10 พฤษภาคม 2560

BCLS 2015

อ่านไว้ก่อนไปเวียนเทียน .... ณ โบสถ์เก่าของวัดแห่งหนึ่ง

เวลา 18.00 พุทธศาสนิกชนมากมายมาเข้าร่วมกิจกรรมเวียนเทียนในวันวิสาขบูชา รอบๆด้านนอกวัดมีรถเข็นขายน้ำ ขายดอกไม้ธูปเทียน ขายอาหารง่ายๆ เรียงราย บรรยากาศอบอุ่น ยิ้มแย้มแจ่มใส
สองแม่ลูก คุณแม่น้ำตาลกับลูกสาววัยหกขวบที่กำลังน่ารัก น้องแก้มหอม เดินจูงมือกันถือดอกไม้ธูปเทียน คุณแม่น้ำตาลอยากพาลูกมาซึมซับวัด พิธีการทางพุทธศาสนา ตามครรลอง บ้าน-วัด-โรงเรียน

"คุณแม่คะ คนเยอะเยอะเลย มีแค่คุณตาคุณปู่" เด็กน้อยสังเกตเห็นว่ามีแต่ผู้สูงวัย
"สักพัก คุณพี่ คุณน้อง ก็มานะคะลูก" คุณแม่ผสมโรงคุยกับลูกน้อยอย่างชื่นชม
ทั้งคู่เตรียมเวียนเทียน คนก็ยังเดินเข้ามาอย่างเนืองแน่น แต่อย่างที่น้องแก้มหอมสังเกตจริงๆ ส่วนมากมีแต่ผู้สูงวัย

เวลา 18.45 เจ้าอาวาสพร้อมพระลูกวัด ก็มานำสวดและเดินเวียนเทียน คุณแม่น้ำตาลและหนูแก้มหอมมีความสุขมาก ทุกๆคนเดินอย่างเรียบร้อย สงบ สมาธิ จนไม่มีใครสังเกตเห็นคุณป้าชูใจ ที่มีเหงื่อซึมตามตัว หายใจขัดๆ เดินช้าลงๆ

ตุบ..!! ว้ายๆๆ อะไรกัน !!! เกิดอะไรขึ้น !!! เสียงโวยวายดังมาก แถวที่เคยเป็นระเบียบแตกอย่างกับมดแตกรัง คุณป้าชูใจล้มลง นอนแน่นิ่งกับพื้น ที่สำคัญเหตุการณ์นี้เกิดอยู่ตรงหน้าคุณแม่น้ำตาลและหนูแก้มหอมพอดีเลย คุณแม่นั่งลง กอดแก้มหอมเอาไว้แน่น กลัวหลง กลัวคนอื่นมาชน สายตาแม่ลูกจับจ้องไปที่คุณป้าชูใจ

"แม่ๆ คุณยายเป็นอะไร" หนูแก้มหอมไม่ได้ตกใจมากนัก คุณแม่ยังตะลึงอยู่และตอบว่า "คุณยายเป็นลม" คุณแม่น้ำตาลเริ่มรวบรวมสติได้ มองซ้ายขวาก็เห็นว่าคนเริ่มออกไปจากตรงนั้น และบริเวณนั้นปลอดภัย จึงตัดสินใจที่จะเข้าไปช่วย "เดี๋ยวแม่เข้าไปช่วยคุณยายนะลูก หนูเกาะกระเป๋าแม่ไว้นะคะ"

ทันใดนั้น พระหนุ่มสองรูปวิ่งเข้ามาตรงนั้น พระรูปหนึ่งนั่งลงเอามือจับชีพจรที่คอคุณป้าชูใจ 10 วินาที จนมั่นใจว่าไม่ได้เกิดจากหัวใจเต้นช้า เป็นเพราะหัวใจหยุดเต้นแน่ๆ เลยบอกพระอีกรูปว่า "ท่านไปโทรเรียก 1669 และเอาเครื่องเออีดีในกุฏิของท่านเจ้าอาวาสมาให้ที" ยังไม่ทันไปก็มีพระอีกรูปเดินเข้ามาและบอกว่า "โทรแจ้งแล้วครับ" และวิ่งเข้ามาช่วย

หนูแก้มหอมถามว่า "เออีดีคือ อะไรคะแม่" คุณแม่น้ำตาลบอกว่า "คือเครื่องตรวจหัวใจและช่วยกระตุ้นไฟฟ้า แบบเป็นหุ่นยนต์เลยลูก ไม่ต้องทำเอง เอาเครื่องมาติดกับคุณยาย เครื่องจะช่วยชีวิตคุณยายค่ะ"

พระหนุ่มรูปนั้นจัดท่าคุณป้าชูใจในท่านอนหงาย ท่านนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหัวไหล่คุณป้า เอามือทั้งสองประสานกัน แล้วกดหน้าอกคุณป้าชูใจโดยกดลึกสองนิ้ว ด้วยความถี่ 100 ครั้งต่อนาที เวลาจังหวะปล่อยที่ต่อจากกด ก็ปล่อยให้ทรวงอกคืนตัวเต็มที่ อย่างต่อเนื่อง พอครบ 30 ครั้ง ก็ออกคำสั่งให้พระอีกรูปช่วยหายใจ พระอีกรูปยกคางคุณป้าขึ้น แล้วสูดลมเต็มปอดเป่าเข้าปากคุณป้า

"แม่ๆๆ พระจุ๊บคุณยายด้วยค่ะ" หนูแก้มหอมตื่นเต้น คุณแม่น้ำตาลยิ้มเล็กน้อย แล้วบอกว่า "ไม่ใช่นะลูก หลวงพี่ท่านช่วยคุณยายหายใจเพราะยายหมดสติ ส่วนหลวงพี่อีกคนที่กดตัวคุณยายอยู่ คือช่วยปั๊มหัวใจค่ะ"
"หูย ปั๊มไม่หยุดเลยค่ะแม่" .... "ใช่แล้วลูก การปั๊มหัวใจต้องต่อเนื่อง ห้ามหยุด แล้วหนูลองนับดูนะ พระท่านปั๊มหัวใจครบสามสิบครั้ง อีกคนจะช่วยหายใจสองครั้ง หนูนับเลขเป็นใช่ไหมลูก ลองนับดูสิคะ"
และแล้วเครื่องเออีดี ก็มาถึง พระหนุ่มทั้งสองช่วยกันติดแผ่นตรวจ แล้วเปิดเครื่อง เครื่องบอกว่าจะทำการกระตุกหัวใจ

"แม่คะ หุ่นยนต์พูดได้ด้วย" ... "ค่ะลูก เครื่องหุ่นยนต์จะช่วยพระ ให้ช่วยคุณยายได้ถูก หนูคอยดูนะ เดี๋ยวเครื่องจะช่วยคุณยายแล้ว"
ตึ้ม..เครื่องกระตุกหนึ่งครั้ง ภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจ กลับมาเป็นจังหวะ แล้วพระหนุ่มก็จับชีพจรที่คอ คลำชีพจรได้แล้ว เริ่มหายใจแล้ว ท่านจับคางไว้นะ อ้อ...รถฉุกเฉินมาพอดี

"เราออกมาดีกว่าลูก คุณหมอมาแล้วเดี๋ยวก็ช่วยคุณยายได้" เหตุการณ์วุ่นวายจนรถพยาบาลพาคุณป้าชูใจออกไป เหตุการณ์เวียนเทียนดำเนินต่อไปจนเสร็จ ผู้คนเริ่มทยอยกลับ คุณแม่น้ำตาลกับแก้มหอมเดินออกมาเป็นกลุ่มสุดท้าย อยู่ดีๆ แก้มหอมก็หยุดเดิน !!!

"หลวงพี่ ทำไมหลวงพี่เก่งจังคะ" หนูแก้มหอมหันมาถามพระหนุ่มและเจ้าอาวาส
"นั่นสิคะ คล่องแคล่วมาก ขนาดหนู ไปฟังอบรม การช่วยชีวิต ซีพีอาร์ในสวนตั้งหลายที ยังจำไม่ได้เลย" คุณแม่น้ำตาลก็สงสัย CPR ในสวน

เจ้าอาวาสยิ้ม แล้วตอบว่า "คืองี้โยม ช่วงก่อนวันวิสาขบูชาของทุกปี จะมีหมอคนนึง เขาจะมาช่วยสอนพระในวัดให้ช่วยชีวิตได้ มาทุกปี สอนทุกปี ปีนี้เขาพาเศรษฐีใจบุญมาด้วยคนนึง ซื้อเจ้าเครื่องเออีดี มาบริจาควัดเรานี่แหละ หมอเขาบอกว่า นอกจากที่โรงพยาบาลแล้ว ก็มีที่วัดนี่แหละ ที่จะมีคนแก่ๆ โรคมากๆมารวมกัน ยิ่งวันเวียนเทียนยิ่งมีโอกาสเกิดมาก อาตมากับพระลูกวัด ก็เลยเตรียมพร้อม"
พระหนุ่มบอกว่า "ปกติหมอเขาก็จะมาเวียนเทียนด้วยนะ ทุกปี ในวันวิสาขะ แต่ปีนี้อาตมาไม่เห็นเลย ดูปีนี้หมอเขาซูบลง ใส่แว่นสายตายาวด้วย คงจะเหนื่อยแล้ว"

"คุณหมอคงใจดีมากเลย" ว่าแล้วแม่ลูกก็ลาเจ้าอาวาสและเดินทางกลับบ้าน

หนูแก้มหอมหันมาบอกแม่ว่า "แม่จ๋า หนูอยากกินสายไหมค่ะ สัญญาว่ากินแล้วจะแปรงฟัน" แม่ก็ใจดีบอกว่าได้ แต่ว่าไม่ทัน รถเข็นสายไหมเข็นออกไปแล้ว แม่บอกว่า "เอาไว้ตลาดนัดครั้งหน้าแม่ค่อยซื้อให้ใหม่นะลูก ตอนนี้ลมแรง ฝนมาแล้ว เรารีบกลับบ้านกัน"
"ค่ะ แม่"
..
..
..
รถเข็นสายไหม เข็นออกมาสักพักไปตามถนนเปลี่ยว คนขายยิ้มมุมปาก นึกในใจว่าวันนี้ไม่ต้องแสดงเอง ผลงานที่เขาสอนพระในวัดได้ผลจริงๆ ต่อไปนี้คงวางใจได้ อย่างน้อยคุณป้าชูใจก็ปลอดภัย ชายชราคิดว่าคงหมดยุคของเขาแล้ว น่าจะเกษียณไปเปิดร้านหนังสือมือสอง ทำขนมไทยขายสักที
ทันใดนั้น ก็มีลมพัดมาวูบแรงๆ พัดหมวกฟางเก่าๆขาดๆปลิวไป เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้ม แว่นตาขอบทอง แม้จะมีริ้วรอยจากอายุ แต่ยังดูหนุ่มมาก ลมนั้นพัดเอากระดุมเสื้อม่อฮ่อมหลุดขาดไป เสื้อม่อฮ่อมกระพือสะบัดเห็นเสื้อยืดที่ใส่อยู่ด้านใน สีขาว ตัวอักษรสกรีนสีน้ำเงินเข้ม
..
"อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว"
อ้างอิงจาก BCLS 2015 ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น