30 กันยายน 2559

การติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชาย

บทความนี้ตั้งใจเขียนใช้ชาวเกย์ ด้วยความรักและห่วงใยครับ..แต่อ่านได้ทุกคนนะครับ
เป็นบทความที่ยาวมาก มาลงวันเสาร์ จะได้มีเวลาอ่านกันนะครับ

สถานการณ์การติดเชื้อไวรัส HIV ในปัจจุบัน จากการติดตามในอเมริกา ภาคพื้นยุโรป เอเชีย พบว่า สถานการณ์การติดเชื้อ HIV เริ่มชลอตัวลง ผู้ป่วยรายใหม่ลดลง ผู้ป่วยรายเก่ามีชีวิตอยู่ยืนยาว แต่ผู้ป่วยรายใหม่ที่ลดลงนั้น บางส่วนเกิดจาก ไม่รู้ตัวไม่ยอมตรวจนะครับ สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบ พบว่ากลุ่มอายุเริ่มน้อยลง เกือบ 60% เป็นกลุ่มอายุ 18-24ปี และในกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นกลุ่มชายรักชาย (ที่มีเพศสัมพันธ์กัน เราเรียกชื่อสากลว่า MSM) ถึง 58-61% ในช่วงปี 1999-2014
  การกระจายตัวนี้เป็นจริงในทุกภูมิภาคของโลก สัดส่วนมากในกลุ่มชาวละตินอเมริกาและอาจพบน้อยลงในกลุ่มชาวอาหรับและแอฟริกาตอนเหนือ เพราะสาเหตุใดเดี๋ยวจะอธิบายนะครับ

  เหตุใดในกลุ่ม MSM จึงมีโอกาสติดเชื้อมาก เอาประเด็นที่ชัดเจนก่อนนะครับ การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักจะเกิดการบาดเจ็บได้มากกว่าเพราะเยื่อบุทวารหนักบางกว่าช่องคลอดมากมาย โดยเฉพาะถ้าเป็นฝ่ายถูกสอดใส่หรือฝ่ายรับ จะมีโอกาสรับเชื้อมากกว่าฝ่ายรุก 13 เท่าครับ  การใช้ถุงยางยังมีจำนวนน้อยครับและบางส่วนก็ใช้ถุงยางและสารหล่อลื่นไม่เหมาะสมด้วย
   ประเด็นที่ผมจะกล่าวย่อหน้านี้อ่อนไหวและต้องอาศัยปัจจัยทางสังคมมาก เช่น ในบางประเทศการรักร่วมเพศถือเป็นอาชญากรรม ต้องรับโทษ ทำให้ผู้ที่เป็น MSM ไม่กล้าเปิดเผยตัว ไม่กล้าเข้าไปตรวจ ไม่กล้าเข้าถึงถุงยาง การรักษา เพราะกฎหมายที่เคร่งครัด เช่น เยเมน ซาอุดิอารเบีย ซูดาน เป็นต้น   ในอีกประเด็นคือ สังคมยังมองพวกเขาแตกแยกออกไป เป็น homophobia socials คือคิดว่าเขาแปลก เขาน่ากลัว เขาจึงเข้าไม่ถึงการบริการทางการสาธารณสุข และไม่กล้าเผยตัว
   ผมว่าในโลกยุคใหม่ ไทยแลนด์ 4.0 ยอมรับเรื่องนี้เสียเถิด ออกจากกะลากันได้ ถ้าเราดูแลรักษาคนกลุ่มนี้ดีๆ เขาปลอดภัยและคุณภาพชีวิตดี เขาจะสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติและโลกนี้อีกมากครับ  ..คนเราเท่ากันครับ..

   ข้อดีคือในกลุ่ม MSM นั้นมักจะทราบความเสี่ยงตัวเองดี และเดินไปเข้ารับการคัดกรองโรคและรักษาด้วยตัวเอง ในอเมริกานั้นเข้าถึงการรักษาได้ 84% และสามารถรักษาได้กว่า 58%  ทำให้อัตราการเสียชีวิตในกลุ่มนี้ค่อนข้างต่ำครับ
   แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ไม่ยอมไปตรวจ และยังมีเชื้ออยู่แพร่กระจายต่อไป ประมาณ 1ใน 6 ของกลุ่ม MSM พอๆกับกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ต่างเพศครับ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อาจแพร่เชื้อได้มากในอนาคต
  ปัจจุบันนี้หลายๆองค์กรจึงมาให้ความสนใจกับกลุ่มนี้นะครับ เพื่อให้เข้าถึงการรักษาได้เร็ว ลดการติดเชื้อรายใหม่ ลดอัตราการเสียชีวิต เพื่อให้ได้เป้าหมายขององค์การอนามัยโลกครับ  ในเว็บไซต์ AVERT.org ให้โครงความคิดการป้องกันการติดเชื้อรายใหม่ได้น่าสนใจ ผมขอสรุปและย่อยจากข้อมูลหลายๆที่นะครับ จะลงที่มาให้ท้ายบทความ

1. ใช้ถุงยางคุณภาพดี เพราะต้องรับแรงมากกว่าปกติ อย่าลืมว่าถุงยางออกแบบมาใช้กับช่องคลอด  และใช้สารหล่อลื่นที่เป็น water-based คือเป็นน้ำ อย่าใช้แบบน้ำมัน ถุงยางจะเปื่อยและขาดครับ water-bsaed หาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปครับ

2.ใช้ชุดทดสอบการติดเชื้อให้ครอบคลุมและเข้าถึงง่าย เช่น ชุดทดสอบเองที่บ้าน หรือเป็นรถเคลื่อนที่ แบบไม่ต้องแจ้งชื่อเสียงเรียงนาม แบบ คลินิกนิรนามนั่นเองครับ มีการศึกษาในบราซิลพบว่า คนเข้ารับบริการเพิ่มขึ้นมาก สามารถตรวจโรคระยะต้นได้ดี ทราบสถานะตัวเอง บดการแพร่กระจายเชื้อได้

3.สร้างความเข้าใจและพลังสังคม อันนี้ยากสุดๆครับ ต้องให้ความสำคัญ ในประเทศแถบแอฟริกา ให้ MSM มาทำงานอาสาสมัครดูแลผู้ติดเชื้อ คนในสังคมก็ยอมรับมากขึ้น เพื่อกำจัดความเกลียดกลัวต่อรักร่วมเพศที่มีมานานครับ ส่วนตัวผมว่าสังคมไทยเริ่มยอมรับมากขึ้นครับ คุณวู๊ดดี้ยังแต่งงานและอยู่ได้อย่างดี

4. สร้างช่องทางเข้าถึงการรักษาให้มากขึ้น เช่น  รพ.สต. รพ.ชุมชน คลินิกนิรนาม หรือแม้แต่ในสังคมออนไลน์ก็มีช่องทางช่วยเหลือ ในประเทศไทยก็มีนะครับ Adam's Love Organisation ที่พร้อมให้ความรู้ มีเว็บบอร์ด ลองไปเยี่ยมได้ที่ www.adamslove.org ที่เป็นตัวอย่างของการสร้างความช่วยเหลือออนไลน์ของโรคนี้เลยนะครับ

5. การให้ยาป้องกัน เป็นกระบวนการเสริมจากการใช้ถุงยาง เพราะยังมีรายงานการไม่ใช้ถุงยางอีกมาก 55% ในกลุ่มประเทศรายได้สูง ส่วนประเทศรายได้ปานกลางใช้ถุงยางแค่ 29% การใช้ยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อจึงมีความสำคัญ องค์การอนามัยโลกคิดว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อรายใหม่ได้ 20% ลดการแพราเชื้อในกลุ่ม MSM ได้กว่า 90%  อย่าบืมว่าเป็นการรักษาเสริมนะครับ ต้องใช้คู่กับถุงยางและวิธีอื่นๆด้วย

  แต่มี 67% เท่านั้นที่กินยาสม่ำเสมอตามวิธีการเพราะยังมีปัญหาราคายา การเข้าถึงยา กลัวว่าคนจะรู้หากใช้ยาแบบนี้    การศึกษาชื่อ iPrEX ศึกษาในกลุ่ม MSM ที่ยังไม่ติดเชื้อ 2500 ราย ให้กินยาวันละเม็ดทุกวันๆ ติดตามไปหนึ่งปี พบว่าลดโอกาสการติดเชื้อได้ 44% เทียบกับกลุ่มไม่กินยา และพบว่ากลุ่มที่ติดเชื้อใหม่นั้นส่วนมาก...ไม่กินยา
    แนวทางปัจจุบันจึงสรุปว่า ใน MSM ที่ยังไม่ติดเชื้อเอดส์ และยังเสี่ยงอยู่ต่อเนื่อง ควรใช้ถุงยางร่วมกับการกินยาป้องกันครับ (tenofovir/emticirabine) กินให้สม่ำเสมอวันละครั้ง มาพบแพทย์ประจำเพื่อติดตามความสม่ำเสมอการกินยา ผลข้างเคียงจากยา และตรวจหาการติดเชื้อที่จะเกิดขึ้น จะได้เข้ารับการรักษาได้เร็ว
  การศึกษาล่าสุด ANRS-IPERGAY ให้กินยาแค่ก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์ร่วมกับการป้องกันพื้นฐาน ไม่ต้องกินทุกวัน ก็พบว่าลดโอกาสการติดเชื้อได้ 86% เทียบกับไม่กินยา ซึ่งยังคงต้องรอการศึกษาเพิ่มเติม  แต่ก็สามารถบอกได้ว่าถ้ากินยาอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้ออย่างแน่นอน

อย่างที่บอกครับ ไม่มีใครยืนสูงกว่าใคร ทุกคนเท้าสัมผัสพื้น..ที่เสมอกัน เท่ากัน..

ที่มา  : CDC 2016, WHO, eurosurveillance june 2015, Lancet July 2012, iPrEX trial from NEJM, IPERGAY trial from NEJM, www.avert.org, www,adamslove.com, IAS guidelines 2016

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น