08 พฤษภาคม 2561

ขาดโอกาส ไกลความเจริญ

"ถ้ามาเยี่ยม พี่ทำลาบเป็ดเลี้ยงเลยนะ"
ด้วยประโยคนี้ ทำให้ผมตัดสินใจออกเดินทางไปเยี่ยมเยือนเพื่อนรุ่นพี่ เราเคยทำกิจกรรมเชียร์ร่วมกันสมัยอยู่โรงเรียนมัธยม พี่คนนี้เป็นพยาบาลวิชาชีพ ตอนนี้ประจำการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลที่อำเภอห่างไกลแห่งหนึ่ง บังเอิญว่ามีเพื่อนอีกคนที่เป็นพยาบาลวิชาชีพเช่นกัน อยู่ที่อำเภอข้างๆ พวกเขาทั้งคู่จึงท้าผมว่า ให้ขับรถระยะทางไกลเพื่อมาเยี่ยมเยือนพวกเขา และอานุภาพของลาบเป็ดทำให้ผมจับพวงมาลัยขับรถไกลๆอีกครั้ง
ระยะทางที่ยาวไกล แดดร้อนจ้าสลับกับพายุฝนที่แทรกมาเป็นระยะ โดยปกติผมจะเปิดเสียงเอ็มพีสามงานประชุมวิชาการฟังไปด้วย พูดไปด้วย เพื่อไม่ให้ตัวเองง่วง แต่คราวนี้ตลอดทางผมกลับอยากปิดสมองจากเรื่องวิชาการ เสียงเพลงของวงคาราบาว ศิลปินที่ผมชื่นชอบได้ขับกล่อมผมไปตลอดทาง
ถนนหนทางการไปสู่อำเภอนั้นไม่ได้ราบรื่น และเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ยังไม่รวมไปถึงทางไปถึงตำบลที่แสนห่างไกลที่เป็นทางลูกรังสลับกับถนนลาดยางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อเช่นกัน ชาวบ้านใช้รถจักรยานยนต์เพราะหนทางลำบากมาก ครึ่งล่างของรถจักรยานยนต์ทุกคัน เคลือบด้วยสีฝุ่นของโคลนแดงและลูกรังทั้งสิ้น
ขอบคุณคำเตือนของรุ่นพี่เรื่องถนนหนทาง นึกในใจว่ารถกระบะที่เช่ามานี้ ไม่ได้น่าเสียดายเลย
ตอนเย็นเกือบค่ำ หลังบ้านพักหลังนั้น ลาบเป็ด ต้มแซ่บเนื้อขาลาย อ่อมฮวก หม่ำหมู ข้าวเหนียวนึ่งใหม่ๆร้อนๆ จากฝีมือพ่อครัวสมัครเล่นทั้งสาม กลิ่นหอมน่ากิน แก้วน้ำดื่มที่บรรจุของเหลวมีฟองสีเหลืองใสๆ วางไว้พร้อมสรรพ
ค่ำคืนนั้นทุกคนมีความสุขมาก บรรยากาศการทำกองเชียร์เมื่อครั้งวัยหนุ่มหวนกลับมาอีกครั้ง
จนใกล้เที่ยงคืน เงียบสงัด มีแต่เสียงจิ้งหรีด อากาศเย็น ผมกำลังจะเข้านอน วันนั้นนำเต๊นท์ไปด้วย ฝีมือกางเต๊นท์แบบเก่าๆของผมยังดีอยู่ ปิดไฟอ่านหนังสือกำลังจะเข้านอน เสียงรุ่นพี่บอกว่า พรุ่งนี้ให้ผมลองไปเป็นลูกมือแกเวลาตรวจคนไข้
"แต่ไม่ต้องบอกใครนะว่า เป็นหมอจากเมืองใหญ่ ลองดูซิว่า วันเวลาผ่านไป คนไข้บ้านนอกยังเหมือนเดิมหรือไม่"
ตั้งแต่เช้า แม้แต่ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอันห่างไกล ผู้เฒ่าผู้แก่ เด็กเล็ก ทยอยกันมาแต่เช้ามืด มาทีนึงก็มาเกือบทั้งบ้าน เสื่อสาดข้าวปลาอาหารขนมาครบถ้วน
ผมยืมเสื้อกาวน์สั้นของพี่เขาใส่ทับ แล้วทำหน้าที่ข้างๆเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้านหน้า คอยวัดความดัน ตรวจสมุดเบาหวานความดัน สมุดวัคซีนเด็ก วัดไข้ บันทึกอาการสำคัญ
ผ่านเลยเที่ยง ยังเหลือคนไข้อีกบางส่วน ที่นี่เรารักษาจนหมดคนไข้แล้วค่อยกินข้าว คนไข้บางคนขอพักกินข้าวก่อนก็มีเพราะตื่นมาทำงานแต่เช้า งานเสร็จก็รีบมา
ทุกคนที่มารักษาใบหน้าอมทุกข์ด้วยโรคที่เป็น บางคนต้องรีบมารีบกลับเพราะบ้านไม่มีคนอยู่ บางคนก็ต้องวานให้เพื่อนบ้านขับมอเตอร์ไซค์มาส่ง บางคนให้อาหารสัตว์เลี้ยงเสร็จก่อนค่อยมา พ่อเด็กขับมอเตอร์ไซค์พาลูกน้อยมาฉีดวัคซีนโดยมีแม่เด็กอุ้มซ้อนท้ายมา มีผ้าขาวม้าคลุมศีรษะลูก
รถกระบะตอนเดียวที่มาจอด พาคนไข้สี่คนห้าคนจากหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปมาหาหมอ ไม่ใช่ญาติและไม่ได้ว่าจ้าง แต่ในหมู่บ้านมีรถกระบะไม่กี่คัน เวลามาแต่ละที ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอาการเจ็บป่วยก็จะมาด้วย แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงหรือยังไม่ถึงนัดแต่ก็ต้องมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครพามา
ที่นี่มียาต่างๆจำกัด วัคซีนก็ต้องสั่งล่วงหน้ามานัดมาฉีด การตรวจต่างๆทำแทบไม่ได้ ถ้ามีปัญหาก็ส่งไปที๋โรงพยาบาล
ขนาดจะไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ บางครั้งยังยาก ไม่มีรถรา เงินที่ต้องจ้างรถไปก็หลายบาท หากต้องไปโรงพยาบาลจังหวัด แน่นอนลูกหลานต้องหยุดงานพาไป หรือคนที่ยังทำงานอยู่ก็ต้องขาดรายได้
คนไข้รายหนึ่ง มีนัดไปโรงพยาบาลจังหวัด มาถามรุ่นพี่ผมว่าจะเข้าไปจังหวัดเมื่อไร จะติดรถไปด้วย การคมนาคมขนส่งไม่ได้ดีมากนัก การเดินทางลำบากเสียค่าใช้จ่ายมาก แม้ว่าค่าตรวจค่ายาจะฟรีก็ตาม
หลายๆคนที่พอมีเงินก็อาจนั่งรถไปคลินิก หรือโรงพยาบาลเอกชนในเมือง แต่ว่านานๆ ไปหรือหลายๆ ครั้งเข้าก็ไม่ไหว ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งเวลาที่เสียไป สุดท้ายสถานบริการใกล้บ้านก็ยังสำคัญอยู่ดี
หลังจากมื้อกลางวันที่แสบแซ่บ ตำปูปลาร้า ตับย่าง ไก่ย่าง พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บอกเล่าเรื่องราวของวันนี้ วันตรวจเบาหวานวันแห่งความวุ่นวาย
"ไงล่ะ เหมือนเดิมไหม"
"เหมือนเดิมครับพี่ คนไข้ยังขาดโอกาส หลายๆโรคผมก็เห็นว่าต้องปรับต้องเปลี่ยนการรักษา แต่ทรัพยากรของสถานบริการและประชาชน ทำให้เราทำดีที่สุดได้เท่านี้"
“ใช่ ชาวบ้านที่ยากจนและขาดโอกาสที่นี่ ยังมีอยู่ตลอด จริงๆ สมัยนี้หยูกยา เทคโนโลยีดีขึ้น แต่ชาวบ้านที่ยากจนก็ยังจนเหมือนเดิม ยิ่งรู้จักแต่ละคนนะน่าสงสารมาก
"พี่เอากล้วยไปวางบนกระบะแล้ว ตอนกลับจะได้ไม่ลืม" กล้วยปลูกเอง ลูกโตมากๆ แล้วที่ว่าเอามาให้น่ะ เอามาให้หนึ่งเครือนะครับ กินถึงเดือนหน้าก็ไม่หมด
เมื่อถึงเวลากลับ ผมขอบคุณพี่ทั้งสองที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ก่อนออกรถก็รับปากว่าถ้าพอช่วยอะไรได้ก็จะช่วย รุ่นพี่บอกว่า
"ถ้าแอดมินเพจดัง ช่วยบอกทุกคนว่า พวกเรายังยินดีช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ แม้งานหนัก เงินน้อย คนอื่นจะหนีเราไป แต่เราไม่เคยหนีชาวบ้าน พี่ก็จะดีใจมากนะ"
ผมตะลึงไปเล็กน้อย ไม่เคยทราบเลยว่าพี่เขาก็รู้ว่าเราทำเพจและติดตามตลอดด้วย ดีใจที่แม้แต่พื้นที่ห่างไกลก็ยังเข้าถึง อย่างน้อยความรู้ที่เขียนไป ก็จะส่งไปถึงคนที่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาอัพเดตและได้นำไปช่วยผู้คนได้บ้าง
ขากลับฝนตกพรำๆมาตลอดทาง ท้องฟ้าอึมครึม แต่ว่าในใจของผมมันช่างสดใส เมื่อได้ทราบว่าสิ่งที่เราทำมีคนเห็นคุณค่า และคนที่เห็นคุณค่านั้นก็ได้ใช้ประโยชน์ในการดูแลประชาชนอย่างไม่ย่อท้อ
ฝากเพลงนี้ให้กับรุ่นพี่ทั้งคู่นะครับ เพลงที่เราเคยขับร้องให้เด็กๆฟัง ตอนที่ทำเชียร์ด้วยกัน
"เดือนเพ็ญ" ผลงานของนายผี อัศนี พลจันทร์ สหายไฟของนักปฏิวัติ ขับร้องโดย แอ้ด คาราบาว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น