17 กรกฎาคม 2560

อาหารกับการลดอัตราการเสียชีวิต official

วารสาร New England Journal of Medicine เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ลงบทความบทหนึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารกับการลดอัตราการเสียชีวิต เรามาดูว่าน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด (อธิบายที่มาเรื่องราวของลุงหมอ เมื่อวานนี้ แบบ journal club)
ที่มาต้นเรื่องก็คือ มีการกำหนดอาหารที่ควรกินสำหรับอเมริกาและยุโรปมานาน มีการศึกษาเกี่ยวกับการป่วย การตาย ลดการเกิดโรค แต่ว่าการติดตามในระยะยาวยังไม่ชัดนัก คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดจึงได้ศึกษาข้อมูลของการปรับอาหารในระยะยาวว่ามีความสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตจริงๆหรือไม่
นักวิจัยเก็บข้อมูลระยะยาวจากกลุ่มประชากรสองกลุ่มคือ Nurse Health Study เก็บข้อมูลพยาบาล อายุ 30-55 ตั้งแต่ปี 1976 จำนวน 121,700 ราย และ Health Professional Follow Up study เก็บข้อมูลบุคลากรการแพทย์อายุ 40-75 ปี ตั้งแต่ปี 1986 จำนวน 51,529 ราย โดยมีความสมบูรณ์ของการติดตามผลถึง 90% เรียกว่าเป็นข้อเด่นเลย กลุ่มประชากรขนาดใหญ่มาก ติดตามได้ต่อเนื่องยาวนานโดยหลุดออกจากการศึกษาน้อยมาก แต่ก็เป็นกลุ่มประชากรที่เอียงเหมือนกันนะ กลุ่มนี้แนวโน้มการรักษาสุขภาพและเข้าใจการวิจัยมากกว่าประชากรทั่วไป กราฟออกมาจึงไม่ได้เป็นการกระจายตัวปกติ แต่จะเอียงไปทางสุขภาพดีและมีผลบวกต่อการทดลองมากกว่า
และเมื่อตัดกลุ่มที่เป็นโรค ข้อมูลไม่ครบ ตายก่อนปี 1998 ที่ไม่นำมาคิดในการทดลอง ก็เรียกว่ามีแต่กลุ่มที่สุขภาพดีมาติดตามและวัดผลกัน แม้จะเอียงเล็กน้อยแต่ก็จะกลายเป็นความน่าเชื่อถือสูงเพราะติดตามการรักษาดีและเคร่งครัดในการติดตามผลมาก
ใช้นักวิจัยหลายคนและทำต่างหน้าที่กัน นำผบมาตรวจสอบความถูกต้องซึ่งกันและกัน และสรุปรวบยอดด้วยความเห็นรวมของทุกคน
วัดผลอัตราตายวัดจากข้อมูลการตายของการสำรวจเชิงประชากรของสหรัฐในแต่ละปีว่ากลุ่มที่ศึกษาตายหรือยัง สาเหตุก็ใช้รหัสโรค ICD8 และ ICD9 ตามเวลาตามยุค จึงอาจมี lenghtime bias ได้ ความถูกต้องของข้อมูลอยู่ที่ 98%
ส่วนผลการศึกษาเรื่องอาหารนั้น จะใช้การให้คะแนนการกินอาหารที่เรียกว่า alternate healthy eating index score สิบเอ็ดชนิดอาหารคะแนน 0 คือแย่สุด (ไม่กิน ไม่สม่ำเสมอ) คะแนนสิบคือดีสุด (กินตลอดสม่ำเสมอดี) และอาหารชนิดที่สองคือ alternate mediterenean diet เก้าชนิดชนิดละสองแต้ม และสุดท้ายคือ อาหาร DASH สำหรับผู้ป่วยความดัน แปดชนิดๆละห้าแต้ม
คะแนนรวมยิ่งสูงยิ่งเป็นรูปแบบการกินที่ดี คะแนนน้อยคือรูปแบบไม่ดี ประเมินคะแนนโดยใช้แบบสอบถาม ทุกๆสี่ปี ..อันนี้คือข้อบกพร่องนะครับ ยิ่งทำบ่อยข้อมูลยิ่งแปรปรวนและข้อมูลจากการสอบถามอาจไม่ตรงกับความจริงนักที่เรียกว่า recall bias
ประเมินแยกย่อยตามเพศ อายุ โรคร่วม ความเสี่ยง แอลกอฮอล์ที่ใช้
นำข้อมูลมาคำนวนโดยใช้ quartile (เพราะการกระจายข้อมูลไม่ปกติ เบี้ยวมาทางเป็นผลดีเสียมาก) และใช้ Proprotional Cox Model มาลดความแปรปรวนเรื่องของเวลา
ผลออกมาว่า ได้กลุ่มคนมาคำนวนจากกลุ่ม nurse เสียชีวิต 5967 ราย HPFS 3979 ราย สาเหตุการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดกับโรคมะเร็งสัดส่วนพอๆกัน ผลการทดลองออกมาว่า ในการคิดคะแนนอาหารทั้งสามแบบนั้นพวกที่ยอมเปลี่ยนแปลง คือคะแนนขยับขึ้น 13-33% เทียบกับพวกที่แย่และไม่ยอมเปลี่ยนแปลง คะแนนการเปลี่ยนแปลงแค่ 0-3% อัตราการเสียชีวิตของกลุ่มที่ยอมเปลี่ยนมากินอาหารที่ดีขึ้น "ต่ำกว่า" กลุ่มที่ไม่เปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในทุกๆแบบ ลดลง 9-16% (ไม่มากนักแต่ก็ลดจริง) และถ้าเราคิดในทางตรงข้าม พวกที่ไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมและรูปแบบการกิน อัตราการเสียชีวิตสูงกว่าปรกติถึง 12%
และถ้าปรับปรุงขยับคะแนนอาหารให้ดีขึ้นมา 20 percentile ลดอัตราการเสียชีวิตลงไป 15%
ในคนที่เริ่มด้วยคะแนนไม่ดีแต่ปรับปรุงจนคะแนนดีขึ้นในสิบสองปีก็มีอัตราการเสียชีวิตลดลง และในกลุ่มที่คะแนนรูปแบบการกินสูงอย้างต่อเนื่อง อัตราการเสียชีวิตโดยรวมลดลงและอัตราการเสียชีวิตจากหัวใจลดลงกว่าอัตราการเสียชีวิตปรกติ 9-14% มีผลกับทุกๆรูปแบบอาหาร (อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งก็ลดลงแต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ)
และยิ่งเคร่งครัดต่อเนื่องนาน ยิ่งมีประโยชน์ในแง่อัตราการเสียชีวิตโดยรวมและอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ คือยิ่งลดลง เช่นจาก Healthy Eating Index ที่แปดปี 11% ที่สิบหกปีคือ 26% ทั้งๆที่อายุเพิ่มขึ้นนะ !! ส่วนอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งไม่ค่อยลดลง
และการวิเคราะห์แบบกลุ่มแยกย่อยต่างๆนั้นผลก็ออกมาในทางเดียวกันทั้งหมด
สรุปจากการศึกษานี้
1. การกินอาหารตามมาตรฐานแนะนำ มีประโยชน์อย่างชัดเจน ในการลดอัตราการเสียชีวิตโดยรวมและหัวใจและหลอดเลือด ส่วนโรคมะเร็งไม่ชัดเจนเท่า
2. การปรับปรุงพัฒนารูปแบบการกินแม้ว่าตอนแรกจะรูปแบบไม่ดี เมื่อปรับปรุงแล้วก็ลดอัตราตายได้เช่นกัน
3. ยิ่งเคร่งครัดต่อเนื่อง ยิ่งแสดงให้เห็นประโยชน์ของการควบคุมรูปแบบอาหารในการลดอัตราตาย
4. แม้เวลาผ่านไปและอายุเพิ่มขึ้น การปรับปรุงและเคร่งครัดเรื่องรูปแบบอาหารก็ยังมีประโยชน์อย่างชัดเจน
5. ไม่มีอาหารอันใดอันหนึ่งที่มีประโยชน์ลดอัตราเสียชีวิตชัดเจน แต่เป็นรูปแบบโดยรวมของอาหารที่ผสมได้สัดส่วนและลงตัว
6. แม้ว่าเป็นการศึกษาแบบ observation ทำในกลุ่มคนรักสุขภาพ ชาวอเมริกันเกือบทั้งหมดและมีความเอียง มีตัวแปรมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เราเห็นว่า การกินอาหารที่มีประโยชน์มีหลักฐานเชิงประจักษ์จริงว่า ลดอัตราการตายได้จริง
7. อย่าลืมว่า การศึกษานี้ทำในคนปกติไม่มีโรคนะครับ และการจัดหาอาหารดังกล่าว ราคาไม่ถูกครับ
รักทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น