14 มิถุนายน 2560

นิยาย lincoln signs

ในห้องสตูดิโอภาพถ่ายของหนังสือชื่อดัง
เจนจบ ช่างภาพหนุ่มไฟแรงเพิ่งจบมาจากวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้โอกาสเข้ารับงานถ่ายภาพของหนังสือวารสารผู้ชายชื่อดัง เจนจบพยายามแสดงฝีมือการถ่ายภาพเต็มที่เพื่อให้ผ่านการรับรองช่วงฝึกงาน แต่ว่าวันนี้เขาก็โดน บก. เรียกไปตำหนิเรื่องถ่ายภาพ
"พี่..บก.ด่าผมเละเลย บอกว่าเบสิกถ่ายภาพไม่ดี นางแบบงี้หน้าเบลอไปหมด เฮ้อ..เนี่ยเขามาให้พี่ช่วยรีทัช" เจนจบหัวเสียบ่นกับช่างภาพสมัครเล่นที่รับงานถ่ายภาพมานาน
"ไหน ลองส่งภาพมาสิ พี่ช่วยดูให้" อนิรุทธ์ ช่างภาพสมัครเล่นเป็นฟรีแลนซ์ ว่ากันว่าฝีมือระดับ "เทพ" คนหนึ่งของวงการ ... อือ หน้านางแบบเบลอนิดนึง นี่ปรับไฟในสตูแล้วใช่ไหม มือ เท้า ก็เบลอๆ ที่เอ็งเล็งแต่นมเลยนะ ชัดเดี๊ยะ" อนิรุทธ์แขวะรุ่นน้อง
"อ่าว..หนังสือปลุกใจนี่พี่ จะเน้นอะไรล่ะ เอาเหอะ อีกสองวันผมมารับงานนะ ไปละ หงุดหงิด"
อนิรุทธ์ยิ้ม แล้วเริ่มพิจารณารูป องค์ประกอบดี แสงเงาดี แต่โฟกัสใบหน้า มือและเท้าออกจะเบลอ หรือว่านางแบบไม่นิ่ง ก็ไม่น่านะนี่มืออาชีพทีเดียว
อนิรุทธ์นึกชื่นชมนางแบบคนนี้มาสักพัก วิกานดา เป็นนางแบบที่สวย ผิวสีน้ำผึ้ง หุ่นได้รูปราวกับนางฟ้า ตาคมกริบ เธอรักษาวินัยในอาชีพดีมาก กล้ามท้องเป็นลอนนิดๆ แขนขาสะโพกกระชับ ไหล่และอกแน่น ขับให้รูปร่างเธอดีขึ้นมาก เธอเพิ่งประกาศถ่ายแบบอีกครั้งหลังจากพักหายไปนาน นึกเสียดายเจ้ารุ่นน้องที่ถ่ายภาพไม่ดี แล้วเขาก็พยายามรีทัชรูปนางแบบขวัญใจเขาต่อไป
เดือนต่อมา..เจ้าเจนจบกลับมาพบอนิรุทธ์อีกครั้ง พร้อมกับปัญหาเดิม
"พี่ .. โดนอีกแล้ว บก. บอกว่าเขาจ้างวิกานดามาแพงมาก และงวดนี้ผมก็ยังถ่ายภาพได้เบลอเหมือนเดิม อะไรวะพี่ ผมนี่ตั้งใจสุดๆแล้วนะ กล้องก็ใช้อย่างดี ทีมก็ดี วันก่อนไปถ่ายน้องอรอินทร์ ยังสุดยอดเลย ..พอมาถ่ายวิกานดา เสียอีกแล้ว" เจนจบร่ายยาว พร้อมยกกระป๋องเบียร์ดื่มคราวเดียวหมด
อนิรุทธ์ใจเย็น "ไหนเอามาดูใหม่สิ .. หืมมม คราวนี้ถ่ายเต็มตัวเลย ใส่เดรสยาว หมวกปีกนกด้วย จริงๆด้วยนะ หน้ากับหมวกไม่ชัดเลย " และครั้งนี้อนิรุทธ์เริ่มสังเกตสิ่งที่ออกจะแปลกในวงการนางแบบเซ็กซี่
"พี่ว่าแปลกนะ ไม่ว่าจะโพสต์ท่าไหน ใบหน้าก็ไม่ค่อยชัด เหมือน..เหมือน..เอ่อ มีใครมาปัดโฟกัสใบหน้าออก ดูสิ เท้าก็เป็น ภาพจากคอม จากกล้อง หรือเนี่ย..ลองไปทำโปสเตอร์มาก็เป็น"
อนิรุทธ์นิ่งไป จนเจนจบร้องทัก.."หมายความว่าไงพี่ ?"
"ไม่รู้สิ พี่ลองถามๆ เพื่อนช่างภาพ เขาก็บอกว่า วิกานดาเนี่ยออกจะลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าประวัติเป็นอย่างไร มีเรื่องราวซ่อนอยู่อย่างไร"
"เฮ้ย.. ไม่ใช่ม้าง พี่ดูชัตเตอร์มากไปเปล่า " เจนจบพูดแบบกลัวๆ
"ไม่รู้สิ พี่ผ่านเรื่องแบบนี้มามาก มันก็เป็นไปได้นะ มันก็อาจจะมีบางอย่างตามน้องเขาอยู่ก็ได้ แต่พี่ก็ไม่เชื่อนะถ้าไม่ได้พิสูจน์ เอ่ออ..เอ็งจะไปถ่ายแบบคุณวิกานดาอีกเมื่อไรล่ะ พี่จะตามไปด้วย"
เจนจบยิ้ม...ฮั่นแน่ พี่จะจับผี หรือ จะเคลมคุณวิเขาเนี่ย ...
อนุรุทธ์ ขำเช่นกัน ..เฮ่ย นี่ไม่ใช่สเป๊กพี่ ถ้าจะไปก็บอกพี่นะ พี่จะต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง..
คืนนั้น อนิรุทธ์ลองค้นหาภาพของวิกานดานางแบบสุดสะคราญตา เขาพบว่าระยะหลังนี้เธอเปลี่ยนไป จากที่ชอบนุ่งกระโปรงสั้น มาเป็นเดรสยาวผ่าหน้า จากที่ชอบใส่เสื้อคอวีเว้าลึก มาเป็นชุดรัดรูปคอเสื้อสูงมากเป็นคอเต่าระชับคอระหงของเธอ เสื้อทุกชุดจะเปิดช่องที่อกเผยให้เห็นทรวงอกอวบอิ่มแนบชิด และที่สำคัญเกือบทุกฉบับ ทุกรูปจะโฟกัสที่ทรวงอกที่งดงามของเธอ
อนิรุทธ์รู้สึกแปลกใจ ทำไมระยะหลังถึงเปลี่ยนไป ระยะที่มีข่าวว่าเธอเริ่มปิดเรื่องราวตัวเอง เขาละสายตาจากหน้าจอแมคอินทอช หันไปเปิดเครื่องคอมเก่าๆอีกเครื่อง ค้นหาเรื่องราวของภาพที่เบลอๆและภาพถ่ายในอดีตบางภาพ เป็นภาพขาวดำของบุคคลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง อนิรุทธิ์ยิ้มมุมปาก..สั่งกดพิมพ์ออกมา แล้วปิดเครื่อง นึกในใจว่า ถ้าเราได้เจอเธอสักครั้ง...

บ่ายวันนั้น เจนจบและทีมงานของเขาในสตูดิโอกำลังง่วนกับการถ่ายแบบชุดสุดท้ายของวิกานดา อนิรุทธ์รับอาสาเป็นคนจัดไฟ ซึ่งก็จะใกล้ชิดกับนางแบบมาก ตลอดเวลาอนิรุทธ์จดจ้องคุณวิกานดาไม่ลดละสายตา ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเสน่ห์ ... จนกระทั่งชุดสุดท้ายเป็นชุดราตรีเปิดไหล่ สวมถุงมือยาวประดับเพชร รองเท้าไข่มุกสีดำแวววับ
เจนจบ แอบเห็นว่า อนิรุทธ์จ้องมองวิกานดาอย่างหลงใหล และถ้าเขามองไม่ผิด วิกานดาเองก็จ้องและยิ้มเล็กน้อยให้อนิรุทธ์เช่นกัน !!!
เจนจบแอบกระซิบกับช่างแต่งหน้าเบาๆ ...ดูดิ นังเจี๊ยบ ท่าทางราตรีนี้จะอีกยาว.. นังเจี๊ยบก็จีบปากจีบคอพูด..นั่นสิคุณเจนขา เจี๊ยบนะดูสายตาคุณวิ จ้องพี่รุทธ์ ร้อนแทนเลยฮ่ะ..
วิกานดาเองก็รู้สึกร้อนผ่าว เมื่อเห็นสายตาของอนิรุทธ์จับจ้องที่ลำคอเรียวสวย ขาวเนียน เธอเองก็รู้สึกว่าสายตาอันแสนซุกซนของอนิรุทธ์โลมไล้ลงมาที่หัวไหล่ ลำแขนเรียวงาม และลำขาที่เรียบกระชับ เรียกว่าทำเอาวิกานดาหายใจไม่เป็นจังหวะ ลืมตัวไปชั่วขณะ
"พี่รุทธ์ เอาไฟเข้าด้านหน้านะครับ" เจนจบตะโกนบอก
อนิรุทธ์ ปรับโคมแฟลช ทรุดตัวนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าวิกานดาพอดี เขาบอกว่า "คุณวิครับ แนวสายตาของคุณให้มองมาทางนี้นะครับ" อนุรุทธ์กล่าวพร้อมกับใช้สองนิ้วชี้เข้าที่ตาของเขาเอง วิกานดาทำตามอย่างมืออาชีพ แต่ทว่า..อนิรุทธ์ กลับไม่ทำเช่นนั้น
ของมองลึกลงไปในดวงตาของวิกานดา ดวงตาโตสวย ม่านตาดำสนิท อนิรุทธ์จดจ้องใบหน้าของเธอ จนกระทั่งวิกานดาหน้าแดงและพูดยิ้มๆเบาๆ
"คุณรุทธ์คะ ตกลงให้วิมองทางไหนคะ" อนิรุทธ์สะดุ้งจากสมาธิอันแน่วแน่ เอ่ยคำขอโทษที่เสียมารยาท แล้วเดินกลับไปหาเจนจบ "เจน..คือ.. เดี๋ยวเสร็จแล้ว พี่..เอ่อ พี่จะพาวิกานดาไปส่งเองนะ เจนไม่ต้องห่วง พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ"
อีเจี๊ยบแทรกขึ้นทันที "แหม คุณรุทธ์ค้าาา น้ำมันกับไฟ มันพรึ่บพรั่บนะค้าาาา"
ค่ำวันนั้นหลังจากเจนจบและพรรคพวกเก็บของไป อนิรุทธ์ขับรถนิสสันมาร์ชคันเก่าๆของเขามารอรับวิกานดาที่หน้าสตูดิโอ รอไม่นาน วิกานดาก็เดินออกมาพร้อมน้ำส้มคั้นสองแก้ว ยิ้มให้อนิรุทธ์แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นรถนั่งเคียงข้างพลขับ อนิรุทธ์ยิ้มมุมปากแล้วขับรถออกไป
..
สักพัก
..
อนิรุทธ์เอื้อมมือไปจับข้อมือวิกานดา อย่างแนบแน่นแล้วยกมือวิกานดาขึ้นแล้วบอกว่า "คุณวิกานดาครับ ผมมีเรื่องจะบอก" วิกานดาก้มหน้า ใบหน้าแดงสุกปลั่ง ใจเต้นระรัว ราวกับจะทะลุทรวงอกออกมา
สักพักอนิรุทธ์ก็ล้วงกระเป๋าหยิบภาพถ่ายขาวดำภาพหนึ่งยื่นให้วิกานดาแล้วถามว่า
"คุณวิกานดาพอจำคนในภาพได้ไหมครับ"
วิกานดารับภาพมาพิจารณาสักพัก แล้วก็ตอบว่า "รู้สิคะคุณรุทธ์ ก็คุณรุทธ์เล่นพิมพ์ชื่อและตำแหน่งของท่านมาด้วยข้างล่างนี่นา ทำไมหรือคะ มีอะไรหรือเปล่า" วิกานดาคิดว่า เทคนิคการจีบหญิงของรุทธ์ไม่เบาเลย ตั้งแต่นั่งรถมาเธอใจเต้นระทึกตลอด แล้วนี่เขาจะมาไม้ไหนละนี่ คิดในใจว่าคงไม่เชยเหมือนคนก่อนที่มาจีบเธอ..อีตาแพนด้า
"คุณเอารูปท่านประธานาธิบดี อับราฮัม ลินเคิ่น มาให้ดูทำไมหรือคะ ?" เธอเคยรู้มาว่ามือรีทัชระดับเทพคนนี้สนใจประวัติศาสตร์มาก
"คุณวิลองดูดีๆนะครับ ลองเทียบกับรูปนี้ รูปของคุณวิเอง ลองดูสิ มีบางอย่างที่คล้ายกัน"
คราวนี้วิกานดานิ่งไป เริ่มแปลกใจและพิจารณาสองรูปอยู่พักใหญ่ และตอบกลับไปว่า
"คล้ายอย่างไร คุณหาว่าวิเป็นคนโบราณหรือคะ วิว่าไม่เหมือนกันเลย ที่เหมือนน่ะก็คือต้องโทษช่างภาพทั้งคู่ที่ถ่ายรูปออกมาไม่นิ่งเลย มือเท้าประธานาธิบดีก็เบลอ ช่างภาพของวิ อีตาเจนจบยิ่งแล้วเลยค่ะ มือเท้าก็เบลอ หน้าก็เบลอๆ"
อนิรุทธ์พูดต่อ "นั่นแหละครับ ความเบลอที่แหละที่ผมว่าเหมือน เพราะว่าลินเคิ่นมีโรคบางอย่างครับ ทำให้การถ่ายภาพเขาจะออกมาเบลอ เพราะเท้าเขาจะขยับตามจังหวะชีพจรครับ ทำให้การถ่ายภาพที่เขานั่งไขว่ห้างภาพจะเบลอตลอด และผมคิดว่าคุณเองก็คงคิดแบบนี้ จึงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวมาเป็นกระโปรงทรงเอผ่าหน้า และไขว้เท้าแทนการไขว่ห้างใช่ไหมครับ"
"ใช่ค่ะ วิลองดูภาพที่ใส่กระโปรงยาวแล้วไม่ไขว่ห้างดูสวยกว่า เลยใส่กระโปรงยาวค่ะ"
อนิรุทธ์ยิ้มอย่างใจดี "และนั่นก็คือเหตุผลเดียวกับที่คุณเปลี่ยนมาใส่เสื้อคอจีนใช่ไหมครับ เพราะว่าเวลาคุณเปิดไหล่คุณจะเห็นบางส่วนของร่างกายที่คุณไม่ชอบ"
วิกานดาฉงน ? หนุ่มใหญ่คนนี้รู้ราวกับตาเห็น
"ใช่ค่ะ เพราะถ้าเปลือยไหล่ เส้นเลือดที่คอวิจะเต้นจนสังเกตเห็นได้ค่ะ คิดว่าไม่ค่อยสวยนัก เลยมาใส่เสื้อคอเต่า"
"และท้ายสุดการที่ศีรษะคุณเบลอๆ จนเจ้าเจนต้องมาถ่ายซ่อมหลายครั้ง ก็เพราะว่าศีรษะคุณเองก็เคลื่อนไหวตามจังหวะชีพจรเช่นกันครับ วันนี้ผมจ้องตาคุณหลายครั้งจนสังเกตได้ว่า ศีรษะคุณไม่นิ่งจริงๆ" ...อนิรุทธ์เฉลยทีละปม
"และสุดท้ายที่ผมจับมือคุณเมื่อสักครู่ ชีพจรคุณแรงมากจริงๆ...คุณวิกานดาครับ ผมคิดว่าคุณอาจจะป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วครับ"
วิกานดาหยุดหายใจ เธอทั้งตื่นเต้น ทั้งตกใจ และฉงนสนเท่ห์กับการรุกฆาตของอนิรุทธ์
"เอ่อ...ยังตกใจค่ะคุณรุทธ์ เป็นอย่างนั้นเลยหรือคะ"
"ครับ แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ โรคนี้สามารถแก้ไขรักษาได้ครับ ผมมีนามบัตรคุณหมอมาให้ด้วยครับ เพื่อนผมเอง และนี่บัตรนัดครับ ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้แปดโมงเช้าผมจะมารับที่หน้าคอนโดของคุณวิ ตรงนี้นะครับ "...อนิรุทธ์ยิ้มในใจอย่างผู้มีชัย
วิกานดาก้าวออกจากรถ รู้สึกเหมือนเธอกลับไปอายุสิบสี่อีกครั้ง
สี่ สาม สอง หนึ่ง... เธอหันกลับมา พร้อมจังหวะนับในใจของอนิรุทธ์ ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เย้ายวน บอกว่า
"คุณรุทธ์ ... คะ เอ่อ..ขอบคุณมากนะคะ คุณรุทธ์สนใจดื่มกาแฟคั่วบดพันธุ์แอฟริกาก่อนกลับไหมคะ ?.."

บทส่งท้าย
aortic regurgitation หรือภาวะลิ้นหัวใจเออร์ติกรั่ว หัวใจจะต้องบีบตัวแรงขึ้นมาก เพราะเลือดที่บีบออกจากหัวใจห้องล่างซ้ายออกสู่หลอดเลือดแดงใหญ่ไหลกลับเข้ามา ปริมาณเลือดที่ย้อนกลับมารวมกับเลือดที่ไหลเข้ามาจากหัวใจบนซ้าย ทำให้หัวใจห้องล่างซ้ายต้องเพิ่มแรงบีบมากขึ้น และเลือดก็ย้อนกลับลงมาเพราะลิ้นที่ควรจะปิดมันรั่ว จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์ที่หลอดเลือดมีแรงกระทำสูงมาก จนบางครั้ง "เห็น" ชีพจร หรือ อวัยวะต่างๆสั่นตามชีพจร เพราะเลือดพุ่งออกมาเร็วแรงและลดลงเร็วมากเพราะรั่วกลับ
ที่เรียกว่า "bounding pulse" และเมื่อการรั่วเป็นไปนานๆ หัวใจห้องล่างซ้ายจะหมดแรง หัวใจวายได้ และเป็นนานๆ ก็จะพบลักษณะต่างๆ ที่เราสามารถตรวจได้
Widening of pulse pressure แรงดันเลือดตัวบนกับตัวล่าง ห่างกันมาก
Lincoln- Brooks Sign : ขากระตุกตามชีพจร ตั้งตามการกระตุกของขาท่านอับราฮัม ลินเคิ่น ที่ช่างภาพบรูคส์ สังเกตว่าทำไมโฟกัสไม่ชัดสักที และทำให้คุณวิกานดาเลือกที่จะใส่เดรสยาว ไม่ไขว่ห้าง
De Musset's sign : ศีรษะสั่นไหวตามชีพจร อย่างเช่นคุณวิกานดาของเรา เจนจบจึงไม่สามารถโฟกัสใบหน้าเธอได้ เขาจึงเลือกไปโฟกัสที่อื่นแทน (เดอ มัสเซ่ต์)
Corrigan's sign : หลอดเลือดแดงที่คอเต้นตามจังหวะชีพจร จนเห็นด้วยตา สาเหตุที่คุณวิกานดาต้องสวมเสื้อคอเต่าปิดบังไว้
Watson's water hammer pulse : คือปรากฏการณ์ที่เลือดพุ่งออกมามากและเร็ว แต่ก็ลดฮวบลงเร็วเพราะย้อนกลับที่เดิม หรือเรียกว่า collapsing pulse หรือ Corrigan's pulse คนละอันกับ Corrigan 's sign เมื่อสักครู่นี้นะครับ ทำให้เมื่อยกมือสูงกว่าหัวใจ ชีพจรก็ต้องแรงขึ้น เพื่อส่งเลือด เมื่อชีพจรแรงก็จะยิ่งลดลงเร็วแรง เราจึงพบว่าพอยกมือแล้วชีพจรกระแทกแรงขึ้นตามปรากฏการณ์ค้อนน้ำ ของทาง hydrodynamics และ การจัดวางท่อต่างๆที่ปิดวาล์วน้ำเฉียบพลัน จะเกิดแรงดันสะท้อน เกิดความเสียหายได้
และอาการตรวจพบอื่นเช่น ลิ้นไก่กระดก(Muller's sign) เลือดใต้เล็บฉีดเป็นจังหวะ (Quincke's sign) ฟังได้เสียงฟู่ที่ขาหนีบ( Duroziez's sign) หรือ ความแตกต่างกันของความดันเลือดแดงซิสโตลิกแขนและขาต่างกันเกิน 20 มิลลิเมตรปรอทที่เรีกว่า Hill's sign ถ้าต่างกันเกิน 60 มิลลิเมตรปรอทจะจัดว่าเป็นลิ้นหัวใจรั่วรุนแรง ... เป็นชื่อคนค้นพบนะครับ ต้องเขียนตัวใหญ่ใส่อะโพสโทรฟี่ เอส ด้วย
การตรวจร่างกาย ก็จะได้ยินเสียงฟู่ๆ ของหัวใจอันเกิดจากเลือดไหลวนไม่ไปในทิศที่ควรจะเป็น (turbulence flow) และการตรวจยืนยันด้วยคลื่นสะท้อนความถี่สูง (echocardiography) จะช่วยยืนยันและจัดความรุนแรงได้
สำหรับการรักษา ถ้ามีอาการและรุนแรงก็เป็นการผ่าตัดครับ แต่ถ้าอาการไม่รุนแรงอาจใช้ยาควบคุมอาการและติดตามได้ ในกรณีของท่านประธานาธิบดีลินเคิ่นนั้น เกิดจากความผิดปกติของเส้นใยคอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบของลิ้นหัวใจต่อไปยังโคนของหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา ทำให้มีการโป่งขยายบริเวณนั้น ลิ้นหัวใจจึงไม่ประชิดกัน เรียกโรคของท่านลินเคิ่นว่า Marfan syndrome
เข้าใจแล้วเนอะ ... เรามาดูตอนจบกันดีกว่า
วิกานดาเชื้อเชิญอนิรุทธ์ไปดื่มกาแฟก่อนนอนที่ห้องของเธอ บรรยากาศแสนโรมานซ์ อนิรุทธ์ตอบกลับไปว่า ...ไม่หรอกครับ ขอบคุณมาก ผมไม่ดื่มกาแฟ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ..แล้วก็ขับรถออกไป คิดในใจว่า เป็นฉากลาที่แสนเท่
ส่วนวิกานดา ยืนอึ้งตะลึง งุนงง .... นี่คุณรุทธ์ ..เขาเป็นราชสีห์เชิงสูง หรือ ไก่อ่อนคอพับเนี่ย.. เฮ้อ..แล้วยิ้ม หัวเราะ เดินขึ้นคอนโดหรูไป
จนแล้วจนรอด อนิรุทธ์ก็ไม่ได้ไปกับวิกานดาวันรุ่งขึ้น กลางดึกคืนนั้นเขาได้รับโทรศัพท์มาเรียกขอความช่วยเหลือด่วนจากรัฐบาล และต้องเดินทางไปต่างประเทศในคืนนั้น อนิรุทธ์เสียดายโอกาสที่จะมีแฟนกับเขาสักที แต่ก็จำต้องไป หวังว่าถ้าโอกาสเบื้องหน้ามีจริง เขาและวิกานดาคงได้พบกัน
ส่วนวิกานดาไปพบคุณหมอตามนามบัตรนั้น ได้รับคำแนะนำรักษาจนหายเป็นปรกติ เธอขึ้นถึงตำแหน่ง นางแบบชั้นนำของโลก แต่ในใจยังเฝ้าคิดถึงอนิรุทธ์ตลอดเวลา
...7 ปีต่อมา
วิกานดาแต่งงานมีลูกน่ารัก สามีของเธอชื่ออนิรุทธ์เช่นกัน เป็นดอกเตอร์มีหน้ามีตาในสังคม แต่ว่าออกจะเจ้าชู้นิดๆ และกำลังจะมีบ้านเล็ก เธอว้าวุ่นใจ และคิดถึงคนที่เธอเคยหลงใหล อนิรุทธ์คนนั้น ป่านนี้จะไปอยู่ที่ใด เราจะได้มีโอกาสพบกันอีกไหม...เป็นที่มาของ เมียหลวง ที่กำลังฉายอยู่
ส่วนอนิรุทธ์นั้น เมื่อได้รับคำสั่งลับจากรัฐบาลก็เดินทางคืนนั้นเพื่อที่จะไปจับผู้ร้ายที่วางแผนจะไฮแจ็คเครื่องบินที่ซีเรีย ก่อนออกเดินทาง เขาถอดวิก ถอดหน้ากาก ส่งไปรษณีย์ให้เป็นของที่ระลึกแก่วิกานดา หยิบพาสปอร์ตในชื่อณเดชน์ใส่ในกระเป๋าด้านในของแจ็คเก็ตสีฟ้าเข้ม เผยให้เห็นเสื้อยืดสีขาว ลายสกรีนสีน้ำเงินเข้ม เขียนว่า
.....
"อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว"
และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนการจี้เครื่องบิน ไปอ่านกันต่อจาก เหตุร้ายบนเครื่องบิน...[ขึ้นเพลง มิสชั่น อิมพอสสิเบิ้ล]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น