ออกมาเยอะมาก เจ้าข้อความแชร์แบบนี้ หลายๆเพจนะครับและหลายๆไลน์ ใครอ่านแล้วก็คงทราบได้ว่า มันไม่จริงแน่ๆ ใครๆก็บอกว่าไม่จริง แต่วันนี้เราจะมาแฉแต่เช้าเลยว่า ทำไมไม่จริงและเป็นไปไม่ได้
1. การทำแบบนี้ ให้ทำในโรคหลอดเลือดสมองแตก ... เราไม่สามารถแยกหลอดเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน ได้อย่างชัดๆนะครับ ยกเว้นว่าจะประสบการณ์สูง และอาการชัดเจนจริงๆ ระดับ อ.ทัดดาว สอนนิวโร ถึงแม้กระนันก็ตามก็ยังจำเป็นต้องทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์โดยเร็วเพื่อแยกหลอดเลือดในสมองแตกอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าพบเห็นอาการเหมือนอัมพาตทั้งหลาย ชาวเราชาวท่านจะแยกยากมากนะครับ จึงควรนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดนะครับ
2. เลือดฝอยในสมองจะไหลซึมช้าๆ ... หลอดเลือดที่แตกในสมองมันไม่ไหลช้านะครับ ไหลเร็วมากเพราะมีแรงดันเลือดสูงครับ ความเป็นจริงคือเลือดจะออกเร็ว อาการจะรุนแรงรวดเร็ว บางคนเลือดออกปุ๊บ สลบ ชัก ตาย ภายในเวลาหลีกสองสามนาทีเองนะครับ ไม่ได้ค่อยๆซึมออกมาแต่อย่างใด และการขยับตัว ไม่ได้มีผลให้เลือดออกมากขึ้นนะครับ ไม่งั้นเราคงเคลื่อนผู้ป่วยไปทำเอกซเรย์ไม่ได้แน่ๆ
3. การปล่อยเลือดโดยใช้เข็มจิ้มปลายนิ้วให้เลือดหยดทีละหยด...อันนี้มั่วอภิมหามั่ว...เราใช้เข็มจิ้มเลือดออกทีละหยด ต่อให้ สิบนิ้วพร้อมกันเลย เลือดก็จะออกสิบหยดถูกไหม สิบหยดคิดเป็นเลือดแค่หนึ่งซีซี เท่านั้นจากปริมาณเลือด 4500-5000 ซีซี นะครับ สมมติเลือดออกวินาทีละหนึ่งซีซีก็ต้องใช้เวลา 1000 วินาที จึงจะออกหนึ่งลิตร สิบหกนาทีครับ
ในความเป็นจริง มัยนานกว่านั้นมากๆ และ เลือดออกแค่สี่ห้าหยด ก็หยุดเองแล้ว เพราะฉะนั้น การจิ้มปลายเข็มไม่มีทางที่เลือดจะออกมามากถึงขั้น "ปล่อยเลือด" ได้อย่างแน่นอน
4. ปล่อยเลือดแล้วจะได้อะไรออกมา..คำตอบ..ถ้าปล่อยเลือดได้มากจริงๆดังว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลวไปก่อน เสียเลือดไปลิตรเดียวก็ช็อกได้เลยนะครับ คือตายก่อนจะดีขึ้นแน่ๆ... และถึงแม้ระบบไหลเวียนจะเริ่มสั่นคลอนจากการเสียเลือด ไอ้เลือดที่ออกในสมองหรือแรงดันในกระโหลกมันไม่ได้ลดลงนะครับ เพราะร่างกายเรามีระบบ..ปรับตั้งอัตโนมัติ..autoregulation ไม่ให้ความดันเลือดแดงในกระโหลกแปรปรวนมากเกิน
5. ในภาวะสมองขาดเลือด หรือ เลือดออก ร่างกายจะมีการปรับตัวโดยเร่งความดันเลือดแดงขึ้นเพื่อส่งเลือดไปชดเชยให้กับสมองส่วนที่ยังดีอยู่ ดังนั้นความดันเลือดแดงจะสูงขึ้น ถ้าเราเจตนาไปลดความดันมากๆ อย่างที่ซินแสกล่าว (ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว) จะทำให้เลือดไปสมองลดลงอีก สมองจะตายมากขึ้น การปรับความดันในขณะเลือดแตกในสมอง ต้องมีวิธีที่เคร่งครัดรัดกุมที่สุดครับ
7. ปากเบี้ยว ให้ดึงหู จิ้มติ่งหู รอให้หายเบี้ยว...ขอโทษ รอไปเหอะ รอจนนถไฟความเร็วสูงมาทั่วประเทศก็.ไม่..หาย..เบี้ยว เพราะนี่คือความผิดปกติของศูนย์ควบคุมการเคลื่อนที่กล้ามเนื้อใบหน้า ถ้าจะคืนสภาพซึ่งก็ไม่ร้อยเปอร์เซนต์ ก็เกิดจากการทำลายไม่มากและเซลประสาทยังไม่ตาย..แค่สะเทือนชั่วคราว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการจับติ่งดีดติ่งเจาะติ่งใดๆทั้งสิ้น
8. ห้ามเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพราะเลือดอาจจะออกมากขึ้นจนเป็นอัมพาต...คือ ตอนนี้อัมพาตอยู่นะ ถ้าไม่รีบเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาล อาจจะเป็นอัมพาตถาวร สูญเสียโอกาสทองในการหาย #อันนี้เป็นประโยคที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด ต้องจับคนอธิบายมาลงโทษอย่างสาสมที่สุด ..เพราะคุณควรรีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ถ้าตีบแล้วเราไปในสามชั่วโมง หรือไม่เกินสี่ชั่วโมงครึ่ง อาจจะยังพอแก้ไขได้โดยให้ยาละลายลิ่มเลือด หรือถ้าเลือดออก ถ้าได้รับการผ่าตัดก็อาจจะพอฟื้นคืนสภาพได้บ้าง
9.ถ้าทำตามที่ซินแสบอก จะฟื้นคืนสภาพเดิมร้อยเปอร์เซนต์ ... ขอโทษ ไม่มีอะไร 100% ในทางการแพทย์ .. สิ่งต่างๆล้วนเป็นอนัตตา เป็นคำพูดที่เป็นเท็จนิรันดร์ ขนาดการทดลองศึกษาที่ดีที่สุด ประสิทธิภาพยัง 60-70% เองครับ นี่ซินแสทำผิดหมด แต่จะมาอ้าง 100% ก็ออกจะเกินจริงนะครับ
10. ถ้ารักตัวเอง รักพ่อแม่ รักโลก รักเพื่อน ก็แค่อ่านเฉยๆ ยิ้มมุมปาก ขำในลำคอ แล้วปล่อยมันทิ้งไป ยิ่งเราไปสนใจ ไปพูดไปแชร์ ก็ยิ่งเข้าทาง .. พูดหรือแชร์แสนๆครั้ง อาจมีคนหลงเชื่อคนนึง และถ้าเขาทำตาม มันก็คือความสูญเสียแล้วครับ ดังนั้น..ข้อมูลเท็จในมือ(ถือ)ท่าน ลงถังเถอะครับ
จาก..มือปราบไซเบอร์หน้าหยก ที่จะมาช่วยนักเทคนิคการแพทย์ขอบตาคล้ำๆคนนึง ไม่ให้คนหลงผิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น