06 มกราคม 2562

เป้าหมายใหม่ การทำเพจ

บ่นวันอาทิตย์
เมื่อวานนี้ขณะที่ผมกำลังนอนในเปลที่เถียงนา ฟังรายการพ็อดแคสต์ที่ชอบไปเรื่อย ๆ ทุ่งนาที่นี่สัญญาณชัดมาก เปลญวนใบโต ลมหนาวพัดมาตลอด อ่านหนังสือสามเล่ม ทำ social detox และคิดเรื่องนี้อยู่ เชื่อไหมว่ากลับมาที่บ้าน แอพในคอมก็เตือนว่ามีคนกล่าวถึง แอดมินเพจ เคมี ฯ ได้แท็กแจ้งข่าวว่าเพจของเราทั้งคู่ได้รับเลือกจาก line today ของไทยรัฐว่าเป็นเพจที่ควรติดตาม
ขอบคุณทางไทยรัฐมากครับ ที่เห็นความสำคัญ มันตรงกับสิ่งที่ผมคิดมาสักพัก
เหตุการณ์นี้เริ่มมาประมาณครึ่งปีก่อน ผมเริ่มฟัง podcast มากขึ้นโดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย และ podcast ที่ฟังเป็นของเครือข่าย the standard podcast ทั้งรายการ คำนี้ดี, r u ok, money case by money coach, the readery podcast แต่ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนเลยคือรายการ secret sauce ของบก. เดอะสแตนดาร์ด คุณ เคน นครินทร์ นวกิจไพบูลย์ ที่รวบรวมเรื่องราวเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์และธุรกิจต่าง ๆ จากบุคคลระดับหัวกะทิของประเทศและของโลก
ตั้งแต่นั้นผมเริ่มเปลี่ยนแนวคิดการทำเพจตัวเอง ....
จากเดิมที่ผมเคยตั้งเป้า อธิบายความรู้การแพทย์ง่าย ๆ ให้คนที่ไม่มีความรู้ทางสาธารณสุขเข้าใจได้บ้าง เพื่อลดช่องว่างความไม่รู้ที่จะนำพาไปสู่ความเข้าใจผิด ระยะแรก ๆ ก็ง่ายจริงนะครับ แต่ง่ายจนไม่มีที่มาที่ไป แค่บอกให้รู้ แต่มันไม่มีความสุขร่วมที่จะจดจำและสนุก ระยะต่อมาเริ่มเมามันขึ้น เขียนเนื้อหามากขึ้น จนคนอ่านเริ่มไม่อยากอ่าน (อันนี้ฟีดแบ็กมาเลย) เนื้อหาเริ่มหนักและเข้าไม่ถึง จริงอยู่มีหมอหลายคนติดตาม พยาบาล เภสัชอีกมาก แต่ผมยังพลาดเป้าหมายสำคัญคือบุคคลทั่วไป
แฟนเพจสาวสวยท่านหนึ่งในนี้เคยบอกว่า "ถ้าเป้าของคุณคือบุคคลทั่วไป ตอนนี้ยังถือว่าห่างไกล" หลังจากนั้น ผมเริ่มเปลี่ยน !! โดยใส่ความสนุกในเนื้อหามากขึ้น คราวนี้คนชอบมากขึ้น ยอดผู้ติดตามสูงขึ้นมาก เข้าถึงบุคคลมากมาย แม้แต่บรรดาอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ ก็ยังมาอ่านและสนุกสนานกับเนื้อหา (ที่เขาก็อาจจะทราบมากกว่าผมเสียอีก)
แต่....เกือบทั้งหมด ผมทำภายใต้ความคิดที่ว่า สิ่งนี้มันดีนะ มันน่าจะส่งต่อนะ ... มันไม่ได้ลดช่องว่างเลย มันแทบจะตอบสนองความต้องการของผมอย่างเดียว ผมไม่ได้เป้า ไม่ได้โฟกัส ขอยืมศัพท์คุณเคนมาใช้ ผมไม่ได้ทำ customer centric ไม่ได้มุ่งเป้าที่คนอ่านเลย
จากที่ผมทำเพจมาเรื่อย ๆ ไม่ได้สนใจใคร ผมเริ่มคิดว่ามันไม่ท้าทาย มันเลื่อนลอย มันไม่มี "เป้า" ทำให้ความคิดเพื่อพัฒนามันน้อยลง พอฟังพ็อดแคสต์ที่เดอะสแตนดาร์ดนี่แหละ และลามไปฟังของนักคิด ผู้ประสบความสำเร็จรายใหญ่ในโลก อ่าน shoe dog ของฟิล ไนท์ ผู้ก่อตั้งไนกี้ ทำให้ผมเริ่มโฟกัสและพัฒนา ผลที่ได้คือตัวเองพัฒนาและผลงานที่ออกมาก็พัฒนาไปด้วย
เริ่มเขียนบทความที่ง่ายและใช้ได้จริง ในปัญหาสุขภาพที่เป็นคำถามในกลุ่มคนวัยทำงาน ที่จบในหน้ากระดาษเอสี่ ที่ใช้ได้จริง โดยไปเสนอทาง rabbit today หนังสือพิมพ์รายวันที่มีคอลัมน์สุขภาพ และได้รับโอกาสพัฒนางานเขียนในสื่อสิ่งพิมพ์ ในภาษาอีกแบบหนึ่ง
เริ่มดูความต้องการของผู้คนในเวลานั้นและพยายามส่งสารที่ผู้คนให้ความสนใจ ไม่ได้หวังยอดติดตามนะครับ แต่ว่าการส่งสารไปให้คนที่ต้องการสารในขณะเวลานั้น และปริมาณความต้องการสารนั้นมาก มันจะส่งผลกระทบมากทีเดียว เช่นบทความเรื่อง น้ำมันปลาโอเมก้าสามนี่แหละครับ หรือบทความเตือนผลเสียจากยา quinolones
เริ่มย้อนกลับไปดูฟีดแบ็กที่ทางเฟสบุ๊กจัดข้อมูลอยู่แล้วว่า โพสต์ลักษณะใดมีคนเข้าชมหรือโต้ตอบ ก็จะเพิ่มเนื้อหาแบบนั้นมากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าจะทิ้งเนื้อหาแบบอื่นหรือคนกลุ่มน้อยนะครับ แต่จะจัดสัดส่วนการคิดการเขียนให้ส่งผลสูงสุดในเวลาที่น้อยลง (อันนี้ขอบคุณ โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธ์ มากครับที่บอกแนวคิดเรื่องประโยชน์สูงสุด)
เริ่มเรียนรู้ช่องทางอื่น ๆ วิธีอื่น ๆ ที่ใช้สื่อสาร คนอ่านจะได้ไม่เบื่อ เรายังคงความเป็นตัวเองแต่มาในรูปแบบต่าง ๆ ให้ถูกใจคนอ่านคนดู เริ่มฝึก podcast เรียนรู้การสมัครโดเมนพ็อดคาสต์ เรียนการทำอินโฟกราฟฟิก อ่านวิธีการโฆษณาทางนิเทศและการตลาด เราจะปรับเนื้อหาเราให้เข้าสู่คนอื่น ๆ ได้แบบใด วิธีการพูดให้น่าสน (ผมถอดแบบจากพี่หนุ่ม เมืองจันท์ ในไลฟ์พูดคุยเล่น ๆ ตอบปัญหา ที่ผ่านไป)
สิ่งที่ทำอยู่แล้วและคิดว่าดีแล้วจะทำต่อ ที่ยึดมั่นมาตลอดคือ ผมต้องการความเห็น การถกเถียงด้วยเหตุผลและเกิดประโยชน์ ผมแทบจะไม่ปิดกั้นความเห็นต่างใด ๆ เลย ยกเว้นจะหมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดี (เป็นประโยชน์ที่ได้จากการเรียนนิติศาสตร์ด้วย) ที่ผ่านมาเคยบล็อกผู้ที่เข้ามาในเพจแค่ 2 คนเท่านั้น ส่วนใครที่เขียนความเห็นที่อาจมีปัญหาทางกฎหมาย ไม่ใช่ทางวิชาการ ผมจะแจ้งให้เขาปรับปรุงในแง่กฎหมายเท่านั้น (ขอบคุณคำแนะนำจากอีเจี๊ยบเลียบด่วน)
และอย่างที่สองคือ ผมจะไม่เอียงข้าง คำว่าไม่เอียงข้างคือมีเหตุผล ทั้งสนับสนุนและคัดค้าน ยอมรับในเหตุผลนั้น ๆ ไม่ให้ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่ให้ความเป็นมิตรเป็นเพื่อนหรือผู้มีพระคุณ มาทำให้สิ่งที่ผมนำเสนอเอียงได้
ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำเพื่อยอดติดตาม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว (จริง ๆ ประโยชน์ส่วนตัวก็มีคือ ได้อ่านและเรียนรู้มากขึ้นมหาศาล) ไม่ได้ทำเพื่อธุรกิจ เพราะไม่มีธุรกิจ ฮ่า ๆ แต่เป้าหมายคือ ให้กลับเข้าสู่เจตนาเดิม เข้าสู่ core value (เริ่มมีภาษานักบริหารมากขึ้นทุกที) ทั้งสามคือ
1. เผยแพร่ความรู้ในวงกว้าง ไม่จำกัดเพศ วัย ความชำนาญ ความเชื่อ
2. ต้องเป็นความรู้ทางอายุรศาสตร์ที่ถูกต้อง มีเหตุผลและไม่เอียงข้าง
3. ต้องสนุก ต้องเฮฮา อ่านเข้าใจ (ถ้ามีเรื่องยากไปนิดถือว่าผู้อ่านจะได้เรียนรู้เพิ่มไง)
แต่จะมีวิธีที่หลากหลาย กลยุทธมากขึ้น ไม่ตามใจตัวเองเหมือนแต่ก่อนครับ
บ่นซะยาวเลย ปิดท้ายด้วยรูปถ่ายสมัยหนุ่ม ที่ทำให้ผมแจ้งเกิดในตอนนั้น กรั่ก ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น