10 กันยายน 2560

ตำนานนกกระเรียน 1000 ตัว

ตำนานแห่งนกกระเรียน 1000 ตัว ซาดาโกะแห่งฮิโรชิมา
วันที่ 5 สิงหาคม 1944 เด็กหญิงซาดาโกะ ซาซากิ วัยสองขวบพักอาศัยในบ้านที่เมืองฮิโรชิมา เธอพักอยู่กับแม่และพี่ชาย เพื่อนๆเล่นวัยเดียวกันเล่นที่สนามหน้าบ้านอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก โดยที่เธอไม่ทราบเลย ด้วยความไร้เดียงสา ว่าประเทศของเธอกำลังลำบากเนื่องจากทรัพยากรในประเทศถูกนำไปใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองจนเกือบหมด
วันนี้ ท่านประธานาธิบดีทรูแมนแห่งอเมริกา ตัดสินใจใช้ระเบิดนิวเคลียร์ในสงครามจริงเป็นครั้งแรกกับกองทัพสมเด็จพระจักรพรรดิ ภายใต้การนำของ ฮิเดกิ โตโจ
วันที่ 6 สิงหาคม 1944 ระเบิดนิวเคลียร์ลิตเติ้ลบอย ถูกปล่อยลงมากลางเมืองฮิโรชิมา 2 กิโลเมตรจากบ้านของเธอ แรงระเบิดทำให้เธอกระเด็นออกหน้าต่าง ด้วยความตกตะลึงของแม่และพี่ชาย ที่บาดเจ็บไม่แพ้กัน ไม่มีใครคิดว้าเด็กหญิงซาดาโกะจะรอดชีวิต แต่ทว่า เจ้าชีวิตแห่งความตายยังไม่ต้องการชีวิตเธอในตอนนี้
เธอไม่บาดเจ็บ แต่บ้านเรือนก็เสียหายอย่างหนัก ทั้งเธอและแม่เห็นปรากฏการณ์ black rain ฝนฝุ่นกัมมันตภาพรังสี โดยไม่ทราบถึงความน่าสะพรึงกลัวของมัน
ชีวิตที่แสนลำบากหลังสงคราม อาหารต้องปันส่วน เสื้อผ้า ที่อยู่ ชาวญี่ปุ่นที่รอดมาหลายคนก็ต้องทนทุกข์ บางคนต้องเลือกการทำอัตวินิบาตกรรม หนีความทรมาน แต่ซาดาโกะ แม่ และพี่ชาย ยังสู้ต่อ เธอเข้าเรียนได้เหมือนเด็กทั่วไป
...ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เธอไม่ทราบ ในโรงพยาบาลกาชาดสากลแห่งฮิโรชิมา ว่าโรคร้ายจากระเบิด atomic disease กำลังเพิ่มขึ้นและมีอุบัติการณ์สูงมากตั้งแต่ปี 1950 หกปีหลังจาก ลิตเติ้ลบอย ทูตมรณะมาถึง...
ประเทศอเมริกาตั้งสถาบัน Atomic Bomb Casualty Commission เพื่อศึกษาผลที่ตามมาหลังระเบิด ตอนนั้นทุกคนเริ่มทราบดีแล้วว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน คือ ทูตมรณะที่ยังไม่จากไปและกำลังกลืนกินชีวิตเด็กชาวญี่ปุ่นที่รอดจากเงื้อมมือ ลิตเติ้ลบอย
หลังจากเทศกาลปีใหม่ปี 1955 เด็กหญิงซาดาโกะที่สดใส เริ่มสังเกตเห็นก้อนโตที่ลำคอและหลังใบหู หลังจากนั้นเธอก็ป่วย เหนื่อยมาก ไปโรงเรียนไม่ไหว หนึ่งเดือนต่อมา ผลการตรวจที่โรงพยาบาลกาชาดแห่งฮิโรชิมาออกมาว่า เธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน เม็ดเลือดขาวเธอสูงมากจนถึงระดับอันตราย
เพื่อนๆที่ทราบข่าว มาให้กำลังใจเธอไม่ขาดสาย แต่เธอก็ไม่ได้ดีขึ้น เทคโนโลยีการรักษาตอนนั้นยังไม่ดี และถึงจะดีเท่าตอนนี้ คิดว่าประเทศที่เพิ่งล้มละลายจากสงคราม อาหารจะกินยังแทบไม่มี จะสามารถจ่ายเงินค่ารักษาโรคนี้ได้หรือ จะจัดหายาหรือเลือดมาให้ได้ไหม
เดือนสิงหาคม หลังจากที่เธอเข้าๆออกโรงพยาบาล เธออาการหนักขึ้นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล ที่นี่เธอพบเพื่อนคนหนึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานที่สืบทอดต่อมาของชาวญี่ปุ่น ถึงการใช้นกกระเรียนกระดาษเพื่อให้มีพลังชีวิตจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ว่าต้องใช้อย่างน้อยหนึ่งพันตัว ท่ามกลางความสิ้นหวัง แสงสว่างปลายอุโมงค์ได้เรืองรองขึ้น เด็กหญิงซาดาโกะตั้งใจจะพับนกกระเรียน 1000 ตัวเพื่อเธอจะได้ดีขึ้น
เธอมีเวลามากมาย น่าจะพับสำเร็จ แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างนั้น...
สิ่งที่หายากมากคือ กระดาษ !!! เธอใช้กระดาษฉลากยา กระดาษทุกอย่างที่หาได้ แม่ของเธอ พ่อของเธอ เพื่อนๆของเธอ นำกระดาษมาให้ ช่วยต่อความหวังอันน้อยนิดต่อไป ซาดาโกะพับกระดาษอย่างยากลำบาก เธอป่วยเรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ
เรื่องราวต่างๆ พี่ชายเธอเขียนบันทึกซึ่งต่อมาเป็นหนังสือและเป็นภาพยนตร์ พ่อของเธอได้หาวิดีโอมาบันทึกภาพเธอไว้ได้ ทุกคนรู้ดีว่า เวลากำลังนับถอยหลัง ซาดาโกะซึ่งตอนนั้นโตพอจะรับรู้ว้าทำไมเธอจึงป่วย เธอบอกเล่าว่า "I will write peace on your wings,and you will fly all over the world"
เช้าวันที่ 25 ตุลาคม 1955 นกกระเรียนทั้ง 644 ตัว นั่งนิ่งไว้อาลัยแด่รอยยิ้มสุดท้ายของซาดาโกะ ก่อนที่เธอจะจากโลกแสนโหดร้ายอย่างสงบ เพื่อนๆร่วมโรงเรียนของเธอ ได้พากันมาพับนกกระเรียนจนครบ 1000 ตัว เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ซาดาโกะ พร้อมบรรจุนกกระเรียนทั้ง 1000 ตัวลงในหลุมศพของเธอ
เหตุการณ์นี้ได้รับการเผยแพร่ไปทั้งโลก ไม่เว้นแม้แต่ สหรัฐอเมริกา
ณ วันนี้ อนุสาวรีย์เด็กหญิงซาดาโกะ ยืนย้ำเตือนทุกคนถึงความเหี้ยมโหดของสงคราม ที่สวนสันติภาพ ฮิโรชิมา ญี่ปุ่น พร้อมกับพาหนะสู่สรวงสวรรค์ นกกระเรียนกระดาษ และที่เท้าของรูปปั้น มีคำจารึก
"this is our cry, this is our prayer, Peace in the world"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น