15 ธันวาคม 2562

เดินทางทางรถไฟ

บันทึกการเดินทาง เรื่องเล่าสบาย ๆ วันอาทิตย์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีโอกาสไปทำธุระที่กรุงเทพมหานคร พวกท่านคงทราบดีว่าผมเป็นภูมิแพ้กทม. หรือพูดง่าย ๆ ว่า บ้านนอกเข้ากรุง คือ หลง ไม่ชิน นั่นเอง แต่คราวนี้จะลองสิ่งใหม่ ๆ ดูบ้างและมาเล่าให้ท่านฟัง ..เดินทางทางรถไฟ
จากที่ใดก็ตามในกทม. สามารถมาถึงสถานีรถไฟกรุงเทพได้อย่างง่ายดาย ด้วยรถ MRT ที่มาโผล่หน้าสถานีเลย ความรู้ที่มีอยู่บ้างสองข้อ อย่างแรก สถานีรถไฟกรุงเทพ ไม่ใช่สถานีรถไฟหัวลำโพง มันใกล้กันเท่านั้น ปัจจุบันไม่มีสถานีหัวลำโพงแล้วเหลือแต่สถานีกรุงเทพ อย่างที่สอง สถานีกรุงเทพ ไม่ต้องใส่ไปยาลน้อย แค่สถานีกรุงเทพ ..จบ
ภายในสถานีค่อนข้างทรุดโทรม ป้ายบอกทางมีพอสมควร แต่ไม่ใหญ่ไม่สะดุดตา โถงใหญ่ของสถานีที่ออกแบบมาตั้งแต่รัชกาลที่ห้า ตั้งตระหง่านยิ่งใหญ่ แต่ดูโทรมลงมาก จุดจำหน่ายบัตรโดยสารมีหลายช่อง และดังที่เราเข้าใจ เปิดทำการไม่กี่ช่อง ท่านสามารถมาซื้อตั๋วเดินทาง และล่วงหน้าได้ที่นี่ ความจริงแล้วผมมาซื้อตั๋วล่วงหน้าเอาไว้ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่ก็บริการดี สามารถติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ระบบการจองเป็นคอมพิวเตอร์ออนไลน์หมด ใช้บัตรประจำตัวประชานมายืนยันการซื้อ ก็เป็นมาตรฐานดีครับ (ตอนไปขึ้นรถไฟที่ต่างประเทศบางประเทศไม่ดูพาสปอร์ตเลย)
มีศูนย์อาหารราคาไม่แพง เป็นอาหารง่าย ๆ มีร้านกาแฟอเมซอน แบล็กแคนยอน ดังกิ้นโดนัท ซูเปอร์มาร์เก็ตเล็ก ๆ คอยบริการ ผมเข้าใจว่าอนาคตคงจะย้ายไปที่สถานีกลางบางซื่อ ทำให้ตรงนี้ไม่ได้ปรับปรุงให้ทันสมัย รองรับผู้คนหลากหลาย ให้สมดังเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟของไทย (บาริสต้าเป็นชายหนุ่ม ..เสียดายชะมัด)
ห้องน้ำห้องท่าชำรุดทรุดโทรม มองโดยรวมแค่พอใช้ได้ มีบริการห้องอาบน้ำ ค่าบริการไม่แพง ตรงนี้ถือว่าเป็นสวัสดิการ เพราะผู้ใช้บริการส่วนมากเป็นผู้รายได้น้อย หากดูราคาตั๋วชั้นสาม ถือว่าถูกมากสำหรับการเดินทางไกล ๆ และปลอดภัย
ผู้คนที่มาหอบหิ้วสิ่งของมากมาย มีทั้งมาเป็นครอบครัว นั่งรอนอนรอเวลาขึ้นรถในโถงใหญ่และชานชาลา มีทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพรอขึ้นรถ ไม่ได้วุ่นวายจอแจ เรียบร้อย น่าแปลกว่าผมไม่ค่อยเห็นคนก้มหน้าดูมือถือมากนัก ส่วนมากก็นั่งคุยกัน กินอาหาร หรือดูข่าวจากทีวีจอยักษ์ที่ติดตั้งไว้ ทุกคนรอเวลาขึ้นรถเหมือนกัน
ผมมองหาชานชาลา 9 3/4 ไม่ใช่ละ.. ไปขึ้นรถที่ชานชาลา 10 เป็นชานชาลาส่วนขยายออกนอกอาคาร เดินออกไปที่ชานชาลา สิ่งที่เห็นคือผู้คนมากมายรอรถ นั่งบนพื้น ยืน และนอน เก้าอี้มีไม่พอ ที่ชานชาลาไม่มีร้านค้าใด ๆ มีแต่แม่ค้าหิ้วถุงน้ำและอาหารมาขายเป็นระยะ แปลกดี ห้ามนำอาหารและสิ่งของมาขาย แต่เดินหิ้วเข้ามาแบบนี้ได้ด้วย
รถไฟมาจอดตรงเวลา เสียงและรูปร่างของมัน แม้จะไม่ใช่รถจักรไอน้ำหรือรถไฟสุดหรู แต่ยังรู้สึกได้ถึงพลังของมัน ตู้โดยสารที่ผมนั่ง เป็นรถนั่งปรับอากาศดีเซลรางชั้นสอง เบาะนั่งสะอาดสบาย ภายในสะอาดพอควร นั่งรอไม่นานรถก็ออกตรงเวลา นายตรวจมาตรวจบัตรโดยสารหน้าตายิ้มแย้มดี ให้บริการชาวต่างประเทศและคนสูงวัยดีมาก รถชั้นนี้จะไม่มีของมาขาย ไม่มีคนยืน ไม่พลุกพล่าน ..แต่มีพนักงานดูแลประจำตู้ที่คุณสามารถซื้อของ สั่งอาหาร สั่งน้ำได้ อืม...หรือนี่คือเหตุที่ไม่มีตู้เสบียง แต่ไม่เป็นไร ผมนั่งช่วงสั้น แซนด์วิช นมกล่องและน้ำเปล่าก็พอ
ผู้โดยสารมีชาวต่างชาติเยอะทีเดียว คนนั่งเรียบร้อย มีคนกดมือถือประมาณ 60% ที่เหลือคุยกันหรือนอน ตู้ที่ผมนั่ง นอกจากมนุษย์ลุงคนนี้ที่อ่าน "the testament" ยังมีหญิงสาวชาวเอเชียอีกคน อ่านหนังสือเช่นกัน ..เอ๊ะ รู้ได้ไง ก็เพราะเดินไปเข้าห้องน้ำสิครับ ผมเป็นพวกท่อสั้น
ห้องน้ำในรถทรุดโทรมมาก กลอนไม่ดี อ้อ..เราควรใช้ตอนรถวิ่งนะครับ เพราะสิ่งที่เราถ่ายออกมามันดิ่งตรงลงใต้ท้องรถ ความสะอาดพอประมาณ ผมแนะนำพกทิชชู่แห้ง ทิชชู่เปียก แอลกอฮอล์เจล หรือสบู่เหลวเอาไว้ใช้ด้วย แต่มันก็โอเค พอใช้ได้
รถวิ่งไปเรื่อย ๆ ผมอ่านหนังสือสลับกับดูทิวทัศน์ข้างทาง นานมาแล้วที่ไม่ได้ปล่อยใจปล่อยอารมณ์แบบนี้ ชีวิตที่เร่งรีบ วุ่นวาย มันกัดกร่อนความสำราญ สุนทรียะ ความสงบในใจไปหมดสิ้น เหมือนเราได้พักกาย พักใจ ปล่อยตัว ปล่อยอารมณ์
ไม่ปล่อยใจ เพราะใจ ปล่อยบ่อยแล้ว และไม่ค่อยได้กลับคืนมา
แม้รถไฟจะล่าช้าบ้าง ต้องปรับปรุงหลายอย่าง แต่ยังเป็นอีกหนึ่งเส้นทาง หนึ่งการเดินทางคลาสสิก ที่คุณ..ควรลองสักครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น