…ระยะหลังการนี้การออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานเป็นที่นิยมมากขึ้น สัปดาห์ที่แล้วมีผู้ป่วยส่งมาปรึกษาเนื่องจากอาการชา ผู้ป่วยรายนั้นเป็นผู้นิยมจักรยานเช่นกันครับ
การออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานเป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะไม่ได้มีแรงกระแทกมากนัก จุดรองรับน้ำหนักเกือบทั้งหมดอยู่ที่อานนั่งจักรยาน ทึ่เป็นรูปหัวลูกศรขนาดเล็กกว่าก้นของเราๆท่านๆมากมายนัก แรงกระทำที่จุดรับน้ำหนักจึงสูงมาก เวลาที่เราปั่นจักรยานนานๆหรือปั่นต่อเนื่องกันหลายๆวัน ก็จะเกิดอาการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทและหลอดเลือดบริเวณนั้นๆได้
สำหรับการปั่นจักรยานนั้นจะมีการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทที่มีชื่อว่า pudendal nerve เป็นเส้นประสาทรับความรู้สึกบริเวณก้น ขาหนีบ อวัยวะเพศ สำหรับกลไกการกดที่ชัดเจนยังไม่มีบทพิสูจน์ชัดๆ แต่หลายทฤษฎีก็อธิบายถึงแรงกดต่อเส้นประสาทเส้นนี้ (โดยเฉพาะทฤษฎีที่อธิบายว่าไปกดเส้นประสาทที่ Alcock Canal) เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับนานๆหรือกดทับซ้ำๆกันก็จะเกิดการบาดเจ็บ ทำให้การส่งกระแสประสาทผิดเพี้ยนหรือขาดตกบกพร่องไป ไม่ว่าจะเป็นอาการชา ขาดความรู้สึก หรือรู้สึกแปลบๆ บริเวณเส้นประสาทนั้นได้
ในการปั่นจักรยานจะพบการชาบริเวณก้น ซึ่งอาจชาได้เป็นสัปดาห์ ชาบริเวณอวัยวะเพศและอาจถึงขั้นหมดความรู้สึกทางเพศได้ ไม่ได้เสื่อมสมรรถภาพหรือใช้การไม่ได้นะครับ แต่ความรู้สึกมันจะลดลง จินตนาการเหมือนเอายาชาไปพ่นที่ขาหนีบประมาณนั้น มักจะเกิดกับสุภาพสตรีมากกว่าสุภาพบุรุษครับ หลายๆการศึกษาก็พบเช่นนี้ แต่อย่าเพิ่งตกใจนะครับ รายงานส่วนมากเกิดแค่ชั่วคราว เมื่อมีอาการดังกล่าวรวมกับประวัติการปั่นจักรยาน หมอก็จะซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อตรวจแยกโรคอื่นๆที่อาจมีอาการคล้ายกันเช่น เนื้องอก เบาหวาน หลอดเลือดผิดปกติ กระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท บางรายอาจทำเอกซเรย์เชิงกรานเพื่อแยกโรคอื่นๆ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีโรคอื่นๆ ก็จะให้การวินิจฉัย bicycle seat neuropathy
อย่างที่ผมกล่าวไป การบาดเจ็บชนิดนี้เป็นการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทชนิดไม่รุนแรง หายเองได้ ในเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์ เรียกการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทแบบนี้ว่า neurapraxia บาดเจ็บและอักเสบบวมแค่ปลอกหุ้มเส้นประสาท การบากดเจ็บของเส้นประสาทในอีกสองลักษณะจะรุนแรงกว่านี้คือ axonotmesis การบาดเจ็บนี้จะแรงขึ้น บาดลีกเข้าไปถึงเส้นใยประสาทโดยที่ตัวเซลประสาทยังดีอยู่ และแบบที่สาม neurotmesis บาดเจ็บแรง ทั้งปลอกหุ้ม เส้นใย เนื้อเยื่อเกี่ยวพันและตัวเซลประสาท การบาดเจ็บสองอย่างหลัวนี้ก็หายเองได้แต่อาจไม่สมบูรณ์ และช้ามาก วันละ 1 มิลลิเมตร บางครั้งต้องใช้การผ่าตัดช่วยครับ ต่างจาก neurapraxia ที่จะหายเองได้ ไม่มียาใดๆที่พิสูจน์ว่าจะช่วยได้นะครับ ทั้งวิตะมินต่างๆ สารนั่นนี่ต่างๆ ยกเว้นให้ยาระงับอาการปวดของปลายประสาทเท่านั้น
การป้องกันที่ดี คือ การปรับเบาะและท่านั่งจักรยานให้เหมาะสม ไม่ให้ถูกกดทับมากเกินไป คงต้องไปปรึกษาร้านจักรยานใกล้บ้าน หรือใช้เบาะที่เรียกว่า cut-away middle seat จะเป็นเบาะจักรยานที่มีรอยบากตรงกลาง เพื่อลดแรงกระแทก เคยมีการศึกษาว่าลดแรงกระแทกต่อบริเวณขาหนีบและก้น ลงได้ 40% และผู้ที่ใช้เบาะแบบนี้มีการบาดเจ็บเส้นประสาทน้อยกว่าเบาะแบบปกติ หรือการใช้เบาะที่เรียกว่า no nose seat คือ ไม่มีส่วนที่ยื่นๆออกมา มีแต่ส่วนรับน้ำหนักที่ก้น ขนาดใหญ่พอจะรองรับปุ่มกระดูกเชิงกรานที่ทำหน้าที่ถ่ายน้ำหนักได้ ก็จะลดแรงกระทำต่อเนื้อเยื่อ กดแรงกดต่อหลอดเลือดได้เช่นกันครับ
นอกจากการปั่นจักรยานแล้ว กีฬาที่ทำให้เกิดโรคนี้มากคือ อเมริกันฟุตบอล ทั้งๆที่มีอุปกรณ์การป้องกันมากมายแต่นักกีฬาที่เกิดเส้นประสาทส่วนคอบาดเจ็บเยอะมากๆ และที่เคยมีรายงานอีกอย่างคือนักกีฬา มวยปล้ำ ไม่ใช่มวยปล้ำในกีฬาโอลิมปิกนะครับแต่เป็นมวยปล้ำแบบ โชว์อลังการ ชื่อ adam copeland ที่บาดเจ็บจนต้องเลิกอาชีพนี้ไปจากการบาดเจ็บของไขสันหลังแบบ neurapraxia นี่แหละครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น