09 กรกฎาคม 2560

MG the series

วันหยุดยาว เรามาไร้สาระกับนิยายเรื่องยาวกัน
ที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง
เลสแตรงก์ สายลับนอกแถวกำลังจะนำระเบิดอาวุธชีวภาพขนาดใหญ่ไประเบิดในเมืองหลวง เธอกำลังรอกระเป๋าใส่รหัสที่นัดกันกับสายลับเพ็ตติกรูว์นำมาให้ก่อนรถไฟจะออก รถไฟขบวนนี้เป็นขบวนด่วนสุดหรูวิ่งยาวหกชั่วโมงไปจนถึงเมืองหลวงโดยไม่หยุดพัก ขณะที่เธอกำลังเปิดกระเป๋าหนังเพื่อรับประทานยาประจำตัว เธอก็เห็นเพตติกรูว์วิ่งมาอย่างเร็ว เธอยังไม่ได้กินยา
"แลสแตรงก์ สลับกระเป๋าเร็ว หลอกล่อพวกเอฟบีไอ แยกกันคนละทาง นี่คือรหัส มีอันเดียว ไม่มีสำเนา เธอคือความหวังของปฏิบัติการนี้ ขอให้โชคดี วิ่ง..."
สิ้นเสียงเพตติกรูว์ เธอสลับกระเป๋าแล้ววิ่งขึ้นรถไฟ เป็นเวลาที่รถไฟกำลังออกพอดี...
เฮอร์ไมโอนี่ รอน และแฮรรี่ ติดตามแผนนี้มาตลอดและพยายามที่จะหยุดยั้ง ทั้งสามติดตามเพตติกรูว์มาตั้งแต่มันออกจากที่พักจนมันรู้ตัว
เฮอร์ไมโอนี่สั่งการ "มันวางแผนไปทางรถไฟอย่างที่คิดไว้ แต่เจ้าเพตติกรูว์มันวิ่งออกไป จ่าแฮรรี่ตามเพตติกรูว์ เอากระเป๋ารหัสมาให้ได้ ส่วนผู้กองรอน ตามฉันไปบนรถไฟ เราต้องไปหยุดระเบิด"
...รับทราบ...แล้วแยกย้ายตามคำสั่งเฮอร์ไมโอนี่
จ่าแฮรรี่ตามเพตติกรูว์ไป เพตติกรูว์วิ่งหนีกำลังจะขึ้นรถหนีไป เพตติกรูว์หันกลับมา ยิงปืนหวังสกัดแฮรรี่ แฮรรี่..ซึ่งอนิจจาไม่ใช่แฮรรี่ พ็อตเตอร์ คว้าแมกนั่ม เล็ง ...ปัง..จอดสนิท ...เดอตี้ แฮร์รี่ !! เดินเข้าไปสำรวจ กระเป๋า ...
..
อ้าว ว่างเปล่า มีแต่ยาสามชนิด แสดงว่าพวกมันส่งรหัสขึ้นรถไฟแล้วสิเนี่ย
จ่าแฮรรี่ คว้ากระเป๋าโทรศัพท์ติดต่อแล็บกลาง เตรียมให้เจ้าหน้าที่ CSI หาหลักฐานเพิ่มจากยานั้น และที่แล็บ เจ้าหน้าที่แพนด้ากำลังสแตนด์บายรออยู่
ตัดมาที่บนรถไฟ เฮอร์ไมโอนี่ผู้พันสาว เก่ง แกร่ง ฉลาด เธอเป็นมือหนึ่งของเอฟบีไอ การก้าวมาถึงขั้นนี้ไม่ใช่ด้วยโชค เธอฝึกอย่างหนักหน่วงและงานนี้เธอทุ่มสุดตัว หลังจากที่เซดริก ดิกเกอรรี่ ชายที่เธอหลงรักถูกองค์กรนี้สังหาร เธอต้องหยุดยั้งอาวุธชีวภาพนี้ให้ได้
"รอน คนร้ายพร้อมรหัสและระเบิดต้องอยู่บนรถขบวนนี้แน่ๆ เราต้องไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้าระเบิดขึ้นมา คนบนรถนี้ตายหมด แถมรถไฟจะกลายเป็นขีปนาวุธชีวภาพเคลื่อนที่ไปเลย"
รอน..ชายหนุ่มลึกลับ เพิ่งเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ได้ไม่นาน แต่ด้วยฝีมือระดับพระกาฬทำให้ได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญๆหลายครั้ง โด่งดังสุดตอนที่สังหาร เจมส์บอนด์และเจสัน บอร์นได้ งานนี้เขาขออาสาเข้ามาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้
"หัวหน้า เราเหลือปืนยาสลบแค่หนึ่งนัด ถ้าเราใช้ปืนจริงคนจะแตกตื่น และถ้าลูกหลงไปโดนระเบิดจะอันตราย ทำอย่างไรดี"
"เราคงต้องรอข้อมูลจากแฮรรี่ ระหว่างนี้เราเดินสำรวจไปก่อน ข้อมูลสุดท้ายที่เราได้คือ รหัสนี้ได้มาจากฝรั่งเศส หวังว่าความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศสของคุณอาจจะช่วยเราได้ และข้อมูลจากนายสถานีบอกว่า คนที่เพิ่งวิ่งถือกระเป๋าขึ้นมาบนรถสวมเสื้อโค้ทสีดำ"
เฮอร์ไมโอนี่บอกด้วยสำเนียงกังวล
...และเรามีเวลาแค่หกชั่วโมงเท่านั้นก่อนที่รถไฟจะหยุด...
หลังจากเดินสำรวจ โดยทั้งคู่ขอความร่วมมือจากพนักงานรถไฟ ปลอมตัวเป็นพนักงานเสริฟอาหาร จึงได้โอกาสเดินไปทั่วรถทั้งหกตู้โดยสารที่เป็นตู้หรู ที่นั่งอย่างดี ผู้โดยสารส่วนมากเป็นผู้มีอันจะกิน ราคาตั๋วแพงมาก แต่ก็แลกด้วยความเร็วระดับสุดยอดและการบริการไร้ที่ติ
ผ่านไปสี่ชั่วโมงครึ่ง ทั้งสองได้สำรวจตำแหน่งของผู้ต้องสงสัยใส่โค้ทดำเรียบร้อย
"หัวหน้า มีคนที่ใส่เสื้อโค้ทสีดำทั้งสิ้นหกคน นั่งอยู่ต่างตู้กัน เราไม่สามารถจัดการได้พร้อมๆกันแน่ถ้าไม่ระบุคนที่ชัดเจน และนี่ใกล้จะหมดเวลาแล้วด้วย"
"ใจเย็นผู้กอง ผู้กองเตรียมกระสุนยาสลบเอาไว้ให้พร้อม เมื่อฉันใช้สัญญาณให้ยิงไปที่หลอดเลือดแดงที่คอ อย่าให้พลาด เรารอข้อมูลจากแฮรรี่อยู่" เฮอร์ไมโอนี่สั่ง
บทสนทนาทั้งคู่ ไม่ได้เล็ดรอดการสังเกตของชายคนหนึ่งเลย....
แล้วโทรศัพท์ของเฮอร์ไมโอนี่ก็ดังขึ้น
กริ๊งๆๆๆ... "ครับ ผมแฮรรี่ครับ ขอแจ้งว่าสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าคือยาครับ !!! อยู่ครบเม็ดตามฉลากที่จ่าย แสดงว่าคนร้ายยังไม่ได้กินครับ ยาสามตัวที่ทราบคือ pyridostigmine, prednisolone และ azathioprene"
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม...เจ้าหน้าที่รอน ..โชคเข้าข้างเราแล้ว ความจริงมีหนึ่งเดียวและเราจะไปหากัน ขอรับรองด้วยเกียรติของคุณปู่ของฉันเป็นเดิมพัน
ติดตามต่อไปว่าเฮอร์ไมโอนี่คนเก่ง จะจัดการอย่างไร

ติดตามตอนที่สอง..
"ด้วยข้อมูลแค่นี้เองนะหัวหน้า เราจะหาพบหรือ เหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวเอง" รอนกังวล
"ไม่ต้องห่วงรอน คุณเตรียมกระสุนให้พร้อม เราจะเดินเสิร์ฟ รอบสุดท้าย" เฮอรไมโอนียิ้ม ...อย่างแรกนะรอน ยาสามตัวนี้เป็นยาใช้รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมัยแอสธีเนีย (myasthenia gravis) โดย pyridostigmine จะทำให้การกระตุ้นกล้ามเนื้อของสารสื่อประสาทนานขึ้นจึงมีเรี่ยวแรงกลับมาเหมือนเดิม ส่วน prednisolone ใช้ต้านการอักเสบจากโรคนี้ และ azathioprene ใช้กดภูมิคุ้มกันในกรณีโรคเป็นมาก แสดงว่าผู้ร้ายของเรา เป็นผู้ป่วยโรคมัยแอสธีเนียที่อาการรุนแรงเลยล่ะ...
ทั้งสองเดินไปที่ชายสวมเสื้อโค้ทรายแรก เฮอร์ไมโอนี่บอกรอนเบาๆ ..คนร้ายไม่ได้ใช้ยาเลยตลอดเกือบหกชั่วโมงที่ขึ้นรถมา แสดงว่าตอนนี้ สารสื่อประสาทในตัวน่าจะล้าเต็มที คนร้ายของเราต้องมีอาการที่ชัดเจน อาการที่มักพบคือ..หนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น
"ชาร้อน ของคุณค่ะ คุณผู้ชาย"
ชายคนนั้นทำหน้าฉงน เลิกคิ้ว ถามด้วยเสียงชัดเจนว่า ..ผมไม่ได้สั่งนี่ครับ..
"ไม่เป็นไร อภินันทนาการค่ะ"
...ตัวเลือกเราเหลือแค่..ห้าคน เดินต่อไปรอน
ทั้งคู่กำลังเดินไปถึงหญิงสาวคนที่สอง เธอนั่งเงยหน้าหลับตา เอาผ้าปิดตา .. เฮอร์ไมโอนี่บอกว่า อาจจะเป็นคนนี้ได้นะ เพราะโรคนี้ถ้าเอาความเย็นประคบกล้ามเนื้อที่เปลือกตาจะมีแรงขึ้น เรียกการทดสอบโรคนี้ว่า ice pack test ..
"คุณผู้หญิงต้องการผ้าเย็นอีกไหมคะ ?"
สาวสวยหน้าคม หยิบผ้าขึ้น ยิ้มแล้วตอบว่า ไม่ใช่ผ้าเย็นค่ะ ดิฉันขอผ้าอุ่นๆ ทำแบบนี้แล้วสบายดีมาก"
"ได้ครับ นี่ครับ" รอนยื่นผ้าหอมๆอุ่นๆ กลิ่นลาเวนเดอร์ให้หญิงสาว
...ตัวเลือกเราเหลือแค่..สี่คน..เดินต่อไปรอน
ทั้งคู่เดินผ่านตู้โดยสารอีกสองตู้เพื่อไปหาชายในชุดเสื้อโค้ทดำ
รอนเริ่มสงสัย ..แล้วเราคุยกับเขาไปเรื่อยๆแบบนี้จะทราบหรือครับ หัวหน้า
"รู้สิ เพราะผู้ป่วยโรคนี้นอกจากหนังตาตก เห็นภาพซ้อนเพราะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อีกกล้ามเนื้อที่จะอ่อนแรงคือ ริมฝีปาก และกล้ามเนื้อคอหอย อาจมีเสียงขึ้นจมูก พูดไม่ชัด กลืนติด คนที่ตอบเราแบบอู้อี้ ตาปรือๆ น่าจะเป็นไปได้"
ถึงชายใส่เสื้อโค้ทพอดี ชายคนนี้สวมหน้ากากอนามัย นั่งอ่านหนังสือ
"รับอะไรเพิ่มไหมคะท่าน ?"
ชายคนนั้นพูดเสียงอู้อี้ ขยี้ตา...รอนกำปืนยาสลบในมือแน่น
"ไม่เอาล่ะครับ เป็นหวัด ไม่อยากกินอะไร แต่ถ้าเป็นเอ่อ..." ชายหนุ่มยักคิ้ว ทำตาหวาน กระพริบตาให้รอน..รอนสะดุ้งเฮือก
"เราไปกันเถอะหัวหน้า คนนี้ไม่ใช่แน่ๆ" รอนรีบจ้ำอ้าวออกไป เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะคิก
ตัวเลือกเราเหลือแค่สามคน..และรถไฟเริ่มเข้าสู่เมือง เหลือเวลาอีก 15 นาที !!
ที่ตู้โดยสารสุดท้าย รอนและเฮอร์ไมโอนี่ เดินช้าๆไปที่เก้าอี้ท้ายสุด มีชายคนหนึ่งใส่เสื้อโค้ทดำ ใส่แว่นดำ นั่งเก้าอี้ติดกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนหลับอยู่ใส่โค้ทดำเช่นกัน เก้าอี้ตัวด้านหลังหญิงชายเป็นชายชราคนหนึ่งใส่โค้ทดำเช่นกัน
"รอน เวลาเราเหลือน้อยแล้ว ฉันจะเข้าไปถามคำถามทดสอบเล็กน้อย เธอเล็งไปที่ผู้หญิงคนนั้นไว้นะ ตามอุบัติการณ์โรคนี้เกิดกับสุภาพสตรีมากกว่า เราต้องเสี่ยงแล้ว"
พูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้าไปถามสุภาพสตรีว่า "ชากลีบกุหลาบที่คุณสั่งได้แล้วนะคะ จะใส่ถ้วยแบบทานนี่หรือกลับบ้านคะ"
แต่สุภาพสตรีรายนั้นยังนิ่ง หายใจเบาๆ ปากขยับเล็กน้อย เหมือนหลับ เฮอร์ไมโอนี่จึงถามซ้ำอีกครั้ง แต่สุภาพสตรีก็ยังนิ่ง
ชายหนุ่มที่นั่งด้านข้าง ถามสุภาพสตรีเป็นภาษาฝรั่งเศส...คุณผู้หญิงครับ ไม่ทราบว่าจะรับชากลับไหม" เฮอร์ไมโอนี่หันไปถามรอน ซึ่งรอนนั้นพูดภาษาต่างประเทศได้หลายภาษา
"เขาถามว่าจะรับชากลับไหม หัวหน้าครับตามแฟ้มข้อมูล รหัสเป็นภาษาฝรั่งเศส ในกลุ่มคนไม่กี่คนที่เราสงสัย เขาพูดภาษาฝรั่งเศส ต้องเป็นไอ้หมอนี่แน่นอน !!"
เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ผ้าพันคอของหญิงคนนั้น เห็นอะไรบางอย่าง แล้วตัดสินใจทันที
...จัดการเดี๋ยวนี้รอน..ยิงเธอ !!"
ฟิ้ววว ปุกกก กระสุนยาสลบที่แรงที่สุดในโลกสกัดจากสารง่วงจากตัวหมอแล็บแพนด้า ทำให้เธอสลบทันที
ตอนจบจะเป็นอย่างไร..ติดตามต่อไป

ตอนที่สาม
เฮอร์ไมโอนี่และรอน เข้าไปพยุงสุภาพสตรีออกมา เธอหายใจแผ่ว พร้อมๆกับหน่วยสนับสนุนที่ขึ้นมาบนรถ จ่าแฮรรี่ที่นั่งคอปเตอร์มาล่วงหน้าก็ขึ้นมาด้วย
"จ่า เตรียมรถพยาบาล เราต้องพาเธอไปโรงพยาบาลด่วนเลย เธอกำลังแย่เพราะไม่ได้กินยา การหายใจจะล้มเหลว" เฮอร์ไมโอนีตระโกนสั่ง
เฮอร์ไมโอนี่ ดึงผ้าพันคอของแลสแตรงก์ออก เปิดเสื้อโค้ท ก็เห็นรอยผ่าตัดเป็นแนวยาวกลางหน้าอกระหว่างทรวงอกขาวสล้างขนาด 35B และกระเป๋าหนังแบบสะพายใต้เสื้อโค้ทนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมองหน้าอกตัวเองแล้วถอนหายใจ..เฮ้อ..เธอปิดเสื้อโค้ท หันไปบอกรอนว่า
"ยืนยัน น่าจะใช่ ถูกตัวแล้วล่ะ ที่เธอไม่พูดไม่ใช่ว่าฟังเราไม่ออก แต่ว่าเธออ่อนแรงมาก กล้มเนื้อคอไม่มีแรงเลย และแผลผ่าตัดที่หน้าอกนี่น่าจะเป็นแผลผ่าตัด thymectomy ตัดต่อมไทมัสออก เพราะผู้ป่วยที่อาการรุนแรงคุมไม่ได้ ใช้ยาอย่างเดียวไม่อยู่ คงต้องตัดไทมัส ต่อมที่ใช้ในการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิดปกตินี้ และนี่กระเป๋ารหัส ยังไม่ระเบิด..ปลอดภัย"
รอนและแฮรรี่ ตะลึงกับความสามารถของหัวหน้าของตัว ด้วยเบาะแสเพียงแค่นี้ เธอสามารถระบุตัวคนร้ายและช่วยโลกได้ ไม่น่าแปลกใจที่ผอ.ดัมเบิ้ลดอร์ ให้เธอเป็นหัวหน้าตั้งแต่อายุน้อยๆ
เฮอร์ไมโอนี่ เดินกลับพร้อมคิดในใจ ...คิดถึงคุณนะ...เซดริก ฉันแก้แค้นให้คุณได้แล้ว
ที่ร้านกาแฟของสถานี
ชายหนุ่มสวมเสื้อโค้ทดำนั่งดื่มกาแฟพร้อมจัดการกองเอกสารบนโต๊ะ ในร้านมีคนอยู่แค่สามคน ใกล้เวลาปิดร้านแล้ว ชายชราที่สวมเสื้อโค้ทดำบนรถไฟคนนั้นลุกขึ้นเดินมาจากโต๊ะสุดท้าย มานั่งข้างๆชายหนุ่ม
"สวัสดี ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร แต่คุณอย่าคิดว่า สิ่งที่คุณทำประสบความสำเร็จ"
ชายหนุ่มยิ้ม..ละมือจากกองเอกสารตรงหน้า
ชายชรากล่าวต่อ "คุณเพิ่งขึ้นมาบนรถ ไม่เคยรู้จักสุภาพสตรีรายนั้นมาก่อน แต่คุณกลับทักทายเธอเป็นภาษาฝรั่งเศส แสดงว่าคุณทราบว่าเธอพูดฝรั่งเศสอยู่แล้ว และสิ่งที่มายืนยันความคิดผม คือกองเอกสารนี่พร้อมกับพจนานุกรมภาษาฝรั่งเศส ที่ไม่ได้หาซื้อแถวนี้ได้ หรือไม่ได้พกพาโดยบังเอิญ แสดงว่าคุณเตรียมมาแปลเอกสารเหล่านี้ มาถอดรหัสเอกสารเหล่านี้"
ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยมเกรียม..แล้วตอบกลับ.. คุณลุง เก่งมากทีเดียว คุณลุงจะมาจากหน่วยงานไหนไม่สำคัญ คุณลุงจับผมไม่ได้หรอก"
ชายชรายิ้ม..ผมไม่ได้มาจับคุณ อาวุธชีวภาพนั้นเป็นกล่องโลหะขนาดใหญ่ หนัก เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คุณสุภาพสตรีที่มีโรคประจำตัวแบบนั้นถือเอง แสดงว่าในรถต้องมีขบวนการอยู่ด้วย และพวกคุณนัดพบและส่งมอบรหัสกับเงินบนรถไฟนั่นเอง น่าจะมีเครื่องหมายเรื่องโค้ทดำ เพราะคุณเองตอนขึ้นรถก็มองผมด้วยความสงสัยหลายครั้ง
และหน่วยเอฟบีไอสองคนนั่น ก็ฉลาดเป็นกรด สามารถดึงตัวคนสร้างรหัสไปได้ คุณจึงต้องมานั่งถอดรหัสเองแต่สิ่งที่เอฟบีไอเหล่านั้น ลืมไปคือ รหัสสร้างมาเพื่อจุดชนวนระเบิด แล้วระเบิดอยู่ที่ไหน
ผมเดาว่าอยู่ในกระเป๋าเอกสารข้างๆคุณ คุณคงไม่ปล่อยห่างตัว เอฟบีไอคิดว่าถ้านำรหัสออกไปได้ระเบิดก็จะไม่ทำงาน แต่เขาคิดไม่ถึงว่า สุภาพสตรีรายนั้นไม่ใช่มือระเบิด เธอแค่มาขายรหัสกับคุณ
ชายหนุ่มรู้สึกตะลึง..แล้วอย่างไรคุณลุง ตอนนี้ผมได้รหัส ตอนนี้ผมได้ระเบิด ผมมีอำนาจต่อรองที่จะจุดระเบิดเมื่อไรก็ได้ คุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองกับผมได้นะ..เขาพูดอย่างมีชัยชนะ
ชายชราลุกขึ้น..แต่สิ่งหนึ่งที่คุณประเมินผิด คือ คุณไม่ทราบว่ามีผมอยู่ด้วย จริงๆผมตั้งใจจะจัดการคุณทั้งสองจึงซื้อตั๋วด้านหลังคุณ บังเอิญว่าเอฟบีไอมาพบเสียก่อน แต่ไม่เป็นไร เพราะวิธีที่ผมคาดว่าจะใช้จัดการคุณบนรถกับขณะนี้ก็เป็นวิธีเดียวกัน
ชายชราเดินไปช้าๆ สักพักก็หันกลับมา บอกกับชายหนุ่มว่า
"มันคือกาแฟผสมยาพิษ"
สิ้นเสียงพูด ชายหนุ่มก็ฟุบลง หมดลมหายใจในทันที ...
ชายชราเดินออกมา ดึงหน้ากากออก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา...ถึงหน่วยเหนือ ชะล้อ ฮวง ปฏิบัติหน้าที่สำเร็จ ส่งหน่วยเก็บกวาดมาด้วย แค่นี้ เลิกกัน..
ตึงตึ่งตึงตึ๊งตึ่ง..เพลงมิสชั่นอิมพอสสิเบิ้ลขึ้นมา แล้วเดินจากไปอย่างเท่ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น