08 พฤศจิกายน 2560

ตกลงค่าความดันโลหิตเท่าไหร่ เรียกว่าดี

ตกลงค่าความดันโลหิตเท่าไหร่ เรียกว่าดี ... วันนี้มาแบบฮาร์ดคอร์สไตล์ แบบน้องเจี๊ยบ
ในห้องบรรยายทางการแพทย์นั้นถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิง การศึกษาใหม่ๆออกมาว่าการรักษาความดันโลหิตปัจจุบันจะกดค่าความดันให้ต่ำลง ต่ำที่สุดเท่าที่จะได้ประโยชน์และไม่เกิดมาการวูบหน้ามืด หกล้ม ไตวาย จากการลดความดันอันนั้น
หลายคนเห็นด้วย หลายคนเห็นต่าง มีการศึกษารองรับหมดทุกคน ทั่วไปบอกว่าขอไม่เกิน 140/90 ถ้ามีโรคเบาหวาน ไตเสื่อม ขอลดลงอีกนะเป็น 130/80 และถ้าแก่มากเสี่ยงอันตราย เอาแค่ 150/90 ก็พอน่า
อ้าว...ตกลงเอาไง ในห้องยังเถียงกันไม่เลิก หยุดก่อนเลย ... พอเราเดินออกมานอกห้อง คนไข้โรคความดันสูงของเรา 160/100 140/100 หรือบางคนกินยาสามตัว
ครับ...เดิมทีความดันเรายังคุมได้ไม่ถึงเป้าเดิมเลย การจะดึงลงไปเป้าใหม่จึงไม่ง่ายนัก เราเห็นประโยชน์จากการลดความดันลงมากๆ เทียบกับกลุ่มควบคุมปกติ แต่ปกติในการศึกษาเขาคือ 130-140 / 70-80
ยาเกือบทุกตัวที่ออกมาในท้องตลาด ในแง่การลดความดันทุกตัวทำหน้าที่ได้ดี การศึกษาออกมาดีหมด แนวทางการรักษาสนับสนุนมีครบถ้วน ราคายาก็ไม่แพง เข้าถึงได้ทุกคน แต่เหตุไฉนความดันโลหิตสูงจึงเป็นความเสี่ยงอันดับหนึ่ง เกิดอัตราการเสียชีวิตอันดับหนึ่ง จนทุกวันนี้
นั่นไง หลายๆคนคิดไม่ถึงว่ามันร้ายกาจมาก หลายๆคนคิดไปถึง เอดส์ วัณโรค มะเร็ง อุบัติเหตุ ที่คร่าชีวิตมนุษย์ แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ใช่ มันคือนี่ มันคือ ความดันโลหิตสูง
การบริโภคเค็ม ที่เราไม่เคยลดลงเลย ...อาหารที่ไร้การควบคุม เครื่องปรุงผงชูรส วัฒนธรรมการกินของเราที่เปรี้ยวหวานมันเค็มต้องครบ รสต้องถึง แซ่บไว้ก่อน คนเป็นโรคก็ต้องลดลงอยู่แล้ว คนปกติก็ควรลดลงด้วย เริ่มตั้งแต่วันนี้ง่ายๆ ไม่ปรุงเพิ่ม ลดเติมเค็ม
อาหารแปรรูป อาหารง่าย บางทีก็เค็มจัดจากกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่ต้องใส่เกลือต่างๆลงไป หรือเติมเพื่อให้ลูกค้า "ติดใจ" ว่าแล้วจะไปขอร้องแอดมินเพจ เคมีฯ ให้เขียนเรื่องอาหารที่แปรรูปและผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมมัน เค็ม มากขึ้นเพียงใด
เกลือน้อยกว่า 2.2 กรัมต่อวัน ไม่ใช่ง่ายถ้าเราไม่เริ่มลดกรัมแรกให้ได้ก่อน
ออกกำลังกาย แม้ทุกวันนี้คนจะหันมาออกกำลังกายมากขึ้น ครับแต่ก็ยังถือเป็นส่วนน้อย คนที่แข็งแรงดีก็ออกกันไป แข็งแรงขึ้นๆ คนที่เจ็บป่วยก็ไม่ยอมออก เหนื่อยบ้างล่ะ ไม่ไหวบ้างล่ะ ไม่มีเวลาบ้างล่ะ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ไม่ง่ายนะต้องสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง จึงจะเห็นผล ไม่ใช่นึกได้ก็ออก ขี้เกียจก็ผลัดวันไป การออกกำลังกายนี่วัดวินัยได้เลย เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก
ไปเลยลุกเดินเลย ไม่ต้องรอ บันดงบันไดนี่ใช้บ้าง ปล่อยให้ลิฟต์มันขึ้นคานไปเหอะ ง่ายๆไม่ต้องเสียตังค์ เวลาแค่วันละ 30 นาทีจาก 1440 นาทีในแต่ละวัน คิดเป็น 2% ของเวลาที่เสียไปในแต่ละวัน ไม่ได้ดีแค่ความดัน ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย และสาวๆทั้งหลาย หนุ่มๆน่ะเขาชอบสาวๆในชุดออกกำลังกายนะครับ
ยา ...อันนี้ก็สำคัญ พบมากคือความดันลงแล้วปกติแล้ว หยุดยาเลยล่ะกัน กลัวตับวายไตจอดปอดพองสมองไหม้หัวใจดำม้ามทรุด ...บลาๆๆๆ แต่อย่าลืมว่าการกินยาไม่สม่ำเสมอ หยุดยาเอง ระดับยาไม่คงที่นี่แหละที่จะทำให้มันแย่ เมื่อคุณต้องกินยาให้กินยาให้สม่ำเสมอ อย่าหยุดเองเลย
บางคนหยุดยาแล้วความดันเด้งคืน แต่มันไม่มีอาการไงครับ ถ้าไม่ได้วัดค่าความดัน ถ้าไม่ได้ติดตาม บางทีสูงกว่าเดิมอีกยังไม่รู้เลย บางคนก็มีข้อบ่งชี้อื่นๆที่ต้องกินเช่นผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว กินยาลดความดัน ความดันก็ลดลงแล้วหมอไม่เห็นลดยาเลย บางทีปรับขึ้นอีก ก็เพราะเหตุผลการเริ่มยา และการใช้ยามันไม่ได้มีแค่ตัวเลขความดันครับ
ถ้าเจอผลข้างเคียง ให้กลับไปพบแพทย์ครับ ปรับยาเปลี่ยนยา ติดตามควบคุม อย่าหยุดเองเลยนะหนูนะ ป๋าขอ
เครื่องวัดความดันโลหิต ถ้าใครเป็นโรคนี้ ผมเห็นด้วย เห็นควรด้วย 100% ที่จะต้องมีเครื่องมือนี้ครับ ติดตามได้ดีกว่าไปวัดความดันที่โรงพยาบาล ที่คลินิกหรือที่อนามัยเยอะเลย เครื่องเดี๋ยวนี้ใช้ง่ายไม่แพง ไปซื้อ ไปเรียนวิธีวัดที่ถูก วัดแล้วบันทึกเป็น "ความดัน เดอะ ไดอารี่" แล้วเอาหลักฐานไปให้หมอที่รักษาดู
เรื่องมันจะง่ายขึ้นเยอะเลย
ประเด็นยิบย่อยอื่นๆ อีกมาก อยู่กับเราเรื่อยๆ แล้วเราจะสอนให้เก่งขึ้น ช่ำชองขึ้น รับรองลีลาท่าทางในการวัดความดันไม่แพ้ใคร
อีกไม่นาน สมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกาคงจะออกแนวทางอัพเดตเรื่องความดันโลหิต หลังจากการศึกษาหลักๆตกสะเก็ดแล้ว SPRINT, HOPE3, ACCORD ....ห๊ะ..อะไรนะ อยากรู้ด้วยหรือ หึหึ ไม่น่าพลาดนะครับ ขอสองอย่าง
ปิดไฟที่ไม่ใช้ และลดการใช้ถุงพลาสติกลง คนละไม้คนละมือครับ แลกกันนะ
รักทุกคน (ที่เป็นแฟนลิเวอร์พูล)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น