28 พฤษภาคม 2563

พิษจากโลหะตะกั่วในคนที่มีลูกปืนฝังอยู่ในตัว

ภาพเอ็กซเรย์ปอดของชายคนหนึ่ง มีประวัติถูกยิงที่ทรวงอกขวาเมื่อ 30 ปีก่อน มีกระสุนลูกปรายฝังในทรวงอก ตรวจร่างกายพบทรวงอกขวาขยายน้อยกว่าด้านซ้าย เสียงลมหายใจด้านขวาเบากว่าอย่างชัดเจน ตรวจสอบการกำทอนของเสียงผ่านการสัมผัสทรวงอกและการฟังพบว่าด้อยลงในทรวงอกขวา เคาะทึบ หลอดลมใหญ่ก็เอนมาทางขวา
ภาพเอ็กซเรย์เห็นเงาโลหะที่ปอดด้านขวาบน ปอดขวายุบตัวลง มีพังผืดและช่องลมรอบปอด หลอดลมเอนมาทางพังผืด หลอดลมบิดเบี้ยวไป เป็นลักษณะของแผลเป็นเรื้อรังและดึงรั้งปอดให้ผิดรูปไป
คนไข้มีอาการไอเล็กน้อยเท่านั้น วัดสมรรถภาพปอดพบว่ามี restriction ของการขยายตัวของปอด แต่คนไข้ก็ไม่มีอาการเหนื่อยเวลาทำงานแต่อย่างใด ใช้ชีวิตได้ตามปรกติ
คำถามสองคำถามครับ
1. ปล่อยลูกปืนเอาไว้แบบนี้จะเกิดพิษตะกั่วหรือไม่
2. ถ้าจะเข้าเครื่อง MRI ที่เป็นแม่เหล็กไฟฟ้าจะปลอดภัยไหม
สำหรับข้อแรก
มีรายงานการเกิดพิษจากโลหะตะกั่วในคนที่มีลูกปืนฝังอยู่ในตัว รายงานมีประปรายนะครับ ไม่มากนัก และมีความแปรปรวนสูง ส่วนมากจะรายงานในผู้ที่ผ่านภาวะสงคราม โดนอาวุธสงคราม และใช้เวลานานเป็นสิบปี ลักษณะพิษก็คลาสสิกเป็นตะกั่วตามตำรา ปวดท้อง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินยกขาสูงกระแทกแรง เส้นประสาทไม่รับรู้ สติปัญญาลดลง โลหิตจาง ข้ออักเสบ
แต่จำนวนผู้ป่วยไม่มากนัก เพราะคนที่รอดจากปืนมีไม่มาก คนที่มีกระสุนค้างก็ไม่มาก ปัจจุบันเรามักจะเอาออกหมด แถมอาวุธทุกวันนี้รุนแรงจนยากที่จะรอดหรือมีกระสุนค้าง กระสุนก็มีโลหะผสมอยู่ไม่เท่ากัน ความแปรปรวนข้อมูลจึงสูงมาก
ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่มีกระสุนค้างจะเกิดพิษ แต่ถ้ามีพิษจากตะกั่ว วัดระดับสูง และมีกระสุนอยู่ ก็คือเป็นสาเหตุนั่นแหละ การรักษาให้ผ่าเอากระสุนออก (เท่าที่ทำได้) และให้สารขับตะกั่วคือ
• Edetate Disodium-Calcium-(Ca-EDTA)
• Dimercaprol (BAL)
• Dimercaptosuccinic acid (DMSA)
จนระดับตะกั่วในเลือดลดลง และติดตามว่าอาการทางระบบประสาทจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใด ถ้าปล่อยไว้นานหรือปริมาณตะกั่วสูง การพยากรณ์โรคจะไม่ดีครับ
สำหรับข้อสอง
มีการศึกษาถึงความปลอดภัยในการทำ MRI อันนี้ขอบอกว่าเข้าใจระดับหนึ่งเพราะไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่อง MRI หรือ แม่เหล็กไฟฟ้ามากนัก ก็สรุปว่า เป็นข้อควรระวังอย่างยิ่งในการทำ MRI เพราะทุกรายงานพบมีการเคลื่อนที่ของกระสุนปืน (ทั้งการศึกษานอกตัวคน และรายงานการทำในคนที่จำเป็นต้องทำ) เลื่อนในระดับเซนติเมตรก็มีรายงานนะครับ
อันตรายขึ้นกับ
• คุณสมบัติ ferromagnetic ของกระสุนแต่ละชนิดที่มีสัดส่วนโลหะไม่เท่ากัน
• จำนวนและขนาดของกระสุนปืน
• บริเวณที่กระสุนอยู่ว่าอันตรายเพียงใด จะอันตรายมากหากอยู่ในสมอง ไขสันหลัง หรือชิดหลอดเลือด
• พลังงานของ MRI ที่ใช้ทำ
คิดว่าคงเป็นข้อควรระวังแน่ ๆ ผู้ป่วยควรแจ้งให้ทราบว่ามีกระสุนปืนค้างในตัว และที่ใด ส่วนผู้ให้การทำ MRI จะมีการคัดกรองคำถามเรื่องโลหะในตัวอยู่แล้ว อาจทำเอ็กซเรย์เพื่อตรวจคร่าว ๆ และใช้ประกอบการพิจารณาทำ MRI หากจำเป็นจริง ๆ
"กระสุนปืนฝังแน่นในหัวอก แต่ถ้าตัวจริงรูปไม่ตรงปก แค้นฝังแน่นถึงหัวใจ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น