆ ***
อาการจะอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เป็นลม ความดันโลหิตแปรปรวน ต้องการอาหารเค็ม และอาจพบลักษณะสีผิวที่คล้ำลงในบริเวณผิวหนังที่เสียดสีบ่อย เป็นจุดยับย่นหรือเป็นรอย เรียกว่า Hyperpigmentation (Addison's skin) และหากเจาะเลือดตรวจระดับฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตจะต่ำ และ ACTH จะสูง
บันทึกกล่าวไว้ว่า JFK ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ 1947 และได้รับการรักษาโดยการให้ฮอร์โมนทดแทน ในยุคนั้นเพิ่งเริ่มมีการสังเคราะห์ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตเพื่อทำการรักษา ท่าน JFK ได้รับการรักษาโดยการฝังยา desoxycorticosterone acetate ทุกสามเดือน
ขนาดฝังยาเป็นประจำก็ยังมีอาการเป็นลมบ่อย ๆ แม้แต่ตอนทำงานการเมือง เป็นประธานาธิบดีแล้วก็ตาม เคยไปเป็นลมที่ลอนดอน จนหมอที่ลอนดอนบอกว่า "อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน" ... แม่นไหม อย่างกับหมอดูทีเดียว แล้วคุณหมอจะแม่นยำแบบนั้นจริงไหม
เรื่องราวของ สเตียรอยด์, โรคแอดดิสันของ JFK และจริง ๆ แล้วใครฆ่าเจเอฟเค โปรดรอคอยตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น