ในภาวะปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป คนมีชีวิตยืนยาวขึ้น วิทยาการก้าวหน้าขึ้น คนเป็นเอดส์ไม่ตาย คนเป็นมะเร็งก็หาย วัคซีนไปทั่วทุกหัวระแหง ภาระการเจ็บป่วยและการตายได้เปลี่ยนโฉมหน้าไปแล้วในช่วง 25 ปีตั้งแต่ปี 1990 โรคติดเชื้อเดิมๆลดลงไป สาเหตุการตายการพิการในทุกๆภูมิภาคในโลกโดยองค์การอนามัยโลกและธนาคารโลก ได้ออกมาเป็นทางเดียวกันว่า ศัตรูอันดับหนึ่ง ตอนนี้คือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจหัวใจขาดเลือด และ โรคหลอดเลือดแดงสมองตีบ
ประเทศไทยเองนั้นได้ก้าวพ้นขีดประเทศกำลังพัฒนาไปแล้ว คาดเดาได้เลยว่าในอีก 10-20 ปีข้างหน้า เราก็จะต้องมีแต่ผู้ป่วยโรคนี้มากมายมหาศาล (ในประเทศกำลังพัฒนาสัดส่วนโรคนี้ยังสูสีกับโรคติดเชื้อ) แม้เราจะมีเทคโนโลยีที่ดีมากในการช่วยผู้ที่มีอาการของโรครุนแรงไม่ให้..ตาย..แต่พวกเขาก็ยังเป็นภาระและต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาอย่างมหาศาล มันจะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราป้องกันและลดความเสี่ยงไม่ให้..เป็นโรค..
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เข้าสู่ยุคเบบี้บูมเมอร์ ช่วงที่เราต้องการแรงงานคนเข้ามาพัฒนาประเทศ เข้าสู่ยุคสงครามเย็น เราพัฒนาการป้องกันโรคไม่ทันปริมาณคนที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้คนเกิดมากขึ้น แต่ก็ตายมากขึ้น ในยุคนั้นคือ การตายจากการคลอดที่ไม่ปลอดภัย การขาดสารอาหาร และโรคติดต่อ สุขอนามัยที่แย่มาก ก่อกำเนิดเป็นองค์กรต่างๆที่มาแก้ไขปัญหาตรงนี้ไม่ว่าจะเป็น WHO, UNICEF, UNAIDS, FAO หรือองค์กรการกุศลต่างๆ มูลนิธิต่างๆของมหาเศรษฐีระดับโลก เข้ามาทุ่มเท การพัฒนายารักษาโรคเอดส์ การส่งอาหาร แก้ไขน้ำสะอาด ลงทุนเรื่องการเกิดรอดลูกปลอดภัย สร้างวัคซีนต่างๆ ในช่วง 50 ปีหลังมานี้ เรื่องพวกนี้ลดลง ผู้คนอยู่รอดมากขึ้น แต่เรากลับต้องมาเผชิญกับ ศัตรูอีกอย่างหนึ่งที่เกิดมาคู่ขนานกัน
เมื่อผู้คนอยู่ได้นานขึ้น อาหารการกินพัฒนาขึ้น โลกทุนนิยมเข้าครอบคลุมทั่วทุกที่ ในทางการแพทย์นั้น เราพัฒนาการรักษาไปถึงสุดยอดภูเขาน้ำแข็ง คุณเป็นอัมพาตมาในสี่ชั่วโมงครึ่ง เราก็มียาที่ช่วยได้ หลอดเลือดหัวใจคุณตีบเฉียบพลัน เราใส่สายสวนไปแก้ไขได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ถุงลมโป่งพองคุณกำเริบลมแทบไม่เข้าปอด เรามีเครื่องช่วยหายใจที่ปรับแรงดันได้ คุณหัวใจล้มเหลวปอดล้มเหลวร่วมกับไตวาย เราใส่เครื่อง ECMO ใส่เครื่องฟอกเลือด คุณก็รอดมาได้
แต่ขอถามว่ารอดมาเพื่อ...เป็นครั้งต่อไป..หรือไม่ แม้เทคโนโลยีจะดีขึ้นอัตราตายลดลง แต่การเจ็บป่วยและการเกิดโรคใหม่นั้นไม่ได้ลดลงมากนัก
เรามีการคิดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากโรคที่เรียกว่า Disability Adjusted Life Year (DALYs) เราต้องสูญเสียทรัพยากรทั้งทางตรงเช่นค่ารักษา และทรัพยากรทางอ้อมเช่น ไม่สามารถทำงานได้ เงินของลูกหลานที่ต้องเอามาดูแล มาคำนวนเป็นความสูญเสียเท่าไรที่ต้องสูญเสียไป หากเกิดโรคนี้ต่อคนหนึ่งคน ในหนึ่งปี
ในระดับทั้งโลก เราสูญเสียทรัพยากรต่อปีในแง่ (DALYs)สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ 129.8 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในขณะที่อุบัติเหตุท้องถนนแค่ 75.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โรคติดเชื้ออันดับหนึ่งคือเอดส์สูญเสีย 81.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี โรคอันเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดมากขึ้น แนวโน้มนี้ก็จะพุ่งมากขึ้น ตามวิถีชีวิตและสังคมที่สูงอายุมากขึ้น
แนวโน้มยาและการศึกษาปัจจุบันจะมุ่งแก้ไขโรคกลุ่มนี้มากที่สุด เพราะมีผลกระทบสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลิกบุหรี่ การควบคุมความดันโลหิต การปรับอาหาร การคุมไขมัน การคัดกรองโรค วัคซีน
เป้าหมายคือต้องการให้ชีวิตมีความสุขมากกว่าอยู่นานแต่อมโรค ลดปัจจัยสุดร้ายสามอันดับแรกตามลำดับมากน้อย คือ ความดันโลหิตสูง บุหรี่ และ แอลกอฮอล์
ถามใจคุณเอง..ถึงเวลาปรับอาหารการกินหรือยัง
ถามใจคุณเอง..ลุกขึ้นมาออกกำลังกายได้หรือยัง
ถามใจคุณเอง..เลิกสูบบุหรี่ เลิกเหล้าได้หรือยัง
ถามใจคุณเอง..ลงทุนเพื่ออนาคต เพื่อใช้ชีวิตอย่างสบาย หรือเพื่อรักษาโรค
ถามใจคุณเอง..ยังเชื่อสื่อที่ไม่น่าเชื่อถือ แล้วทำตามอีกไหม
..
..
.. .สำหรับแฟนเพจคงทราบดีว่าผมเน้นเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด
..
อีกไม่กี่เพลา จะได้พบกับ แนวทางการใช้ยาเพื่อรักษาและลดความเสี่ยงจากโรคไขมันในเลือดผิดปกติ ฉบับประเทศไทย ปี 2559 ที่เพิ่งออกมา ของคนไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น