19 เมษายน 2562

ข่าวเรื่อง อย. อนุมัติชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง

ข่าวเรื่อง อย. อนุมัติชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง
แยกออกเป็นสามส่วน ข้อเท็จจริง วัตถุประสงค์ และข้อคิดเห็นส่วนตัว
ข้อเท็จจริงก่อน
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไอวี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/…/P…/2562/E/089/T_0016.PDF
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง พ.ศ. ๒๕๖๒
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/…/P…/2562/E/089/T_0017.PDF
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 เมษายน 2562 ทั้งสองฉบับที่ออกมา (ท่านไปค้นหาได้ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เอกสารเปิดเผย) ระบุความสำคัญคือ กำหนดว่าใครเป็นผู้จำหน่าย ผู้ควบคุม โดยจะต้องมีกรรมวิธีการสอนการตรวจ วิธีที่แม่นยำ แนะนำได้ถูกว่าผลบวกจะทำอะไร ผลลบจะทำอะไร โอกาสผลบวกปลอมลบปลอม และระยะเวลาที่จะตรวจไม่เจอเชื้อ ส่วนอีกฉบับจะระบุผลิตภัณฑ์ที่จะมาวางจำหน่ายต้องมีการควบคุมอย่างไร มีเกณฑ์อะไร ทั้งการตรวจด้วยเลือดหรือสารคัดหลั่งในปาก ทั้งการตรวจแอนติบอดีอย่างเดียว หรือการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดีร่วมด้วย
สรุปว่าเป็นการกำหนดให้กับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายว่าต้องมีมาตรฐานอย่างไร จะตรวจและแนะนำผู้ซื้อไปตรวจอย่างไร โดยกำหนดความไวในการวินิจฉัยไม่น้อยกว่า 99.5% และความจำเพาะในการวินิจฉัยไม่ต่ำกว่า 99% เรียกว่าไวมากและจำเพาะมาก ถ้าตรวจถูกวิธีและถูกเวลา ถ้าผลเป็นลบความน่าเชื่อถือสูงมาก แต่ถ้าเป็นบวกให้ไปตรวจยืนยันกับสถานพยาบาลอีกครั้ง (เขาใช้คนละวิธีกับแบบนี้)
วัตถุประสงค์
เพื่อเพิ่มโอกาสประชาชนได้รู้สถานะการติดเชื้อเอชไอวีของตัวเอง ยิ่งกับคนที่มีความเสี่ยงเช่นมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ป้องกัน อาชีพเสี่ยงเข็มทิ่มตำ เพราะเขาเหล่านี้อาจติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการ หากรอให้มีอาการการรักษาจะไม่ดีเท่ารักษาแต่เริ่ม และที่สำคัญเมื่อไม่รู้ว่าเป็น ไม่มีอาการ ก็อาจจะแพร่เชื้อโรคต่อไปได้อีก
การได้รับรู้สถานะการติดเชื้อของตัวเอง จะลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อ และเพิ่มโอกาสการเข้ารับการรักษา อัตราการเสียชีวิตและคุณภาพชีวิตจะดีกว่า
ในปัจจุบันเราสามารถรักษาการติดเชื้อ HIV ได้ตั้งแต่ทราบว่าเป็นโดยไม่ต้องขึ้นกับผลค่า CD4 ที่บ่งบอกระดับภูมิคุ้นกัน ในอดีตเราจะรักษาเมื่อ CD4 ต่ำ แต่ปัจจุบันพบว่ารักษาเร็วกว่าดีกว่าทั้งตัวคนรักษาและคนใกล้ชิดที่มีโอกาสติดเชื้อ ผลแทรกซ้อนน้อยกว่า ที่สำคัญยาราคาไม่แพงและสามารถใช้สิทธิการรักษาใดก็ได้เพื่อเข้าถึงยา เข้าถึงการตรวจการรักษาได้หมดทุกสิทธิ์
ภาครัฐพร้อมจะรักษาและควบคุม ขอแค่ทราบและเดินเข้ามาเท่านั้น ได้เริ่มรักษาเร็ว ลดการเกิดผลแทรกซ้อน ลดอัตราการเสียชีวิต เพิ่มทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของชาติ (ระบบรักษาต้องดีด้วย)
ความเห็นส่วนตัว
ข้อดีคือสามารถค้นหาคนที่ติดเชื้อแต่ยังไม่มีอาการและไม่รู้ว่าติดเชื้อ เข้าสู่ระบบการรักษาเพื่อรักษาตัวเขา ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ตามนโยบาย 90-90-90 ขององค์การอนามัยโลก สามารถตรวจได้ง่าย ราคาไม่แพง มีมาตรฐานสูง ความไวความจำเพาะดีมาก
ข้อเสียคือ ต้องเน้นย้ำวิธีการตรวจ ระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะตรวจ เพราะหากเกิดผลลบปลอมคือเป็นโรคแต่ตรวจไม่พบ อันนี้จะอันตรายมาก และประการต่อมาคือต้องมีกระบวนการแนะนำก่อนตรวจว่าไม่ตรวจพบจะทำอย่างไร ป้องกันความเสี่ยงต่อไปอย่างไร หรือถ้าตรวจพบจะต้องยืนยันแบบไหน จะเข้ารับการรักษาได้ที่ใด มีการปรึกษาอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ปล่อยให้ซื้อไปตรวจตามยถากรรม เกิดผลบวกขึ้นมาไม่รู้ทำอย่างไร ไปรักษาผิดทางหรือเครียดจัดฆ่าตัวตายจะเกิดอันตราย
สุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ หากผลตรวจเป็นลบ ก็ไม่ได้หมายถึงเราจะไม่ป้องกันนะครับ สถานการณ์เช่น หนุ่มสาวพบกันถูกใจกัน พากันไปซื้อมาตรวจ เมื่อพบว่าไม่เป็นทั้งคู่ **ไม่ได้หมายถึงจะไม่สวมถุงยางนะครับ** ห้ามโจมตีใส่กันโดยไม่ปกป้องเด็ดขาด อย่าลืมโรคติดต่อเพศสัมพันธ์อื่นด้วยเสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น