เราคงได้ยินข่าวโรคหัด (measles) ระบาดมากในช่วงนี้ หลาย ๆ คนอ่านข่าวแล้วก็ผ่านไปคิดว่าไกลตัว เราลองมาฟังอีกแบบหนึ่งไหมครับ
ก่อนปี 1963 หรือปีพ.ศ. 2506 ทั้งโลกยังไม่รู้จักวัคซีนโรคหัด และโรคหัดก็ระบาดทุกปีหรือทุกสองปี ขณะนั่นอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัดคือ ปีละ 2.6 ล้านคนนะครับ แต่หลังจากเราค้นพบวัคซีนหัด และมีการรณรงค์การฉีดวัคซีน นำเข้าสู่ตารางการฉีดวัคซีนมาตรฐาน ผ่านไป 50 ปี เราสามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ 80% นับเป็นคนประมาณ 20 ล้านคน
องค์การอนามัยโลกตั้งเป้าว่าภายในปี 2015 ต้องให้เด็กอายุหนึ่งปีได้วัคซีนมากกว่า 90% ครอบคลุมมากกว่า 80% ทั้งโลก ลดอัตราการเกิดโรคนี้น้อยกว่า 5 ต่อล้านคน และลดอัตราการเสียชีวิตลงมากกว่า 95%
แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วยังทำไม่ได้ตามนั้น ข้อมูลจาก Weekly epidemiological record วารสารขององค์การอนามัยโลกตีพิมพ์เมื่อ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่ามีแค่อเมริกาและยุโรปเท่านั้นที่ถึงเป้า ในอีกหลายภูมิภาคยังไม่สามารถเข้าถึงและฉีดวัคซีนได้ครบโดยเฉพาะแอฟริกาและเอเชียใต้ แค่ 70-80% เท่านั้น ทำให้อุบัติการณ์การเกิดโรคยังมีอยู่พอสมควร ทั้ง ๆ ที่หลายภูมิภาคถึงขีดที่ใกล้จะกำจัดได้หมด
ความเหลื่อมล้ำอันนี้เริ่มส่งผลเมื่ออัตราการเกิดโรคเริ่มเพิ่มขึ้น จนถึงมีการระบาดเพราะ "ไม่สามารถให้วัคซีนได้ครอบคลุมเพียงพอ" เมื่อครอบคลุมไม่พอจะเริ่มมีการติดเชื้อมากขึ้น ลุกลามขึ้น รายงานกล่าวว่าในปี 2017 มีเด็กทั้งโลก 20 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก คนเหล่านี้เมื่อโตมาจะไม่มีภูมิคุ้มกัน มีโอกาสติดโรค มีโอกาสเป็นโรคและร้ายแรงได้ ที่แย่กว่านั้นคือแพร่กระจายโรคต่อไปได้ด้วย หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ก็มีโอกาสจะกลับไปเหมือนอดีตกาลอีกครั้ง
ดังนั้นเราทุกคนควรให้ความสำคัญกับวัคซีน อย่างน้อยที่สุดวัคซีนฟรีตาม EPI program ที่ทุกคนมีสิทธิได้รับ พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ คำแนะนำและการลงทุนกับวัคซีนมันไม่ได้มีผลกับตัวคุณเท่านั้น ยังมีผลต่อคนรอบข้างและการระบาดในวงกว้างอีกด้วย (cocooning effect) วัคซีนตัวใดภาครัฐให้และคุณมีสิทธิขอให้ไปใช้สิทธิ วัคซีนตัวใดต้องซื้อมันก็คือการลงทุนลดความเสี่ยงอันหนึ่ง
คุณซื้อประกันรถชั้นหนึ่งได้ทุกปี อย่าลืมลงทุนให้สุขภาพและความเสี่ยงตัวเองด้วยวัคซีนนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น