31 มีนาคม 2563

ศูนย์รับฝากความเสียใจ

"ความเสียใจ มีไว้เพื่อให้เรายิ่งทะนุถนอมปัจจุบัน"
คุณคิดว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากกลับไปขอโทษใคร ใครที่คุณเคยทำผิดหรือเข้าใจผิดกับเขา ใครคนนั้นที่จะไม่มีวันได้เจอกันอีก
เรื่องราวของศูนย์รับฝากความเสียใจ จุดบริการเล็ก ๆ ในสถานีหลักไทเป ประเทศไต้หวัน หากใครเคยไปไต้หวันจะรู้ว่าสถานีไทเปเมนสเตชั่น เป็นสถานีที่กว้างใหญ่มาก ที่มุมหนึ่งมีสถานที่มหัศจรรย์จะปรากฏให้กับผู้ที่ต้องการพบมันเท่านั้น ผู้ที่มีความโศกเศร้ากัดกินหัวใจ
คนที่ถูกสถานีเลือกให้เห็น จะเป็นคนที่มีความเสียใจอย่างมากและต้องการจะส่งจดหมายไปเพื่อขอโทษใครสักคนที่ทำให้เขาเสียใจ ในเงื่อนไขที่คนคนนั้นจะต้องเคยเห็นหน้ากันมาก่อน และไม่มีวันได้พบกันแล้ว ไม่ว่าจะตายจากไปแล้วหรือไม่พบด้วยเหตุใดก็ตาม และอาจจะได้รับจดหมายตอบกลับมาก็ได้ ศูนย์นี้ทำงานทุกวันพุธ ห้าโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มตรง
เรื่องเปิดมาที่เด็กสาวคนหนึ่ง เดินทางโดยรถไฟและบังเอิญมีชายชรามานั่งข้าง ๆ "ประชิดตัว" ก่อนที่ชายชราจะลงจากรถ เขา "ลืม" จดหมายสามฉบับที่จ่าหน้าแปลก ๆ เอาไว้ เด็กสาวคนนั้นพยายามวิ่งตามลงไป แต่ไม่พบชายชรา จึงตั้งใจจะนำไปฝากที่ศูนย์ของหาย แต่ว่ากลับมาเจอศูนย์รับฝากความเสียใจและ ฮ่งเหา เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์โดย "บังเอิญ" เด็กสาวจึงเข้าไปถามด้วยความที่เคยที่เรื่องเล่าลือว่าที่นี่สามารถส่งจดหมายไปในอดีตได้
เจ้าหน้าที่บอกว่าใช่ และที่เล่าลือเป็นเรื่องจริง จดหมายที่ชายชรา "ลืม" เอาไว้ก็จ่าหน้าด้วยกฎเกณฑ์ของศูนย์นี้ แสดงว่าชายชราตั้งใจจะมาที่นี่ และการที่เด็กสาวมาถึงที่นี่ เห็นที่แห่งนี้ ก็ไม่ได้เกิดเพราะความบังเอิญ แสดงว่าเด็กหญิงก็มีเจตนาจะส่งจดหมายเช่นกัน และในขณะที่เด็กหญิงกำลังคุยกับเจ้าหน้าที่
ก็มีผู้หญิงสาวเข้ามาที่ศูนย์แห่งนี้ ต่อมาด้วยหญิงตั้งครรภ์ ทุกคนเข้ามายื่นจดหมายด้วยใบหน้าที่หมองหม่นจากความเศร้าในอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ออกไปพร้อมกับการตอบรับของจดหมาย และความสบายใจที่ได้บอกเล่าหรือขอโทษเหตุการณ์ที่ยังค้างคาในอดีต เพียงแต่ว่า
ทุกคนที่เข้ามาส่งจดหมายและได้รับจดหมายตอบกลับในวันนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างประหลาดกับเหตุการณ์ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 18 ปีก่อน ที่ชายชราคนนั้นได้เข้ามาในศูนย์เพื่อเฉลยปริศนาแห่งความเกี่ยวข้องนั้น รวมไปถึง ฮ่งเหา เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์
เรื่องราวการเขียนที่วางปมเรื่องแบบวงกลม สามารถทบกลับมาเฉลยปมก่อนหน้านี้และโยงความสัมพันธ์ไปกับอีกปมหนึ่ง ผ่านฉากของเวลาในอดีตและปัจจุบันสลับกันอย่างกลมกลืน เรื่องราวไหลไปได้อย่างราบรื่น เหมือนฉากภาพยนตร์ เหมือนอ่านเรื่อง ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ แต่เรื่องราวสั้นและเร็วกว่า แบ่งออกเป็นตอน ๆ ของตัวละครแต่ละคน แต่สุดท้ายจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด กลเม็ดการเขียนไม่น่าเบื่อ ชวนติดตามจนจบในครั้งเดียว
ต่างจากร้านชำนามิยะ ตรงเรื่องนี้จะเริ่มด้วยเหตุการณ์ความเศร้าที่กัดลึกในจิตใจ แบบที่ไม่อาจจะระบายได้ ต้องเก็บงำความเศร้าเป็นหนามแทงใจมานาน แต่เบื้องหลังของความเศร้าหรือความเข้าใจผิดในอดีต มันมีบทอธิบาย บทเฉลย ว่าคนที่เสียใจ คนที่เศร้า ใช้แต่มุมมองตัวเอง หากลองมองเหตุผลของคนอื่นและการกระทำของคนอื่น เราจะเข้าใจคนอื่น และต้องถามตัวเองว่า เมื่อทราบแบบนั้นจะยังโกรธ จะยังไม่เข้าใจเขาอีกไหม และสุดท้ายจะพร้อมขอโทษ เอาความเศร้าที่กัดกินใจมานาน ปล่อยมันออกไปได้ไหม คนเขียนเริ่มด้วย เหตุการณ์แห่งความเศร้า แล้วเริ่มอธิบายว่าเหตุเกิดจากอะไร
แล้วย้อนกลับมาถามคนอ่านว่า หากรู้แบบนั้นจะยังโกรธหรือเสียใจกับเรื่องในอดีตอีกไหม และเวลาที่เรามีเหลือไม่มากในชีวิต เรารักกันมากพอ เราถนอมกันมากพอหรือยัง หรือเราจะปล่อยให้ความไม่เข้าใจและความเศร้า เผาผลาญเวลาที่มีค่าของคนที่เรารัก โดยไม่ปรับความเข้าใจ ....ก่อนที่เขา จะจากไป
อ่านแล้วน้ำตาแตกครับ แม้จะโทนเศร้ากว่านามิยะ แต่อบอุ่นเหมือนกัน สอนให้รู้จักความหมายของชีวิตเป็นอย่างดี
แนะนำอย่างยิ่ง *** the must *** ครับ
ตีหนึ่งสามสิบสี่ วันที่สามสิบเอ็ด มีนาคม ปีหกสาม
ติดหนังสือถึงขั้นสูงสุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น