20 ธันวาคม 2561

บังเอิญเจอนิ่วในถุงน้ำดี จะทำอย่างไร

บังเอิญเจอนิ่วในถุงน้ำดี จะทำอย่างไร ?
หลายครั้งที่มีปัญหานี้และทำให้เจ้าของนิ่วเกิดความเครียดสับสนว่าจะจัดการกับนิ่วอย่างไรดี ผมคิดว่าลองอ่านข้อมูลตรงนี้ดูก่อนมาจากตำราโรคระบบทางเดินอาหาร Sleisenger and Fordtran 's 10th edition
แล้วไปเจอได้ไงล่ะ ... ทั้งหมดก็มาจากการตรวจทางรังสีวิทยาเช่นอัลตร้าซาวนด์หรือเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ในส่วนช่องท้องด้วยสาเหตุอื่น ๆ แล้วไปพบนิ่วโดยบังเอิญ เช่นอัลตร้าซาวด์ดูไตแล้วบังเอิญไปพบ หรือเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ตรวจมะเร็งลำไส้แล้วไปพบเข้า
โดยที่คนคนนั้นไม่ได้มีอาการแบบนิ่วในถุงน้ำดีหรือผลอันจะเกิดแทรกซ้อนจากนิ่วเลย
จากการศึกษาที่ผ่านมาที่ติดตามคนที่บังเอิญพบนิ่วนั้นมีหลายการศึกษาตัวเลขื่พบว่าในกลุ่มคนที่พบนิ่วแบบไม่มีอาการเมื่อติดตามไปจะพบอาการนิ่ว ส่วนมากก็ปวดน่ะครับประมาณ 2% ต่อห้าปี และยิ่งติดตามนานไปโอกาสเกิดอาการจะยิ่งลดลง
ส่วนตัวเลขที่แสดงถึงผลข้างเคียงอันรุนแรงจากนิ่ว...ไม่ใช่แค่ปวดคือ 3% ต่อสิบปีจากการศึกษา GREPCO ในอิตาลี จากการศึกษานี้ตัวเลขอาการปวดก็ไม่มากเช่นกัน
และคนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำดี มีแค่ 7%
ข้อมูลที่แสดงให้เห็นบอกว่า ถ้าเริ่มต้นจากไม่มีอาการใด ๆ เมื่อติดตามไปห้าปีสิบปีพบว่าโอกาสจะเกิดอาการปวดจากนิ่ว หรือกระทั่งโอกาสเกิดผลข้างเคียงรุนแรงมีไม่ถึง 5% คำแนะนำที่จะผ่าตัดถุงน้ำดีเมื่อบังเอิญเจอนิ่วจึงไม่ได้หนักแน่นนัก เพราะโอกาสเกิดอันตรายมันน้อยจะไปตัดสินใจตอนเกิดอาการก็ไม่แย่เกินไป
สิ่งที่ต้องคิดต่อมาคือ แล้วถ้ากลัวมากจะเอาออกได้ไหม ก็ต้องมาดูว่ากระบวนการการผ่าตัดนั้นมีอันตรายเพียงใด
ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องหรือส่องกล้องนั้น อันตรายแทรกซ้อนต่ำมากเช่นกัน (ยกเว้นกลุ่มคนที่เสี่ยงสูงมาก) จึงดูเหมือนแม้จะทำตอนเกิดอาการแล้วก็ไม่ได้อันตราย
การตัดถุงน้ำดีไว้ก่อน ก่อนเกิดอาการจึงไม่เป็นที่แนะนำมากนักเพราะประโยชน์เกิดน้อย หรือผ่าตัดด้วยสาเหตุอื่น ๆ ก็ไม่แนะนำให้พ่วงการนำถุงน้ำดีออกแต่อย่างใด
แต่ก็มีผู้ป่วยบางกลุ่มที่พอมีหลักฐานว่าการตัดถุงน้ำดีก่อนเกิดอาการเมื่อบังเอิญตรวจพบ "อาจจะ" ได้ประโยชน์ คำว่าได้ประโยชน์นี้คือหากรอให้เกิดอาการหรือผลแทรกซ้อนจะผ่าลำบากหรืออัตราการเสียชีวิตจะสูงขึ้นมาก เช่นกลุ่มผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
จากข้อมูลตรงนี้ท่านสามารถเลือกตัดสินใจได้ว่าหากพบโดยบังเอิญจะผ่าไหม และหากถามต่อว่ามียาอะไรช่วยไหม คำตอบคือไม่มีข้อบ่งชี้การให้ยา ursodeoxycholic acid ในคนที่ "ไม่มีอาการ" จึงไม่มีการให้ยาครับ
สารที่เชื่อว่าอาจจะช่วยไม่ให้เกิดนิ่วคือยาสเตติน กาแฟ และวิตามินซี ยังไม่ได้มีหลักฐานแน่นหนาที่จะบอกว่าช่วยป้องกันการเกิดนิ่วหรือลดโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนหากมีนิ่วแล้วครับ
ในส่วนตัวผมเองหากมีคำถามจากคนที่เสี่ยงต่ำและไม่มีอาการก็จะแนะนำผลดีผลเสียแบบนี้แหละครับแล้วส่งให้ไปคุยต่อกับศัลยแพทย์ผู้ที่จะผ่าต่อไปครับ
"เรื่องผ่าไม่คล่องไม่เจนจัด แต่เรื่องกำหนัด..ไม่เคยปัด ถนัดยิ่ง"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น