28 ธันวาคม 2562

Masturbation การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง มันมีโทษจริงหรือ

Masturbation การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง มันมีโทษจริงหรือ ??
เป็นคำถามที่เคยมีการถกเถียงกันมานาน และมีความเชื่อที่เปลี่ยนไปตลอด ประวัติศาสตร์ของการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองมีมาอย่างยาวนาน แต่จะด้วยวิธีใดนั้นผมไม่อาจทราบได้ ลองมาทบทวนเรื่องราวของการช่วยตัวเองกัน
ก่อนอื่นคำอธิบายว่าการสำเร็จความใคร่ ไม่น่าจะตรงกับ masturbation มากนักเพราะ masturbation ไม่จำเป็นต้องสำเร็จ การศึกษาและผู้เชี่ยวชาญหลายคนยืนยันว่าแค่ "มีความรู้สึกดี" ก็เพียงพอไม่จำเป็นต้อง "เสร็จ" เพราะมีการศึกษาว่าแค่รู้สึกดีก็มีผลเกือบเท่าเสร็จเลยทีเดียว ... ส่วนตัวคิดว่าคงไม่เหมือนซะทีเดียว เพราะ "เสร็จ" หรือ orgasm จะมีสารโดปามีนจำนวนมหาศาลออกมาทำให้สมองมีความสุขและติด ถึงกับมีคำเหมือนคำว่า masturbation คือ onanism แต่คำหลังนี้แปลว่าการหลั่งน้ำของผู้ชายนอกสถานที่..คือนอกช่องคลอด ซึ่งหมายถึงการช่วยตัวเอง หรือ การหลั่งภายนอกก็ได้
ในตำนานอียิปต์ เทพ Atum สร้างจักรวาลด้วยการช่วยตัวเอง อืม...เห็นภาพทางช้างเผือกไหมครับ..หรือมีประเพณีที่ฟาโรห์ต้องช่วยตัวเองเพื่อให้น้ำอสุจิไปเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์และสมบูรณ์ของลำน้ำและชีวิต หลายพื้นที่การช่วยตัวเองแสดงถึงความสมบูรณ์ของผู้ชาย คือ ตรูพร้อมแล้วนะคร้าบประมาณนี้ ในขณะที่อีกหลายพื้นที่โดยเฉพาะในแถบแอฟริกาที่การอยู่รอดของทารกไม่ได้ดีมากนัก เขาจะถือว่าการช่วยตัวเองนั้น ...เสียของ
ในบางความเชื่อศาสนาจะถือว่าการช่วยตัวเองถือเป็นการกระทำต้องห้าม ในยุคสมัยล่าอาณานิคมของพระนางเจ้าวิคทอเรียได้ปรามว่าการช่วยตัวเองจะทำให้เสียสติ โดยเฉพาะในยุคมืดของยุโรป ทำให้เรื่องราวเหล่านี้เร้นลับลี้ลับ การศึกษาเรื่องนี้มีไม่มากนัก จนเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 การศึกษาเรื่องจิตวิทยา เรื่องเพศ ได้รับการยอมรับมากขึ้น และได้มีความเชื่อว่าเป็นเรื่องตามธรรมชาติ ไม่ได้มีข้อเสียใด ๆ ทำให้มีการยอมรับและข้อมูลมากขึ้น
สังเกตไหมครับที่ผ่านมา เราเทียบ masturbation กับ onanism คือการปล่อยน้ำอสุจิผิดที่ มันเป็นความเชื่อของชาย จากอิทธิพลในยุคศตวรรษที่ 16-19 ที่ผู้ชายคิดว่าตัวเองครองโลก ข้อมูลออกมาแบบชายทั้งสิ้น สุภาพสตรีก็มีเรื่องราวเช่นกัน
จากการศึกษาในอเมริกาหลายกลุ่มตัวอย่าง หนึ่งในการศึกษาที่สอบถามวัยรุ่น 14-17 ปี ในยุคที่วัยรุ่นกล้าเปิดเผย พบข้อมูลที่ว่าหญิง 48.1% เคยช่วยตัวเองอย่างน้อยหนึ่งครั้งในรอบสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และข้อมูลนี้จะยิ่งมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ เทียบกับชายคือ 78.8% และผู้หญิงจะมีความถี่การช่วยตัวเองน้อยกว่าชาย โดยเฉลี่ยจากการศึกษาในชายจะอยู่ที่สัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง มีเพียง 5% ที่ทำทุกวัน (โอ้..มายก็อด) ส่วนในยุโรปข้อมูลตัวเลขจะสูงกว่าอเมริกาเล็กน้อยทั้งชายและหญิง เรียกว่าสาว ๆ ยุคใหม่ก็ใช้ประโยชน์จาก masterbation เช่นกัน
สำหรับข้อมูลการสำรวจที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งคือ แม้ว่าจะเป็นคนที่มีคู่นอน จะเพศเดียวกันหรือต่างเพศ หรือแต่งงานแล้ว หรือหย่าร้าง ก็ยังมีสถิติการช่วยตัวเองเฉลี่ยที่ประมาณ 40% ของคนที่มี "คนช่วย" นั่นคือการช่วยตัวเองอาจจะตอบสนองความต้องการบางอย่างที่สำคัญไปกว่า orgasm หรือจากคู่ของตัว ช่วยลดความตึงเครียดในคู่และเสริมสร้างความคิดทางบวกในชีวิตคู่ได้ ที่ไม่ใช่แค่เพศสัมพันธ์อย่างเดียว
แล้วความสำคัญหรือประโยชน์ของ masturbation มีอะไรบ้าง อ่านจากข้อเขียนของผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาที่ลงในวารสารต่าง ๆ มารวบรวมสรุปได้ดังนี้
1. ข้อนี้ตรงกันในหลายที่หลายบทความ คือ ช่วยปลดปล่อยแรงกดดันทางเพศ ไม่ว่าจะไม่ "เสร็จ" หรือไม่ "สุข" จากคู่ของตน หรือความต้องการอันล้นเหลือเมื่อไม่มีใคร เป็นการตอบสนองความต้องการทางอารมณ์และความรู้สึกผ่านสารโดปามีนในตัว
2. ช่วยให้ชีวิตคู่ดีขึ้น จะอธิบายต่อเนื่องจากข้อแรก เมื่อความคาดหวังและแรงกดดันลดลง มีสุขภาพเพศที่ดี จะเข้าใจคู่ของตัวได้ดี เพิ่มแรงขับดันและความต้องการทางเพศต่อคู่ของตัวเองมากขึ้น ความคิดที่ว่า พอช่วยตัวเองแล้วจะทำให้สนใจคู่ของตัวน้อยลงนั้น ปัจจุบันได้รับการยอมรับแล้วว่าไม่จริง แถมยังส่งผลให้การร่วมรักในชีวิตคู่มีสีสัน ปลดปล่อยจินตนาการเต็มที่ได้
3. สุขภาพระบบสืบพันธุ์ดีขึ้น เพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อเชิงกราน ชายจะยืนนาน หญิงจะรัดรึง เพิ่มความสามารถในการมีบุตรจากการปรับสภาพช่องคลอดของสตรี การขับเยื่อเมือกต่าง ๆ ส่วนในชายนั้น การล้างท่อมีข้อมูลว่าลดการเกิดมะเร็งลูกหมาก และสามารถใช้การช่วยตัวเองบางวิธีจำกัดนกกระจอกที่ไม่เคยกินน้ำ ให้กลายเป็นพญาแร้งที่ทนทานได้ ความเชื่อที่ว่าทำบ่อย ๆ แล้วอวัยวะนั้นจะชินชาไม่รู้สึก เสื่อมลง เล็กลง หรือใหญ่ขึ้น ไม่เป็นความจริง
4. เติมเต็มความสุขทางจิตวิทยา ความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยเฉพาะคนที่คิดว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเป็นอุปสรรค เติมเต็มจินตนาการและคลายความเครียด ทำให้มีจินตนาการที่ดีผ่านสารสื่อประสาทในสมอง นอกเหนือจากนี้เชื่อว่าช่วยให้นอนหลับได้ดีและหลับสนิท หากได้ช่วยตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อ "เสร็จ" (อาจให้คนอื่นช่วยก็ได้)
5. ไม่ตั้งครรภ์ ส่วนกรณีไม่ติดโรคจะมีข้อยกเว้นเรื่องความสะอาดของอุปกรณ์ "ของเล่น" ต่าง ๆ ด้วย และอย่าใช้ของเล่นร่วมกัน สั่นใครก็สั่นมัน อันตรายจากการช่วยตัวเองพบน้อยมาก หากไม่พิสดารจนเกินไป
6. ช่วยลดการปวดประจำเดือนในสตรี อันนี้เป็นเพียงแค่การสอบถามและข้อมูล ยังไม่มีหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน
ผลเสียของการช่วยตัวเอง มีเพียงหากหมกหมุ่นจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น ก็จะเสียงานหรือหมดเวลาทำกิจกรรมอื่น หรือถ้าพิสดารมากอาจอันตรายได้ เช่นพิสดารใช้เชือกรัดตัวรัดคอ พิสดารเอาเจ้าหนูไปใส่บางอย่างแล้วดึงไม่ออก ใส่วัตถุแปลกปลอมสุดขั้วเข้าไปช่องจอดรถร้อนถึงโรงพยาบาลต้องเอาออกให้
หยุดยาวนี้ ถ้าไม่มีอะไรทำล่ะก็..........
อ่านหนังสือได้นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น