18 สิงหาคม 2560

ยา Thalidomide

ยา Thalidomide ยาอันเป็นจุดเริ่มและจุดจบของการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์

   ในราวปี 1957 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองมาได้ยี่สิบปี โลกแบ่งแยกเป็นสองขั้วชัดเจน การแข่งขันการพัฒนาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในภาคพื้นยุโรปมียาตัวหนึ่งชื่อ thalidomide เป็นยาที่ใช้รักษาอาการปวดได้ชะงักงัน มีฤทธิ์เป็นยานอนหลับ และช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ดีมาก ยาตัวนี้ใช้อย่างแพร่หลายในภาคพื้นยุโรปโดยเฉพาะในการรักษาอาการแพ้ท้อง (morning sickness) ผลิตโดยบริษัทยาแห่งหนึ่งในเยอรมนี
   ..
  ..ขณะนั้นยังไม่มีใครทราบด้านมืดของมัน
..
..สี่ปีให้หลังจาก thalidomide เป็นที่รู้จักและแพร่หลาย โลกเริ่มเห็นเหตุการณ์ความผิดปกติที่เกิดกับทารกแรกเกิด ..ไม่มีแขน..ไม่มีขา ชื่อความผิดปกตินี้คือ phocomelia แขนขาจะงอกออกมาสั้นๆเหมือนแมวน้ำ ในยุคนั้นได้ชื่อเป็น seal limb
   แพทย์สองคนคือ William Mcbride ชาวออสเตรเลีย และ Widukind Lenz ชาวเยอรมันทำงานร่วมกันได้รายงานความผิดปกตินี้และค้นพบความสัมพันธ์กับยา thalidomide และเริ่มมีการเตือนการใช้ยา thalidomide
   หลังจากนั้น ก็มีรายงานผู้ป่วย phocomelia เพิ่มขึ้นพร้อมๆกับคำเตือนที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งมีคำเตือนห้ามใช้ในผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ เอ๊ะ..แต่รายงานผู้ป่วยก็ยังมีอยู่เพราะว่าเจ้า thalidomide นี้ มีประสิทธิภาพหยุดอาการปวดได้ชะงักงันมากทีเดียวโดยเฉพาะการปวดจากโรคเรื้อน

    แต่ว่าประเทศสหรัฐอเมริกากลับรอดพ้นจากหายนะอันนี้ เนื่องจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐไม่ยอมรับ ไม่อนุมัติยาตัวนี้เนื่องจากไม่มีผลการศึกษาเพียงพอที่จะประกาศว่าปลอดภัย โดยเฉพาะกับหญิงตั้งครรภ์
   ปฏิบัติการต้านการนำเข้ายาเนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ ทำให้ทางอเมริกาได้ประโยชน์มหาศาล ท่านประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคเนดี้ ให้ประกาศให้รางวัลแด่ Frances Kelsey แพทย์หญิงแห่ง อย.อเมริกาผู้เป็นกำลังหลักในการวิจัยและต้านการนำเข้ายานี้ ในปี 1962
   หลังจากนั้นประเทศอเมริกาจึงได้ออกกฎว่าต้องมีการให้ข้อมูลและศึกษาความปลอดภัยการใช้ยาในผู้ป่วยตั้งครรภ์ก่อนการขออนุมัติเสมอ ก็เป็น class ต่างๆแบบที่ผมรายงานไปแล้วนั่นเองครับ

   ปัจจุบันยา thalidomide และ รุ่นลูกของมันคือ lenalidomide นำมาใช้มากในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดชนิด multiple myeloma โดยข้อกำหนดต้องมีการคัดกรองการตั้งครรภ์และระวังการตั้งครรภ์ขณะใช้ยา รวมถึงอีกหนึ่งผลข้างเคียงคือ ลิ่มเลือดดำที่เกิดง่ายกว่าปกติครับ

ภาพจาก BBC.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น