ความเข้าใจเรื่องการลดน้ำหนักตอนที่หนึ่ง
ปัจจุบันนี้มีความเชื่อ ข้อเท็จจริง หนังสือ สูตรต่าง ๆ ออกมามากมาย หลายคนทำได้ผลหลายคนก็ไม่ได้ผล หลายคนต้องเปลี่ยนหลายสูตร เกิดอะไรขึ้นและทำไม เรามาลองเปิดใจเป็นกลางแล้วฟังข้อพิสูจน์ต่าง ๆเหล่านี้
วันเวลาที่เปลี่ยนไป สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมและเทคโนโลยี ทำให้มนุษย์เรามีการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพไปมากมายแม้แต่ในระยะเวลาอันสั้น วิวัฒนาการกว่าล้านปีดูช้าไปทันทีหากมาเทียบกับการเปลี่ยนแปลงในช่วง 200-300 ปี มานี้
วันเวลาที่เปลี่ยนไป สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมและเทคโนโลยี ทำให้มนุษย์เรามีการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพไปมากมายแม้แต่ในระยะเวลาอันสั้น วิวัฒนาการกว่าล้านปีดูช้าไปทันทีหากมาเทียบกับการเปลี่ยนแปลงในช่วง 200-300 ปี มานี้
เราพบโรคอ้วนมากขึ้น พบน้ำหนักตัวมากขึ้น พบผลจากโรคอ้วนและโรคทางเมตาบอลิกมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถตรวจจับภาวะผิดปกติและตั้งกฏเกณฑ์การตรวจที่ไวขึ้นเร็วขึ้น ตรวจจับก่อนเกิดปัญหา
ค้นพบพันธุกรรมที่สัมพันธ์กับการอ้วนและผลจากการอ้วนที่อาจมีอยู่แล้ว แต่มาชัดเจนขึ้นในยุคปัจจุบันหรือมนุษย์เรามีการคัดเลือกตามธรรมชาติให้ยีนนี้อยู่รอดมา
เราอดอยากน้อยลง เรามีกินมากขึ้น เราผลิตอาหารเพื่อส่งออกทำเงินมากกว่ากินเพื่อประทังชีวิต เรามีเวลาในการสร้างสรรค์อาหารให้อร่อยและจูงใจมากกว่าจะทำให้อาหารเพียงเพื่อดำรงชีวิต
สิ่งต่างๆ เหล่านี้รวมกันทำให้เกิด การกินเกินขนาด ติดนิสัยการกินเกินขนาดและขาดโภชนาการที่ดีมาหลายชั่วอายุคน ปัญหาความอ้วนจึงสะสมจนปัจจุบันถือเป็นมหันตภัยอันดับสองขององค์การอนามัยโลก รองจากโรคความดันโลหิตสูง แล้วเราจะปรับตัวอย่างไร คราวนี้เรามาเข้าสู่ข้อเท็จจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เป็น อกาลิโก ที่ยากจะยอมรับได้ในปัจจุบัน
**ข้อเท็จจริง**
จำสมการความสัมพันธ์อันนี้ให้ดีนะครับ มันจะตอบปัญหาทุกสรรพสิ่งเกี่ยวกับเรื่องความอ้วนและน้ำหนักตัว
พลังงานที่กิน = พลังงานที่ใช้ + พลังงานสะสม
ทุกวันนี้เรากินมากขึ้นแต่ใช้น้อยลง นั่นคือพลังงานสะสมจะเพิ่มขึ้นและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง หากเราจะลดน้ำหนักตัวเราดูสมการแล้วจะบอกได้ทันทีว่า กินให้น้อยลง พลังงานที่สะสมจะออกมามากขึ้นหากเรายังใช้เท่าๆเดิม และหากเรากินน้อยลงและใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นด้วย พลังงานสะสมก็จะน้อยลงมาก ๆ คือ น้ำหนักที่จะลดลงมากขึ้นนั่นเอง
ง่ายดีใช่ไหมครับ แต่ถ้านำมาคิดในทางชีวิตจริงจะพบว่านี่คือสิ่งที่ยากที่สุด กินให้ “พลังงานน้อยลง” และใช้แรงให้ “พลังงานถูกใช้มากขึ้น” อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ มีวินัย หากคุณตั้งใจลงทุนในธุรกิจการเงินที่มีผลแน่นอนและเสี่ยงต่ำ แน่นอนอาจต้องใช้เวลานานและอย่าถอดใจ สุขภาพเป็นเรื่องของการลงทุนระยะยาว คุณไม่สามารถหาทางลัดได้ ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องเจอกับวิธีที่เร็วแต่เสี่ยง และอาจล้มเหลวก็เป็นได้
ง่ายดีใช่ไหมครับ แต่ถ้านำมาคิดในทางชีวิตจริงจะพบว่านี่คือสิ่งที่ยากที่สุด กินให้ “พลังงานน้อยลง” และใช้แรงให้ “พลังงานถูกใช้มากขึ้น” อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ มีวินัย หากคุณตั้งใจลงทุนในธุรกิจการเงินที่มีผลแน่นอนและเสี่ยงต่ำ แน่นอนอาจต้องใช้เวลานานและอย่าถอดใจ สุขภาพเป็นเรื่องของการลงทุนระยะยาว คุณไม่สามารถหาทางลัดได้ ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องเจอกับวิธีที่เร็วแต่เสี่ยง และอาจล้มเหลวก็เป็นได้
ถ้าพิจารณาจากหลักการทางวิทยาศาสตร์ เราใช้พลังงานพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิตอยู่แล้ว น้ำหนักมากใช้มากน้ำหนักน้อยใช้น้อย ยิ่งอายุมากขึ้นเราก็จะใช้พลังงานพื้นฐานลดลง หากเราต้องการใช้พลังงานมากขึ้นโดยไม่ใช่การเจ็บไข้ได้ป่วย นั่นคือเราต้องออกแรงขึ้น ออกกำลังกายเพื่อยกระดับการใช้พลังงานมากขึ้นและดึงพลังงานสะสมออกมาใช้
แต่การออกแรงมากๆ ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลง เวลาเราใช้แรงหรือดำรงชีวิตร่างกายจะใช้พลังงานพร้อมใช้ที่อยู่ในกระแสเลือด จากอาหารที่กินเข้าไปก่อนที่จะไปดึงพลังงานสำรองมาใช้ และถ้าเราไม่ใช่นักกีฬาอาชีพ โอกาสจะใช้พลังงานจนมากกว่าที่กิน จนต้องดึงพลังงานสำรองมาใช้นั้นน้อยมาก หลักการลดน้ำหนัก ลดพลังงานคือ ลดอาหารที่กินเข้าไป ส่วนการออกแรงเพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มฐานการใช้พลังงานเพื่อรักษาพลังงานให้คงที่ หรือไม่ให้น้ำหนักที่ลดลงกลับเด้งขึ้นไปอีกนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น