ตกเลือดหลังคลอด...กับ สูติศาสตร์ ง่ายนิดเดียว (แปลงร่างชั่วคราว)
เห็นหัวเรื่องวารสารนี้ใน NEJM ก็ไม่ได้สะกิดใจให้อ่านฉบับเต็มเพราะคิดว่าคงไม่ได้ใช้ แต่เมื่อวานนี้ CNN ลงข่าวเรื่องนี้ พร้อมกับห้องข่าวองค์การอนามัยโลกลงข่าวเรื่องนี้ เอ..มันคืออะไรนะ อยากรู้ใช่ไหม มาเลย..
ปัญหาตกเลือดหลังคลอดเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญของสูติแพทย์ ด้วยสาเหตุต่างๆเช่นมดลูกไม่บีบตัว รกค้าง ปัญหาสำคัญคือเลือดออกมากครับ พื้นที่เลือดออกในรกช่างกว้างขวางส่งผลให้เลือดออกปริมาณมาก เมื่อเลือดออกปริมาณมากร่างกายจะช็อก ความดันโลหิตตก ออกซิเจนไม่พอ ร่างกายจะรวนมาก นอกจากนี้ร่างกายจะพยายามหยุดเลือดโดยใช้กลไกการแข็งตัวของเลือด แต่ว่าเลือดมันออกมาก จนกระทั่งสารต่างๆที่ใช้หยุดเลือดถูกใช้จนหมด เลือดก็ยังไม่หยุด(เพราะปริมาณมันออกมากครับ) คราวนี้แหละ ห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่ อาจถึงขั้นตัดมดลูกกันเลยทีเดียว !!
สำหรับปัญหามดลูกไม่แข็งตัว..อ๊ะๆ..ใช้คำว่าไม่บีบตัวอย่างพอเพียงดีกว่า เรายังพอมียาช่วยบีบรัดการหดตัวได้ ยาที่นิยมใช้คือ ฮอร์โมนสังเคราะห์ที่คล้ายๆกับฮอร์โมนที่มีหน้าที่บีบตัวมดลูกตามธรรมชาติ ชื่อว่าฮอร์โมน Oxytocin
ที่เล่ามา..ดูไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย ก็ดูราบรื่นสมเหตุสมผลดีนี่นา ...แอดหลอกอีกแล้วล่ะสิ ..
ไม่เลยครับ ปัญหาสำคัญคือเจ้าฮอร์โมนออกซีโทซินนี้ มันขี้ร้อน !!! ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส และความชื้นที่พอเหมาะเท่านั้น ท่านก็คิดอีกว่า ปัญหาตรงไหน..บ้านแอดไม่มีตู้เย็นหรือไง .??
เอิ่ม..มีครับ แต่ว่าในพื้นที่ที่ประชากรไม่ได้มั่งมี หรือตู้เย็นมันขาดแคลนเช่น แอฟริกา พื้นที่สู้รบในตะวันออกกลาง หมู่บ้านในอะเมซอน จะไม่สามารถใช้ยาออกซีโทซินนี้ได้ ร้อนก็ร้อน ชื้นก็ชื้น จึงได้มีการพัฒนาและศึกษายาตัวใหม่ Heat-Stable Carbetocin ที่ทนร้อนได้ที่ 30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ที่ 75% และเก็บได้ถึงสามปี หากมีอาวุธดีๆแบบนี้ อัตราการเสียชีวิตของแม่และเด็กก็จะลดลง เพราะอย่าลืมว่าหากแม่เสียชีวิตจากตกเลือด ลูกจะลำบากแค่ไหน
เอิ่ม..มีครับ แต่ว่าในพื้นที่ที่ประชากรไม่ได้มั่งมี หรือตู้เย็นมันขาดแคลนเช่น แอฟริกา พื้นที่สู้รบในตะวันออกกลาง หมู่บ้านในอะเมซอน จะไม่สามารถใช้ยาออกซีโทซินนี้ได้ ร้อนก็ร้อน ชื้นก็ชื้น จึงได้มีการพัฒนาและศึกษายาตัวใหม่ Heat-Stable Carbetocin ที่ทนร้อนได้ที่ 30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ที่ 75% และเก็บได้ถึงสามปี หากมีอาวุธดีๆแบบนี้ อัตราการเสียชีวิตของแม่และเด็กก็จะลดลง เพราะอย่าลืมว่าหากแม่เสียชีวิตจากตกเลือด ลูกจะลำบากแค่ไหน
การศึกษานี้ชื่อว่า CHAMPION study ลงในวารสาร New England Journal of Medicine วันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา อ่านฉบับเต็มได้ฟรีที่
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa1805489
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa1805489
เป็นการศึกษานานาชาติทำในยุโรป แอฟริกา อเมริกา ละตินอเมริกา และเอเชีย รวมไทยด้วย (คณะแพทย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ประเทศต่างๆมีทั้งรวยและจน ในหญิงตั้งครรภ์ปกติ 26,000 กว่ารายในสิบประเทศ เกือบทั้งหมดคลอดเองทางช่องคลอด โดยแบ่งเป็นฉีดยาใหม่ carbetocin 100 ไมโครกรัมเข้ากล้าม เทียบกับฉีดยา Oxytocin ขนาด 10 ยูนิทเข้ากล้าม แล้ววัดผลว่า การเกิดตกเลือดหลังคลอด (มากกว่า 500 ซีซี) หรือต้องใช้ยาอื่นๆช่วยในการรักษาตกเลือดภายในหนึ่งชั่วโมงอีกหรือไม่
ความคาดหวังคือ ต้องไม่ต่างจาก oxytocin เพราะออกซีโทซินมันดีอยู่แล้ว
ความคาดหวังคือ ต้องไม่ต่างจาก oxytocin เพราะออกซีโทซินมันดีอยู่แล้ว
ผลปรากฏว่า อัตราคนที่ตกเลือดมากกว่า 500 ซีซีหรือต้องใช้ยาอื่นๆนั้น แทบไม่ต่างกันคือ 14.5% สำหรับยาใหม่และ 14.4% สำหรับออกซีโทซิน ผลข้างเคียงที่พบเช่นปวดหัว ปวดท้อง พบไม่ถึง 1% พอๆกันทั้งสองกลุ่ม ถ้าคิดคำนวณทางสถิติจะบอกได้ว่า ยาใหม่"ไม่ด้อย"กว่ายาเดิม อย่างมีนัยสำคัญ หรือพูดง่ายๆ ไม่ต่างกันนั่นเอง
เป็นอาวุธอันใหม่ขององค์การอนามัยโลกที่จะนำไปใช้ลดอัตราการเสียชีวิตและอันตรายจากการคลอดของแม่และเด็กในพื้นที่ต่างๆได้ครับ
แว่บ....แปลงร่างกลับเป็นลุงหมอ เดี๋ยวหมอสูติเขาดุเอา ไปเพ่นพ่านแถวห้องคลอด ไปต้มน้ำดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น