25 กรกฎาคม 2562

Pre Exposure Prophylaxis หรือ PrEP แบบฝัง

ข่าวน่ารู้
ตอนนี้กำลังมีงานประชุม international AIDS society แน่นอนว่าจะมีข่าวสารออกมาใหม่ ๆ ให้เราว้าว นี่คือหนึ่งในข่าวสารนั้น
การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีโดยการให้ยาในกลุ่มเสี่ยง (Pre Exposure Prophylaxis หรือ PrEP) นับว่าเป็นวิธีการที่ทรงประสิทธิภาพมากเมื่อให้ร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเช่น อาชีพทางเพศ กลุ่มชายรักชาย คู่นอนหลายคน วิธีที่นิยมที่สุดคือการกินยา tenofovir ไม่ว่าจะกินตลอดเวลาหรือกินก่อนมีเพศสัมพันธ์ (อันนี้คือต้องวางแผน) ผลจะดีมาก..ถ้ากินยา อีกวิธีคือการใช้อุปกรณ์ฝังยา เช่นฝังอุปกรณ์เคลือบยาในช่องคลอด
ปัญหาสำคัญคืออัตราการใช้ต่อเนื่อง น้อยมาก ไม่สะดวก รำคาญ แม้แต่ในการศึกษาเอง การกินยาต่อเนื่องสูงสุดอยู่ที่ 40-50% เท่านั้น ทำให้วิธีนี้ยังไม่ดีนัก แต่ถ้านับเฉพาะคนที่กินยาหรือใช้อุปกรณ์เคร่งครัด อันนี้ดีจริง
นักวิจัยจาก Merck จึงได้คิดค้น ยาต้านไวรัสแบบฝัง ..คล้ายการฝังยาคุมกำเนิดเลย เป็นหลอดเล็ก ๆ เท่าไส้ปากกาลูกลื่น ยาวเท่าก้านไม้ขีด ฝังไว้ที่ต้นแขน ยาจะค่อย ๆ ปล่อยออกมาอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา เอ๊ะ..น่าจะดี
การศึกษาที่เป็นระยะแรก ทำในอาสาสมัคร 16 คน แบ่งเป็นกลุ่มฝังยา islatravir หลอด 52 หรือ 64 มิลลิกรัม กับอีกกลุ่มฝังยาหลอก แล้วติดตามระดับยา..ย้ำติดตามระดับยา ไม่ใช่อัตราการติดเชื้อ เมื่อฝังยาและเมื่อฝังยาครบ 12 สัปดาห์แล้วเอายาออก ยังวัดระดับต่อไปอีก 4 สัปดาห์
ผลออกมาว่า ไม่ว่าจะหลอดยาขนาดใด วัดเมื่อไร หรือวัดที่สัปดาห์ที่ 16 คือ 4 สัปดาห์หลังถอดออก ระดับยาในเลือดยังสูงกว่าระดับที่คาดว่าจะปกป้องการติดเชื้อได้ดี
ว้าวไหม..กำลังทำโปรเจ็กต์ต่อว่า ออกแบบหลอดที่ออกฤทธิ์ 1 ปีจะเป็นอย่างไร และสุดท้ายต้องไปวัดที่ประสิทธิภาพการป้องกันโรคจริง ว่าติดเชื้อมากน้อยเพียงใด
หลาย ๆ ท่านคิดว่า ทำไมจะต้องยุ่งยากด้วย ก็แค่มีผัวเดียวเมียเดียว หรือสวมถุงยางทุกครั้งมันก็โอเค มันก็ไม่ใช่อย่างนั้น ในความเป็นจริงมีความหลากหลายของพฤติกรรม มีความลำบากในการเข้าถึงถุงยาง มีการเผอเรอ ความเสี่ยงอื่น ๆ สารพัด ถ้าเราอุดช่องโหว่ได้ เราจะได้ไม่ต้องมารับมือโรคในระยะท้าย ถือว่าป้องกันดีกว่ารักษา และไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก เพราะไม่ว่าวิธีเลี่ยงบาลีแบบใดก็ยังเสี่ยง ถ้าไม่ป้องกัน
การรักษาตัว มีเพศสัมพันธ์ปลอดภัย สวมถุงยางอนามัย #อย่าพาตัวไปหาความเสี่ยง ยังสำคัญกว่า พาตัวเข้าสู่ความเสี่ยงแล้วป้องกัน
"ไม่เข้าสู่สงครามดีกว่า แต่ถ้าจะเข้าสงครามเพราะเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องมีเกราะมีโล่ อย่าเข้าไปตัวเปล่าเล่าเปลือย แม้ชนะแต่ก็บอบช้ำ"
คิดได้ไงฟระ หล่อมาก
อ่านมาจากที่นี่
https://www.medscape.com/viewarticle/915997…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น