07 กรกฎาคม 2562

Eva Mozes Kor

ข่าวการเสียชีวิตของ Eva Mozes Kor ไอคอนในโลกประวัติศาสตร์ ผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกันเอ๊าชวิตช์ ในวัย 85 ปี มันมีความสำคัญอย่างไร และเป็นคำอธิบายว่าทำไมผมจึงสนใจประวัติศาสตร์สงคราม
Eva Mozes Kor และพี่สาวฝาแฝด Mirium ถูกจับส่งไปยังค่ายกักกันเอ๊าชวิตช์ตั้งแต่เธออายุ 10 ปี วินาทีที่เธอลงจากตู้รถไฟและเข้าแถวแห่งความตายเพื่อแยกคนที่จะทำงานได้ไปทำงานและคนที่นาซีมองว่าทำงานไม่ได้ส่งห้องรมแก๊ส เป็นวินาทีสุดท้ายที่เธอได้พบพ่อแม่
โจเซฟ แมงเกเล่ นายแพทย์จากขุมนรกแห่งเอ๊าชวิตช์มีความสนใจเรื่องฝาแฝดมากและกระทำการทดลองเหี้ยมโหดกับฝาแฝดหลายคู่ พี่น้องคู่นี้ก็ไม่เว้นทั้ง ๆ ที่เธออายุเพียง 10 ปี โชคดีที่เธออยู่ในค่ายนี้เพียง 10 เดือน กองทัพนาซีต้องถอยร่น ค่ายกักกันถูกปิดและขนย้ายนักโทษ แต่เธอกับฝาแฝดเลือกจะอยู่ต่อในค่าย ในวันที่ทหารโซเวียตมาปลดปล่อยค่าย มีหลักฐานภาพถ่ายของเธอในวัยเยาว์ใส่ชุดลายทางของนักโทษปรากฏชัดเจน
เธอเป็นหนึ่งในพยานการพิจารณาคดีอาชญากรรมสงคราม หลังจากนั้นเธอย้ายไปอยู่ที่อิสราเอล และต่อมาแต่งงานแล้วย้ายมาที่สหรัฐอเมริกาถาวร เธอร่วมก่อตั้ง องค์กร CANDLES (Children of Auschwitz Nazi Deadly Lab Experiments Survivors) เพื่อประสานผู้รอดชีวิต เพื่อ..ให้อภัยกับผู้ที่เคยทำร้ายพวกเขาเมื่อเจ็ดสิบปีก่อน เธอมาที่เอ๊าชวิตช์ประจำเพื่อสืบสานเรื่องราวความรันทดและเหี้ยมโหดในสมัยสงคราม
การศึกษาเรื่องราวของสงครามและความร้ายกาจของมนุษย์ด้วยกันเอง ทำให้ผมได้เห็นจุดตกต่ำที่สุดที่มนุษย์มองมนุษย์ด้วยกัน จากวันที่เคยเป็นมิตรสหาย เคยเป็นเพื่อนร่วมโลก เพียงแค่อุดมการณ์ที่แตกต่าง ความยึดมั่นถือมั่นกับอุดมการณ์และตกเป็นเหยื่อการชวนเชื่อ ทำให้คนเราโหดร้ายกับมนุษย์ด้วยกัน
มีการสังหารอย่างไม่รู้สึกผิด มีการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ มีการใช้งานเยี่ยงทาส ทั้งหมดนี้ทำเพื่อดับสิ่งที่ผลักดันมนุษย์ให้ทำสิ่งที่ดีสิ่งหนึ่ง คือ ความหวัง
นักโทษเหล่านี้มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อหายใจไปวันวัน ไร้สิ่งความหวัง ไร้ซึ่งพลังแห่งการคิดการสร้างสรรค์ ถูกทำให้ตัวเองถูกลดค่าเป็นตุ๊กตาไขลานราคาถูก เพื่อหมดลานและไขลานไม่ได้ก็กำจัดทิ้ง โดยที่เขาเหล่านี้ไม่ได้มีความผิดใด ๆ
ชีวิตถูกใช้เป็นเครื่องเล่น วัตถุทดลอง ทั้งที่เขาคนนั้นเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูกของใครสักคน แต่สงครามและค่ายกักกันทำให้พวกเขาตกต่ำ หมดค่าความเป็นคน
แต่ว่าคนที่หมดค่าความเป็นคนมากที่สุดคือ ผู้ก่อสงคราม ผู้ทำทารุณโหดเหี้ยม กับมนุษย์ด้วยกัน คนพวกนี้ไม่ว่าจะถูกหล่อหลอมหรือชวนเชื่อด้วยสิ่งใด แต่เขาก็ไม่สามารถละทิ้งความเป็นมนุษย์ได้หากเขา..ไม่เต็มใจ
การศึกษาประวัติศาสตร์สงครามในด้านเหยื่อสงคราม ทำให้ผมได้เห็นถึงจุดต่ำสุดก้นบึ้งของคน จากจุดนั้นมองขึ้นมาทำให้เรามองทุกชีวิตมีคุณค่า ทุกคนมีความหมาย ทุกคนเป็นมนุษย์ เป็นเพื่อนร่วมโลก ที่สุดท้ายเราก็จะจากโลกนี้ไปเหมือนกัน ระยะเวลา 70-80 ปีเท่า ๆ กัน เราจะประหัตประหารให้คนหมดค่าความเป็นคนเพื่อเหตุใด และทุกครั้งที่เราทำให้ใครบางคนหมดค่า
..
..
..
ตัวเราเองนี่แหละ ที่ตกต่ำและหมดค่าไปมากกว่า "เหยื่อ" ในความคิดของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น