การติดตามผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยใช้การตรวจการอักเสบแบบรวม DAS 28 คืออะไร และจริงๆแล้ว ทุกคนก็สามารถทำได้ในทุกระดับโรงพยาบาล ผู้ป่วยเองก็สามารถทำความเข้าใจได้ดีครับ
ปัจจุบันการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้พัฒนาไปอย่างมากมายตั้งแต่การวินิจฉัย เกณฑ์ปี 1987 ที่จำเพาะมากแต่ไม่มีความไวมากนัก จนมาถึงปี 2010 ที่มีการใช้การตรวจเลือด Anti CCP มีการให้คะแนนการวินิจฉัย ทำให้เราตรวจคนไข้ได้ไวขึ้น ตรวจคนไข้ที่เป็นโรคตั้งแต่ระยะแรกได้มากขึ้น แต่ก็ต้องแยกโรคอื่นๆที่อาจเหมือนรูมาตอยด์ในระยะแรกๆด้วย
การวินิจฉัยเร็วขึ้นและรักษาเร็วขึ้นนั้น ก็จะลดโอกาสการเกิดข้อพิการผิดรูปและยังควบคุมโรคได้ดีกว่าปล่อยให้อักเสบไปนานๆ แต่ว่าเมื่อรักษาเร็วขึ้นแล้วนั้นก็จะต้องให้การรักษาที่สามรรถหยุดการอักเสบหรือลดการอักเสบของข้อให้น้อยที่สุดด้วย สมาคมโรคข้อต่างๆทั้งอเมริกา ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และไทย ได้ตกลงให้ใช้การดำเนินโรคโดยมีการตรวจข้อร่วมด้วยเป็นสำคัญ เพื่อใช้ในการติดตามและปรับการรักษา
สามารถใช้ระบบการให้คะแนน CDAI (clinical disease activity index) หรือ SDAI (simple disease activity index) แต่ที่จะมากล่าววันนี้ คือการใช้ระบบการให้คะแนนแบบ DAS 28 ซึ่งแพร่หลายและปัจจุบันไม่ต้องมาคำนวณ เพราะสูตรคำนวณยากมาก ไปดาวน์โหลดโปรแกรมมาได้เลยครับ มีทั้งไอโอเอส และ กูเกิลเพลย์สโตร์ ทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี สามารถคิดตามได้ว่าดีขึ้น แย่ลง ในภาพรวมและเป็นรูปธรรมกว่าถามอย่างเดียว
การประเมินแบ่งเป็นสามส่วน ถ้าทำตามการให้คะแนนก็จะเป็นการตรวจที่ดีด้วย คือ สอบถามอาการจากคนไข้ให้คะแนน เรียกว่า visual analog scale แบ่งคะแนนความปวดเป็นศูนย์ถึงร้อย ศูนย์คือ โรคสงบไม่ปวดเลย ส่วนร้อยคือปวดมากที่สุด (ส่วนตัวคิดว่ามันกว้างมาก ผมให้คนไข้แบ่ง 10-20-30...-100 ง่ายขึ้น)
ส่วนที่สองเป็นการใช้ค่าการอักเสบ ว่าจะใช้ค่า ESR หรือ CRP จากการเจาะเลือด ใค่าใดค่าหนึงก็ได้ในสองค่า แต่ขอให้ใช้ค่านี้ไปตลอดในการติดตามคนไข้คนเดียวกันไปตลอด จะได้เปรียบเทียบกันได้
ส่วนที่สามนี่สำคัญสุดเลย คือการตรวจข้ออย่างน้อย 28 ข้อ ข้างละ 14 ข้อคือ ข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ และข้อนิ้วอีกมือละ 10ข้อ และข้อเข่า รวมเป็น 14x2 = 28 นับว่าปวดกี่ข้อ บวมกี่ข้อ จะนับแยกปวดกับบวม มาใส่ในแต่ละช่อง
เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมด กดคำนวณครับว่าเทียบกับครั้งก่อนแล้วมากขึ้นน้อยลงอย่างไร ค่า DAS-28 ที่ถือว่าโรคสงบคือน้อยกว่า 2.6 ถ้าค่ามากกว่า 5.1 แสดงว่าการดำเนินโรคยังรุนแรงมาก
แนวโน้มปัจจุบันต้องการให้โรคสงบเร็วที่สุด นานที่สุด ถ้าโรคไม่สงบจะได้ใส่ยากลุ่มสารชีวภาพได้เร็วขึ้น ไม่ปล่อยให้โรคเป็นนานเกินไป เพราะอักเสบนานเกินไปข้อผิดรูป ถึงรักษาดีแค่ไหนก็ไม่ค่อยเกิดประโยชน์ครับ การใช้ DAS-28 จึงช่วยการประเมินเป็นรูปธรรมมากขึ้น สื่อสารแบบเดียวกัน ทำให้ง่ายขึ้นครับ
สุดท้าย การวางเป้าหมายร่วมกันและตกลงร่วมกันของผู้ป่วยและผู้รักษา ถือเป็นแนวทางและวิธีการที่สำคัญที่สุดอยู่ดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น