17 ธันวาคม 2561

ง่าย ๆ สั้น ๆ กับโรคหัด

ง่าย ๆ สั้น ๆ กับโรคหัด
1.โรคหัดเป็นโรคที่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ระบาดทางการไอจาม เกือบ 20% ของผู้ป่วยโรคหัดจะมีผลแทรกซ้อนของโรค ดังนั้นการป้องกันจะดีกว่ารักษา
2.การป้องกันโรคหัดที่ดีคือการฉีดวัคซีน ปัจจุบันนี้คือวัคซีนรวม หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม อาจฉีดได้สองแบบเข็มแรกตอนอายุ 9 เดือน เข็มสองตอนอายุ 7 ปี หรือในสถานการณ์ระบาดมากอาจร่นเข็มสองมาฉีดตอนสองปีครึ่ง
3.ในผู้ใหญ่หากไม่เคยฉีดให้ฉีดได้ ถ้าไม่แน่ใจสามารถตรวจภูมิคุ้มกันก่อนได้ โดยเฉพาะในสุภาพสตรีควรทราบสถานะภูมิตัวเอง เพราะถ้าเป็นตอนตั้งครรภ์จะวุ่นวายมาก ถ้าไม่มีภูมิจัดการให้เรียบร้อยดีกว่า ฉีดแค่เข็มเดียว (ฉีดสองเข็มมีแค่บางกรณีเท่านั้น)
4.โรคหัดจะมีอาการหลังสัมผัสโรคประมาณหนึ่งสัปดาห์ อาการที่พบบ่อยมากคือ ไข้ จมูกบวมแดง ตาแดง หลังจากนั้น 2-3 วันจะมีตุ่มในปากที่ชื่อว่า Koplik's spot และอีก 1-2 วันจะมีผื่นขึ้นลามจากใบหน้าและคอไปทั่วตัว
5.การรักษาคือประคับประคองให้ดี เฝ้าดูผลแทรกซ้อน ปอดอักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มักพบในเด็กมากกว่า
6.ถ้าสัมผัสโรค คือ อยู่ในบริเวณเดียวกับผู้ป่วย 4วันก่อนและ4วันหลังผื่น ยิ่งอยู่นานยิ่งสัมผัส ให้ระวังว่าอาจจะติดได้ อยากบอกว่าถ้าได้วัคซีนแล้วโอกาสติดน้อยกว่า 5%
7.ถ้าสัมผัสโรคให้เฝ้าระวังอาการ และถ้าไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนให้เริ่มวัคซีนเลยภายใน 72 ชั่วโมงให้ครบสองเข็มเลย ในกรณีนี้ต้องฉีดสองเข็ม
8.ประเด็นคือ วัคซีนโรคหัดเป็นวัคซีนตัวเป็น มีข้อห้ามในคนท้อง คนที่ภูมิคุ้มกันไม่ดี ดังนั้นในคนที่ให้วัคซีนไม่ได้คือคนท้อง คนภูมิคุ้มกันไม่ดี เด็กอายุน้อยกว่าเก้าเดือนโดยเฉพาะกับแม่ไม่ได้วัคซีนให้ฉีด อิมมูโนโกลบูลิน (Normal Human ImmunoGlobulin) ให้เร็วที่สุดไม่ควรเกิน 6 วัน
9.การให้วิตามินเอ และยาต้านไวรัส ribavirin หลังสัมผัสโรคให้พิจารณาเป็นราย ๆ ไปครับ อันนี้ต้องคุยกับคุณหมอที่ดูแล
10.ควรหลีกเลี่ยงการกระจายโรคอย่างน้อยประมาณ 4 วันหลังผื่นขึ้น แยกที่พัก แยกที่นอน หยุดงาน
เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยาก ย้อนกลับไปอ่านข้อหนึ่งและข้อสองอีกครั้ง กาดอกจัน ขีดเส้นใต้สองเส้นและปฏิบัติตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น