21 มกราคม 2561

ส้มลูกนั้น

ผมเชื่ออย่างนั้นนะ...

  หลายวันมาแล้วที่คุณหมอหนุ่มได้รักษาชายวัยกลางคนคนหนึ่ง มีอาการติดเชื้อรุนแรงจากอุบัติเหตุคนเมาขับรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน แม้แผลไม่ร้ายแรงแต่จากการที่เขาตกคูน้ำทำให้การติดเชื้อนั้นรุนแรงมาก อาการเริ่มจากติดเชื้อแผล ติดเชื้อในกระแสเลือด อวัยวะล้มเหลว คุณหมอและทีมได้ปฏิบัติการช่วยชีวิตและรักษาอย่างเต็มกำลัง ปรับแต่งการรักษากันรายชั่วโมง
  ทุ่มเทสรรพกำลัง ทุ่มเททรัพยากร ผู้ป่วยดูดีขึ้นไม่มากนัก และทรงตัว ทีมผู้รักษาเริ่มไหวหวั่นกับเหตุการณ์ข้างหน้า หัวหน้าทีมได้พูดคุยกับบุตรสาวและภริยาคนไข้ ถึงการพยากรณ์โรคที่ยังไม่ดีและอาจจะแย่ลง ทุกคนตึงเครียด เศร้า กดดัน สิ้นหวัง

  เช้าวันนี้ คุณหมอหนุ่มมาดูคนไข้แต่เช้าเพื่อรับช่วงต่อจากเวรเมื่อคืน ปรากฏว่าคนไข้ยังทรงตัว คุณหมอวัดค่าต่างๆ ตรวจร่างกาย ปรับแต่งเครื่องช่วยหายใจ และ....สังเกตเห็นส้มเขียวหวานลูกหนึ่งอยู่ข้างหมอนคนไข้ คุณหมอหยิบไปให้น้องพยาบาลเวรดึก

"น้อง..ใครมาวางส้มไว้ตรงนี้ ไม่ควรนำมาวางนะ" คุณหมอติง
"แม่คนไข้มาเยี่ยมค่ะ แกเพิ่งมาจากต่างจังหวัด มาพูดคุยกับคนไข้สักพัก กุมมือให้คนไข้หยิบส้มแล้วก็วางไว้ที่หัวนอน บอกว่า ส้มนี่เป็นสิ่งที่ลูกชายแกต้องการ " น้องมิว พยาบาลเวรดึกเล่าให้ฟัง
  "แปลกดี ..แต่อย่างไรก็ไม่ควรวางนะ ถึงจะไม่ติดเชื้อแต่ก็ไม่ใช่ที่ของมัน" คุณหมอนำส้มไปวางบนตู้หัวเตียงคนไข้

  วันรุ่งขึ้นคุณหมอมาตรวจแต่เช้าอีกตามเคย เช่นกันก็เห็นส้มเขียวหวานลูกหนึ่งวางอยู่ คุณหมอสังเกตว่าลูกใหญ่กว่าเมื่อวาน สีก็ออกเขียวกว่า คิดว่าเป็นลูกใหม่ที่นำมาวางใหม่ ก็เลยถามคุณพยาบาลอีกครั้ง

  "น้องครับ ... แม่คนไข้นำมาวางอีกแล้วหรือ"
  "ค่ะ คุณหมอ คุณแม่คนไข้มาแต่เช้า ฝากส้มไว้กับคนไข้หนึ่งลูก คุยกับเขา แล้วก็ออกไป" น้องแกลพยาบาลเวรดึกรายงาน

  คุณหมอนึกในใจ แปลกดีนะ ไม่เคยเจอแบบนี้เลย หรือเป็นความเชื่อของเขา เอาล่ะ ถ้ามันไม่เสียหายอะไรก็ปล่อยไปเถอะ คนไข้ไม่ดิ้น ไม่ค่อยรู้สึกตัวอยู่แล้ว

   คนไข้ชายหนุ่มยังไม่ดีขึ้น ทีมการรักษาได้ปรึกษาแพทย์อีกสองสามท่านมาให้ความเห็น ทุกคนก็ลงความเห็นว่าตอนนี้เราทำตามมาตรฐานการรักษาที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ก็คงต้องรอและคอยดูการตอบสนองต่อการรักษา
   คืนนั้นคุณหมอหนุ่มเจ้าของไข้ได้นั่งทบทวนการรักษาทั้งหมดอยู่คนเดียว เพื่อหาว่าทีมเขายัง "พลาด"ณ จุดใด แต่เขาก็ไม่พบเช่นกัน ด้วยความอ่อนเพลียคุณหมอจึงเผลอหลับไปทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้อยู่เวรคืนนั้น
...
...ปี๊บๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้น คุณหมอลืมตาและสะดุ้งเมื่อพบว่าตัวเองหลับอยู่ที่ทำงานทั้งคืน จึงลุกเตรียมไปอาบน้ำอาบท่าที่บ้านพักเตรียมมาทำงาน แต่เมื่อมองไปบนโต๊ะทำงานที่อยู่ในส่วนของไอซียู คุณหมอกลับพบสิ่งหนึ่ง และประหลาดใจอย่างยิ่ง
...
ส้มเขียวหวานหนึ่งลูก
...

   คุณหมอเดินออกมาถามพยาบาลเวรดึกว่าใครเอาส้มมาวางตรงนี้ น้องมิวกับน้องแกลบอกว่า แม่ของคนไข้นำส้มมาให้คนไข้ตามปกติและฝากส้มลูกนึงให้คุณหมอ บอกว่า วันนี้ส้มลูกนี้เป็นของคุณหมอ
  คุณหมองงมาก แต่ก็รับส้มไว้และออกไปจากไอซียู

   ระหว่างทางที่เดินกลับบ้านพัก คุณหมอเห็นกลุ่มคนที่เข้าแถวรอใส่บาตรจากพระสงฆ์และสามเณรที่เข้ามารับบาตรภายในโรงพยาบาลเป็นประจำ คนสุดท้ายของแถวเป็นหญิงชรา ใบหน้าละม้ายคล้ายคนไข้คนนั้นมาก ในมือถือส้มเขียวหวานสองลูกเตรียมใส่บาตร
  คุณหมอเดินเข้าไปหาหญิงชรา กล่าวสวัสดีและแนะนำตัว หญิงชราเชิญคุณหมอใส่บาตรด้วยกัน คุณหมอลังเล

  "ผมไม่มีอะไรเลยครับคุณน้า ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย"
  "ก็ส้มเขียวหวานในมือคุณหมอนั่นไงคะ น้าก็ใส่ส้มทำบุญทุกวัน คุณหมอใส่ส้มก็ได้ค่ะ" หญิงชรายิ้ม

เมื่อพระเดินมาถึงคุณหมอหนุ่มและหญิงชราจึงใส่บาตรด้วยส้มเขียวหวานในมือของแต่ละคน

  ก่อนแยกจากกันหญิงชราบอกกับคุณหมอว่า "ปกติดิฉันกับลูกชายลูกสะใภ้และหลาน เราจะทำบุญด้วยส้มทุกวัน พอลูกป่วย ลูกสะใภ้ต้องดูแลหลาน ก็เหลือแต่ดิฉันที่จะมาทำหน้าที่ต่อไป ทุกวันจะมาใส่บาตรและนำบุญไปอยู่กับลูกชายด้วยส้มหนึ่งลูก เมื่อคืนคุณพยาบาลบอกว่า คุณหมอมาดูลูกชายของดิฉันจนผลอยหลับไป ดิฉันจึงมอบส้มของดิฉันที่จะมาทำบุญให้คุณหมอแทน เพราะคุณหมอก็มีบุญคุณกับครอบครัวเรามากเช่นกัน คุณหมอก็ได้ทำบุญให้ลูกชายน้าด้วย ขอบคุณมากนะคะ"

   การทำบุญตักบาตรในเช้านั้น ทำให้คุณหมอรู้สึกถึงความรัก ความห่วงใย เส้นใยบางๆที่ผูกเชื่อมโยงระหว่างแม่ลูก ครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่ง คุณหมอเข้าใจความหมายของส้มลูกที่อยู่หัวเตียงทันที ว่าคือสายใยที่แม่ ที่ครอบครัวมีต่อคนไข้ ความหมายอันยิ่งใหญ่ของการมีชีวิตเพื่อกันและกัน
   และวันนี้เขาได้ทำบุญ ด้วยส้มที่แม่คนหนึ่งตั้งใจมาให้ลูกคนหนึ่ง แต่เปลี่ยนใจยกให้เขาแทน คุณหมอรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของส้มใบนั้น และอิ่มบุญอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนทำบุญทำกุศลให้คนไข้

  สี่วันหลังจากนั้น คนไข้ดีขึ้นเรื่อยๆ การทำงานของร่างกายเริ่มฟื้น ถอดเครื่องช่วยหายใจได้ คุณหมอเป็นคนถอดท่อด้วยตัวเอง หลังจากเดินออกมาจากม่าน และให้ญาติเข้าเยี่ยม วินาทีที่ พ่อ แม่ ลูก ได้พบหน้ากันอีกครั้ง ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ได้ไปทำบุญด้วยส้มเขียวหวานด้วยกันอีกครั้ง ยังประทับใจคุณหมอจนทุกวันนี้
   และคิดได้ทันทีว่า ตลอดเวลาที่รักษา สิ่งที่ยังขาดหายไปหนึ่งอย่างคือ บุญกรรมที่ทำมาด้วยกัน บางทีส้มลูกนั้นอาจเป็นการอโหสิกรรมสุดท้าย ที่เขากับคนไข้คนนี้เคยทำกรรมร่วมกันมา และคนที่ชี้ทาง ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ก็คือ แม่...พลังยิ่งใหญ่จากความรักของแม่
...
...ผ่านไปหลายปี

คุณหมอกำลังอธิบายอาการคนไข้คนหนึ่งที่อาการหนักมาก ญาติทุกคนเศร้า ท้อแท้ แต่คุณหมอก็พูดด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวังและพูดประโยคนี้
  "ไม่ว่าพวกคุณจะเชื่อหรือไม่ ผมแนะนำให้พวกคุณทำบุญให้คนไข้ ให้ตัวเอง พูดคุยกับเขาแม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัว รักเขา และให้ความหวังให้พลังกับคนไข้ สิ่งนี้จะทำให้คนไข้ดีขึ้น"
คุณหมอยิ้มและคิดถึงเรื่องราวในอดีตพร้อมลงท้ายว่า
...
..."ผมเชื่ออย่างนั้นนะ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น