27 พฤศจิกายน 2562

ระดับของสีผิว Fitzpatrick's scale

ระดับของสีผิว Fitzpatrick's scale
ความหลากหลายทางชีวภาพโดยเฉพาะเชื้อชาติ ทำให้คนเรามีสีผิวที่แตกต่างกัน ประเด็นสำคัญคือเรื่องเม็ดสี เซลล์สร้างเม็ดสี ที่แปรผันตามเชื้อชาตินี่เอง เราอาจจะเคยได้ยินการแยกสีผิวแบบมองโกลอยด์ สีออกเหลือง ๆ นิกรอยด์ สีออกน้ำตาลเข้ม และคอเคซอยด์ สีขาวซีด
แต่ในทางการแพทย์เรามีวิธีวัดสีผิวอีกแบบ
1. Fitzpatrick Skin Phototype : คิดค้นโดยนายแพทย์ Thimas B. Fitzpatrick ในปี 1975 คุณหมอฟิตซ์แพทริก เป็นคุณหมอด้านโรคผิวหนังที่ฮาร์เวิร์ด ถือเป็นบิดาแห่งโรคผิวหนังยุคใหม่เลย ตำรา Fitzpatrick's Dermatology ถือเป็นตำราโรคผิวหนังมาตรฐานสากลเล่มหนึ่ง คุณหมอมีความสนใจเรื่องเนื้องอกของเซลล์เม็ดสี หรือ melanoma ได้สร้างระบบการวัดผิวแบบนี้ขึ้น
โดยเจตนาแรกเริ่มต้องการแยกลักษณะผิวที่ตอบสนองต่อแสงอัลตร้าไวโอเลตในแบบต่าง ๆ ออกมาได้หกลักษณะ type I-VI ใข้เกณฑ์ว่าเมื่อถูกแสงยูวีแล้ว ผิวจะไหม้ได้ง่ายเพียงใด และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (tanning) ได้ง่ายเพียงใด ผิวขาวจะไหม้ง่ายและเปลี่ยนสีง่าย ผิวสีน้ำตาลเข้มจะไหม้ยากและเปลี่ยนสียากสุด
แต่การแบ่งแยกสีแบบนี้ได้กลายมาเป็นภาษาสากลในการแบ่งสีผิวเวลาพูดถึงระดับสีผิวทางการแพทย์ แต่ว่าส่วนมากใช้ในงานวิจัย
2. Von Luschan's chromatic scale : โดยนายแพทย์ Felix von Luschan นายแพทย์และนักมานุษยวิทยาชาวออสเตรีย คิดค้นระบบการวัดนี้ในปี 1911 คุณหมอเป็นพหูสูต มีความรู้หลายด้าน แต่ด้านที่คุณหมอสนใจมากคืองานด้านมานุษยวิทยา โดยเฉพาะเรื่องที่มาและชาติกำเนิดของมนุษย์
คุณหมอใช้กระจกฝ้ามาเทียบสีผิวของมนุษย์จากภูมิภาคต่าง ๆ ในโลก ออกมาเป็นแบบสีตั้งแต่สีขาวจนถึงน้ำตาลเข้มสุด เป็นระดับคะแนน 1-36 ระดับ ถือว่าเป็นระบบวัดค่าสีผิวที่ออกแบบมาเพื่อวัดสีที่แท้จริง แต่ตอนนั้นทำในแง่แบ่งแยกชาติกำเนิดเท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงกับเม็ดสี ไม่ได้มีการอ้างอิงจากการศึกษาระบบตจวิทยา
ระบบคะแนนนี้สามารถนำมาเปรียบเทียบกับระบบ Fitzpatrick ได้ด้วย
3. the Taylor Hyperpigmentation scale : สร้างโดย hyperpigmentation scale study group ที่รพ.เซนต์ลุกซ์ -รูสเวลท์ นิวยอร์ก อเมริกา จัดทำเพื่อใช้เปรียบเทียบระดับสีผิวหนังเวลาทำการรักษา โดยเจตนาเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงการรักษาโรคสีผิวเข้มกว่าปรกติ (hyperpigmentation) ระดับคะแนนเป็นแถบสีที่ใช้วัด มีสิบระดับคะแนนและ 15 ระดับความเข้ม แถบอันเดียวใช้เทียบ ทำให้เทียบง่ายและเป็นมาตรฐาน
ส่วนการวัดระดับความเข้มโดยใช้คลื่นแสงสะท้อนและหักเหที่เรียกว่า skin melanin index นั่นจะเป็นการวัดเชิงปริมาณใช้ในการศึกษาวิจัยมากกว่าชีวิตจริง เช่นงานวิจัยเรื่องการรักษาฝ้า งานวิจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสีผิวหลังรักษาโรคระบบฮอร์โมน
ในชีวิตจริง สีผิวใช่เรื่องสำคัญ คนจะดีหรือไม่นั้น ดูกันที่จิตใจ
เครดิตภาพ : pinterest.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น