13 กรกฎาคม 2560

HNB

ในรอบสิบปีที่ผ่านมา สถานการณ์การสูบบุหรี่ของโลกเปลี่ยนไปมาก ข้อมูลในเรื่องของอันตรายจากบุหรี่เข้าถึงผู้คนทั่วไปและเยาวชนได้แพร่หลาย การบริโภคยาสูบลดลงจากข้อมูลอันตรายจากควันบุหรี่ รวมทั้งกำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้น บุหรี่จากใบยาสูบลดลงทั้งโลก หมายความว่า...เราจะหยุดพูดเรื่องบุหรี่หรือไม่..คำตอบคือไม่
วิวัฒนาการของบุหรี่ก้าวต่อไปที่อุปกรณ์นำส่งนิโคตินแบบสูด หรือบุหรี่ไฟฟ้า ที่เราต้องดูว่าแม้ควันจากการเผาไหม้ของบุหรี่ไฟฟ้าน้อยกว่าบุหรี่ปกติมาก แต่ว่าปริมาณนิโคติน สารเผาไหม้ตัวอื่นก็ยังปรากฏอยู่ และยังคงต้องรอข้อมูลต่อไปว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะส่งผลต่อสุขภาพและอัตราการเกิดโรคจากบุหรี่และอัตราการเสียชีวิตอย่างไร
การเลิกบุหรี่...ในแง่การเลิกนิโคติน ยังคงต้องทำต่อไป เพราะอย่าลืมว่าเราต้องเลิกทั้งควันและนิโคติน
ต่อมาก็มีการพัฒนายาสูบต่อไป โดยใช้ใบยาสูบและอุปกรณ์สูบที่สามารถควบคุมการเผาไหม้ได้ คือควบคุมอุณหภูมิจุดเผาไหม้ไม่ให้สูงเหมือนการจุดบุหรี่หรือยาเส้น หวังผลว่า ***สารพิษต่างๆหรือ สารประกอบที่เราพิสูจน์แล้วว่าเป็นพิษจากบุหรี่มวนจะลดลงในผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใหม่นี้*** จำประโยคนี้ให้ดี นี่คือกุญแจ
ต้องออกแบบมวนยาใหม่ ต้องออกแบบตัวจุดใหม่ เพื่อรับรองว่าควบคุมได้ และมีการศึกษาไอระเหยที่ออกมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ทั้งไอระเหยที่ออกมาจากตัวผู้สูบ ไอระเหยที่ออกมาในสิ่งแวดล้อม ว่าสารพิษและสารประกอบต่างๆน้อยกว่าหรือไม่ สักสองเดือนก่อนวารสาร JAMA ก็ได้ลงบทความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้โดยใช้ข้อมูลทั้งจากวารสารของบริษัทผู้ผลิต (เขาทำ research and development เอง) และข้อมูลจากแหล่งที่อื่น
ซึ่งจริงๆแล้วในทะเลข้อมูลมหาศาลนั้นมีข้อมูลที่แต่ละคนต่างทำออกมา โดยใช้ระเบียบขั้นตอนการวิจัยของตัวเอง วิธีวัดคนละอย่าง ศึกษาในกลุ่มที่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ตัวเปรียบเทียบที่เป็นบุหรี่มวนก็ไม่เหมือนกัน คนละแบบคนละบริษัท ขณะนี้ยังไม่มีการทำการรวบรวมงานวิจัยเอามาวิเคราะห์ด้วยมาตรฐานอันเดียวกัน ที่เรียกว่า systematic review ที่จะมาสรุปข้อมูลที่กระจัดกระจายนี้เข้าด้วยกัน
ตอนนี้จึงยังเอาข้อมูลแต่ละชิ้นมาเปรียบเทียบกัน ตรงๆทื่อๆ ไม่ได้นะครับ
ผลการวิจัยในหลายๆวารสารออกมาว่า เจ้าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มีไอระเหย มีสารประกอบที่เราพิสูจน์ได้ ณ ปัจจุบันว่าเป็นพิษกับคน (ซึ่งอยู่ในบุหรี่มวน) น้อยกว่าบุหรี่มวนเมื่อสูบด้วยปริมาณยาสูบที่เท่าๆกัน ไอระเหยที่ออกมาสู่สิ่งแวดล้อม สารประกอบที่ออกมาสู่สิ่งแวดล้อมที่อาจเป็นอันตรายกับผู้อื่น น้อยกว่าบุหรี่มวนมากๆ (แต่บางอย่างก็ยังสูงกว่าอากาศปกติ) ในการศึกษาทดลองด้วยคนที่สูบ ในห้องและสถานการณ์จำลองต่างๆ ...ครับบอกได้แค่นี้
**ปริมาณนิโคตินที่ออกมาและได้รับพอๆกันกับบุหรี่มวน ข้อมูลตอนนี้ไม่สามารถบอกได้ว่ามัน "ปลอดภัย" ไปกว่าบุหรี่มวน เพราะว่ายังไม่มีข้อมูลระยะยาวที่ออกมาเพื่อเจตนาดูอัตราการเกิดโรคหรืออัตราการเสียชีวิต**
ในทางปฏิบัติอาจจะทำการทดลองทางการแพทย์ได้ยาก เช่น นำคนมาสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งสูบบุหรี่จริง อีกกลุ่มหนึ่งให้สูบผลิตภัณฑ์แบบใหม่แล้วเทียบดูอัตราการเสียชีวิต หรืออัตราการเกิดโรค ....อันนี้ทำไม่ได้เพราะผิดจริยธรรม (เราควรให้เขาเลิกมากกว่า) รูปแบบที่ทำได้คงจะเป็นรูปแบบการติดตามไปข้างหน้า โดยจัดกลุ่มย่อยต่างๆ เฝ้าติดตามผลและใช้กระบวนการทางสถิติลดความแปรปรวนและอคติให้มากที่สุด
แต่ว่า ก็ยังมีนิโคตินนะครับ และอาจจะมีสารประกอบ..ที่เรายังไม่ทราบผลออกมา...ซึ่งคงต้องรอต่อไปครับ ทางผู้ผลิตและผู้วิจัยบอกว่าให้เป็นทางเลือกกับผู้ที่พยายามเลิกแต่ทำไม่ได้จริงๆ อาจมีสิ่งนี้เป็นทางเลือก (คล้ายๆหลักการของบุหรี่ไฟฟ้า) และอนาคตเราอาจต้องมาสนใจผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบสารเผาไหม้น้อยแบบนี้มากขึ้น เนื่องจากยาสูบแบบเดิมคงจะลดลง เราต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกของบุหรี่ด้วย
และไม่ว่าจะมีผลิตภัณฑ์แบบไหนออกมา กระบวนการเลิกบุหรี่ยังคงต้องเดินต่อไปอยู่ดีครับ และผมก็ยังยืนยันว่า การไม่สูบ คือวิธีที่ดีที่สุด เราต้องพัฒนาคลินิกเลิกบุหรี่ให้ทรงประสิทธิภาพมากกว่านี้ (แปลกที่ประเด็นนี้มีคนพูดถึงน้อยมากเลย) ยาเลิกบุหรี่ การติดตามผู้ป่วย การเข้าถึงคลินิกเลิกบุหรี่ การจัดสรรทรัพยากรในการเลิกบุหรี่อย่างจริงจังกว่านี้ การป้องกันนักสูบหน้าใหม่และเยาวชน
ส่วนคำถามที่ผมได้รับบ่อยๆคือ เขาจะสูบก็ชีวิตเขา...ปล่อยเขา แต่จริงๆแล้วเวลาที่ป่วยด้วยโรคภัยจากบุหรี่นั้น เราสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างมากมาย ด้วยเงินจากกองทุนต่างๆ หรือเงินส่วนตัวของท่านเอง
การเลิกบุหรี่จึงเป็นหนึ่งในกระบวนการที่คุ้มค่าที่สุดในการรักษา เหมือนกับการออกกำลังกาย เหมือนกับการลดเค็ม ที่ใช้เงินน้อยแต่ผลทางสุขภาพคุ้มค่ามาก ดังนั้น เลิกบุหรี่เข้าพรรษากันเถิดครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น