แล้วถ้ากินยาพาราเซตามอลเกินขนาดหมอจะช่วยอย่างไร
การวินิจฉัยการกินยาพาราเซตามอลเกินขนาด ประกอบด้วยได้ประวัติการกินยาหรือสงสัยเสียก่อน ผมเคยได้รับปรึกษาตับอักเสบเฉียบพลันรายหนึ่ง ได้ประวัติว่าปวดศีรษะมาก กินยาพาราฯครั้งละสองเม็ดทุกสองชั่วโมงและยาแก้ปวดที่มีส่วนประกอบของยาพาราฯร่วมด้วย อย่างนี้เป็นต้น หรือกลุ่มคนที่ตั้งใจทำร้ายตัวเองโดยกินยาพาราฯมากๆ
ส่วนที่สองคือต้องวัดระดับยาในเลือด เอามาเทียบกับค่ามาตรฐานว่า เราขนาดน้ำหนักตัวเท่านี้ กินยาพาราฯไปกี่มิลลิกรัม เวลาผ่านไปนานเท่าไร เมื่อเทียบระดับยาในเลือดเรากับค่ามาตรฐานอันนี้แล้วพบว่าเกินค่ามาตรฐานก็ต้องให้การรักษา เรียกตารางและกราฟค่ามาตรฐานนี้ว่า Rumack-Matthew Nomogram
.. ในทางปฏิบัติจะทำยากครับ เพราะเวลาก็ไม่ชัด กินไปกี่มิลลิกรัมก็ไม่ชัด แถมเมื่อเราเจาะเลือดตรวจหาระดับยาก็ใช้เวลานานมากกว่าจะทราบผล ..การรักษาส่วนมากจึงจะให้ยาต้านพิษพาราฯไปเลยเมื่อสงสัยและไม่มีสาเหตุอื่นนั่นเอง
ระดับยาที่คาดว่าจะเกิดพิษคือมากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม เช่น คุณน้ำหนักหกสิบกิโลกรัม ก็ประมาณว่ากินยาไป 9000 มิลลิกรัม หรือ 18 เม็ด ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ..แต่นี่คือประมาณนะครับ เพราะแต่ละคนก็พื้นฐานการกำจัดยาไม่เท่ากัน โรคตับเดิมไม่เท่ากัน
ถ้ากินยามาไม่เกินสี่ชั่วโมง ก็จะให้ผงถ่านชาร์โคล หรือเรียกเพราะๆภาษาไทยว่า ถ่านกัมมันต์ ขนาดห้าสิบกรัม ด้วยวิธีรับประทาน *** ผงถ่านดำๆปริมาณมากๆ ฝืดๆ เฝื่อนๆ กินทางปาก ทรมาณมากๆนะครับ ผนเคยลองแล้ว บรรยายไม่ถูก เหมือนคุณกินแป้งทาตัวเลย
หลังจากนั้นก็พิจารณาให้ยาต้านพิษ ..ซึ่งคือยาที่มีชื่อว่า N-acetylcysteine เรียกย่อๆว่า NAC ที่เราใช้ชงดื่มละลายเสมหะนั่นแหละครับ แต่ว่าเวลาเรารักษาเราจะใช้ในรูปยาฉีด (ปัจจุบันแนะนำแบบหยดเข้าหลอดเลือดดำแล้วนะ แบบดื่มไม่ควรใช้แล้ว) โดยมีสูตรการให้ที่ชัดเจน (150-50-100) และอาจให้ต่อเนื่องไปอีกในขนาด 100 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน ไปจนอาการดีขึ้น
เจ้า NAC นี้เป็นสารเริ่มต้นที่ร่างกายจะเอาไปสร้างเป็น glutathione ...ใช่แล้ว ตาโตเลยละสิ กลูต้า...แต่ใช้ทำให้ผิวขาวหน้าเด้งไม่ได้นะครับ สารสุดท้ายของพาราเซตามองที่ชื่อ NAPQI มันมีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะกำจัดด้วยกลไกปรกติได้ เพราะกินเข้าไปมาก จึงต้องเพิ่มกลูต้า ไปกำจัดพาราเซตามอลส่วนเกินนั่นเอง
ยา NAC ก็ไม่ได้ปลอดภัย...เห็นไหม เป็นพิษจากยาพาราเซตามอลก็อันตราย แถมยาต้านพิษก็อันตราย ดังนั้น ไม่ควรให้เกินขนาดครับ คืออาจเกิดปฏิกิริยาคล้ายแพ้ยาผื่นลมพิษ (ใครสนใจไปอ่านเพิ่มเพราะมันไม่ใช่ "แพ้ยา" เรียก anaphylactoid reaction)
และก็ต้องรักษาประคับประคองอาการจากภาวะตับอักเสบรุนแรงเฉียบพลันอีกหลายประการ ในกรณีที่รุนแรงมากและ "เอาไม่อยู่" ก็อาจต้องเข้าเครื่องฟอกตับ...เย้ย..แอดมินเขียนผิด จะเขียนฟอกไตหรือเปล่า ..ไม่ใช่ ถูกแล้ว ฟอกตับที่เรียกว่า MARS (molecular adsorpbent recirculating system) มีไม่กี่ที่ในไทยแลนด์บ้านเรา
และถ้าเอาไม่อยู่ขั้นสุดท้าย ก็ถึงเวลาที่ทหารจะออกมา...เอ้ย..ไม่ใช่ ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนตับเลยนะครับ เรามีเกณฑ์การเปลี่ยนตับ ที่เรียกว่า King's College criteria ที่แยกเป็นตับเสียจากยาพาราเซตามอล และ ไม่ได้เกิดจากยาพาราเซตามอลเลยนะครับ แสดงว่าการเปลี่ยนตับเพราะตับถูกทำลายจากยาพาราเซตามอล มีความสำคัญ มีการศึกษามาก ช่วยชีวิตได้ ..แต่หาตับยาก หาคนเปลี่ยนยาก บริบทในประเทศไทยจึงมัก....
เห็นหรือยังว่า การใช้ยาต้องมีสติอย่างมาก เพราะแค่ใช้ผิดอาจมีผลตามมาถึงเพียงนี้ เมื่อวานเราพอใจกับพระเอกพาราเซตามอล วันนี้พาราเซตามอลกลายเป็นลอร์ดโวลเดอร์มอร์ไปเสียแล้ว สิ่งใดมีคุณอนันต์ กัมีโทษมหันต์ได้ครับ
ดัดแปลงภาพจาก : mdcalc.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น